“ฉันจะไปขอห้องเพิ่ม”
แขไขหมุนตัวจะเดินตามผู้เฒ่าเซียนไป แต่กลับถูกเดชาธรดึงรั้งเอาไว้ เขาต้องพยายามมากแค่ไหนเพื่อให้ได้ห้องพักที่ติดกับผาชมดาว เรื่องอะไรจะยอมให้เธอย้ายไปพักห้องอื่นง่ายๆ กันล่ะ
“อย่าเลยครับ ห้องพักที่นี่แบ่งออกเป็นสามแบบ คือห้องพักคนโสด ห้องพักคู่รัก และห้องพักครอบครัว ผมเคยไปพักที่ห้องพักครอบครัวมาแล้วสมัยเด็ก ที่นั่นวิวไม่ค่อยสวยเพราะติดกับแปลงผัก ส่วนห้องพักคนโสดยิ่งแล้วใหญ่ ติดทางเข้าป่าช้าด้านหลังเลยล่ะครับ ที่ที่ดีที่สุดมีแค่ห้องพักสำหรับคู่รักซึ่งมีอยู่เพียงหลังเดียวหลังนี้เท่านั้น ผมอยากให้คุณได้เจอบรรยากาศดีๆ ทั้งก่อนนอนและหลังจากตื่นนอนก็เลยเลือกที่นี่” เขาอธิบาย
“คุณมันเจ้าเล่ห์” เธอต่อว่าเขา
แขไขครุ่นคิด ถ้าไม่พักที่นี่แปลว่าเธอต้องไปพักที่ห้องพักคนโสดซึ่งติดกับทางเข้าป่าช้าอย่างนั้นเหรอ ไม่ได้เด็ดขาด เธอไม่ค่อยถูกโรคกับพวกผีหรือวิญญาณสักเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้นอนที่นี่ในฐานะคู่รักกับเขามันก็ค่อนข้างลำบากใจไม่น้อย
“ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำอะไรคุณ ผมแค่อยากให้คุณได้พักผ่อนจริงๆ นะ”
ร่างสูงอ้อนวอนเธอทางสายตา เห็นผู้ชายตัวโตมาทำตัวเป็นลูกหมาแบบนี้แล้วอดเอ็นดูไม่ได้จริงๆ ร่างบางจ้องเขานิ่ง มือของเธอยกขึ้นวางแหมะลงบนศีรษะของเขาแล้วลูบเบาๆ อย่างลืมตัว ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อด้วยตกใจ
“เอ่อ...” แขไขที่เหมือนเพิ่งรู้สึกตัวรีบเอามือออกมาไขว้หลังไว้
เธอยืนหลุบตาต่ำมองพื้น แก้มขึ้นริ้วสีแดงพลางคิดอะไรในหัวเยอะแยะไปหมด เมื่อครู่เธอทำอะไรลงไป ทำไมถึงไปลูบหัวเขาแบบนั้น หลายสิ่งหลายอย่างในความคิดตอนนี้เธอไม่สามารถอธิบายมันได้เลย
หมับ...
“คะ...คุณลูบหัวผมได้