นพดลก้าวเข้ามาในลิฟท์ กดที่ตัวเลขยี่สิบ เพียงอึดใจเดียวลิฟท์ก็เลื่อนขึ้นมาถึงชั้นยี่สิบอันเป็นจุดหมาย
บานประตูลิฟท์สีเงินแยกออกจากกัน นพดลก้าวออกมาจากลิฟท์ ทอดสายตามองไปยังลานจอดรถเบื้องหน้า เห็นรถจอดอยู่ไม่กี่คัน สงสัยว่าชั้นยี่สิบอาจจะอยู่สูงเกินไปกระมัง ลูกค้าส่วนใหญ่ของโรงแรมจึงนิยมพักที่ชั้นล่างๆ ซึ่งสามารถขึ้นลงได้สะดวกกว่า
นพดลเดินมาที่ริมกำแพงด้านข้าง หยุดยืนอยู่ใกล้กำแพงกั้นลานจอดรถ ทอดสายตามองแสงไฟหลากสีสัน ส่องแสงเรืองไสวอยู่ในมหานครที่ไม่เคยหลับ
อาจเป็นเพราะว่าอยู่ในมุมสูง และยังเป็นทิศทางที่กระแสลมพัดผ่าน จึงรู้สึกว่ามีสายลมพัดโชยอยู่ตลอดเวลา
นพดลเดินตรงไปยังห้องน้ำทางปีกซ้าย หลังจากคุยกับยามที่ชื่ออำนวยจนรู้ว่ามารดาของตนรับผิดชอบงานดูแลห้องพักรวมถึงห้องน้ำของชั้นยี่สิบทั้งฟลอ
เด็กหนุ่มชะโงกใบหน้าเข้ามาในห้องน้ำใกล้บันไดหนีไฟทางซ้ายที่มีแสงไฟเปิดเอาไว้ แต่ภายในกลับเงียบกริบ ไม่มีใครอยู่ในนี้
‘หรือว่าแม่แรมอาจจะกลับไปแล้วก็ได้’
นพดลครุ่นคิดในใจ อาจจะสวนทางกันระหว่างทางตอนที่ตนขับรถมา
สาเหตุที่นพดลไม่ใช้มือถือโทรหา ก็เพราะว่าวันนี้โทรศัพท์ของแม่ปิดเครื่องเอาไว้ สงสัยว่าแบตเตอรี่จะหมด นี่แหละที่ยิ่งทำให้คนเป็นลูกชายรู้สึกเป็นห่วงจนต้องขับรถมอเตอร์ไซค์มาตามถึงโรงแรมที่ทำงาน
นพดลตัดสินใจเดินลงมาตามบันไดหนีไฟ ครั้นแล้วก็เห็นผู้ชายหนึ่ง อายุราวๆ ห้าสิบปี ตัวใหญ่มาก ใบหน้าคมคร้ามจัดว่าหล่อ หนวดเคราดกมาก หน้าตาเหมือนมีเชื้อแขกขาวผสมคนไทย ยูนิฟอร์มที่เขาสวมใส่บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นยาม ในมือคีบบุหรี่ ยกหลังมือขึ้นมองนาฬิกาที่ข้อมือหลายครั้ง ท่าทางกระวนกระวาย เหมือนกำลังรอใครสักคน
นพดลรีบดึงความสนใจออกมาจากลุงยามตัวใหญ่คนนั้น ตัดสินใจรีบเดินหลีกลงมาเสียก่อนที่จะโดนเล่นงาน ด้วยอาจโดนยามเข้าใจผิด ว่าเป็นพวกเด็กเล่นยาหรือมิจฉาชีพที่แอบขึ้นมาลักขโมยของในลานจอดรถ
เด็กหนุ่มเดินลงมาตามบันไดหนีไฟได้เพียงสองชั้น จู่ๆ ก็เกิดความสังหรณ์ใจ เมื่อครู่ยังมีห้องน้ำอีกจุด อยู่ทางปีกขวา และยังไม่ได้เดินไปดูตรงนั้นก็กลับลงมาเสียก่อน
นพดลตัดสินใจเดินกลับขึ้นมาที่ชั้นยี่สิบอีกครั้ง ก้าวตรงไปยังห้องน้ำปีกขวา อยูบนชั้นเดียวกันกับห้องน้ำที่เพิ่งขึ้นมาตามมารดาเมื่อครู่ แต่อยู่ในมุมที่เงียบเชียบกว่า เงียบจนน่ากลัว และประตูก็ปิดเอาไว้ เห็นเพียงแค่แสงไฟสีเหลืองนวลสาดลอดออกมาจากขอบประตูด้านล่าง
เด็กหนุ่มก้าวเข้ามาใกล้ประตู ไม่กล้าเคาะ แต่แนบหูฟัง ได้ยินเสียงแปลกๆ คล้ายเสียงครางเบาๆ เล็ดลอดออกมาจากข้างใน แสดงว่าน่าจะมีคนอยู่ข้างใน
วาบหนึ่งในความคิด นพดลอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะโดนผีหลอกหรือเปล่า? แต่ที่ไม่วิ่งกลับลงมา… เพราะอีกใจก็คิดว่าอาจมีใครเป็นอะไรอยู่ในนั้น
ความสงสัยทำให้เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินอ้อมมาทางด้านหลังห้องน้ำ คว้าเก้าอี้พลาสติกสีแดงเก่าๆ ขึ้นมาเหยียบยืน เพ่งมองผ่านกรอบช่องลมเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะตะลึงแทบช็อค… กับภาพที่เห็น
“พี่สันต์… อย่า ฉันจะกลับบ้านแล้ว”
แรมจันทร์ยืนอยู่ที่หน้ากระจกของอ่างล่างหน้า ทอดแนวยาวขนานไปกับความกว้างของห้องน้ำ ลุงยามคนที่นพดลเจอเมื่อครู่ กำลังยืนประกบอยู่ด้านหลัง แกปลดเข็มขัด ถอดกางเกงกองเอาไว้กับพื้น ปรี่เข้ามาสวมกอดแรมจันทร์จากทางด้านหลัง ตอนแกเอี้ยวตัวมาแวบหนึ่ง นพดลเห็นดุ้นเอ็นสีน้ำตาลอวบหนาแข็งเป็นลำ ยาวใหญ่มาก เสียดสีอยู่ระหว่างกลีบก้นของแรมจันทร์
“ดึกป่านนี้แล้วไม่มีใครเห็นหรอกน่ะ… จะรีบกลับไปไหนจ๊ะน้องแรมคนสวย บ้านมันไม่หนีไปไหนหรอก เรามาสนุกกันก่อน”
ลุงยามที่นพดลได้ยินแรมจันทร์เรียกว่าลุงสันต์ จูบไซ้ซอกคอของหล่อน เบียดลำตัวเข้าหาอย่างเร่าร้อน
“ไม่เอาแล้ว… อย่าทำเลยนะ… ”
นพดลเห็นผู้เป็นแม่พยายามขัดขืน แต่แขนของลุงสันต์ก็ล็อคตัวเอาไว้ไม่ให้ดิ้น ลุงสันต์คือคนที่นพดลเจอตรงบันไดเมื่อครู่
“อย่าดื้อน่ะ… เดี๋ยวน้องแรมจะมีความสุข”
แกเอื้อมมือปลดตะขอกางเกงของแรมจันทร์ รูดซิปแล้วกระชากพรืดออกมาจากเอว เผยให้เห็นสะโพกอวบขาวกลมกลึง หนั่นก้นเต็มตึงยังเซ็กซี่ราวกับสาวๆ
“ไม่เอานะพี่สันต์… ฉันจะกลับบ้าน”
แรมจันทร์พยายามขัดขืน
“โธ่… ขอแค่ภายนอกก็ได้… ขอแค่เลียก็ได้”
ลุงสันต์ปะเหลาะประโลม หลังจากกระชากกางเกงของแรมจันทร์ลงมากองอยู่ที่พื้น เสียงออดอ้อนอ่อนหวานทำให้หล่อนใจอ่อน เริ่มหวามไหวมีอารมณ์ ปล่อยให้มือใหญ่ของคนไม่ใช่ผัว เคล้นคลึงสะโพกอย่างนึกมันเขี้ยว
“พี่สันต์… ยะ… อย่า… ”
เสียงร้องห้ามกะท่อนกะแท่น โดนปลุกเปล้ากอดจูบจนเคลิ้ม หากสติที่พยายามต่อสู่กับอารมณ์วาบหวามก็ทำให้หล่อนออกอาการขัดขืน แต่ลุงสันต์ไม่ยอมหยุด แกสอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนินสวาทอุ่นจัดของแรมจันทร์ ตะล่อมล้วงเข้ามาขยำหนอกเนินสามเหลี่ยมทองคำ แน่นนูนเหมือนหลังเต่า บีบเคล้นเหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ
“อูย… เต่าเธอใหญ่จังแรมจ๋า”
นพดลเห็นมือลุงสันต์บีบเคล้นกลีบเนื้อนูนแน่น อวบใหญ่เหมือนพูทุเรียน หนีบเอาไว้ตรงซอกขาของผู้เป็นมารดา ทะลักเป็นยวงเนื้อออกมาจากง่ามขาทางด้านหลัง
“ขนเอ็งดกดำดีเหลือเกิน”
ลุงสันต์ตาวาว จ้องมองกลีบอวบขาว ตัดกับเส้นขนดกดำ โอบล้อมยวงสวาทของแรมจันทร์เอาไว้
ไม่แปลกที่ท่าทางของลุงสันต์ดูหื่นมาก ด้วยแกแอบมองแรมจันทร์มานาน ตั้งแต่วันแรกที่หล่อนเข้ามาทำงานเป็นแม่บ้านของโรงแรม พยายามหาโอกาสลงมือขยี้สวาทมาแล้วหลายครั้ง
พอลุงสันต์รู้จากเพื่อนยามด้วยกัน ว่าสามีของแรมจันทร์ไปทำงานที่ได้หวันนานเป็นปี ลุงสันต์เริ่มครุ่นคิดอยากหาโอกาสเผด็จสวาทหล่อน ด้วยรู้ว่าผู้หญิงห่างผัวแบบนี้มีจุดอ่อนในเรื่องอารมณ์เพศที่ต้องเก็บกดเอาไว้
ลุงสันต์มั่นใจ… ว่าจะทำให้ผู้หญิงว้าเหว่อย่างแรมจันทร์อารมณ์กระเจิดกระเจิงได้ แกจึงตัดสินใจ กล้าจู่โจมปลุกปล้ำเอาอย่างที่เห็นเมื่อได้โอกาส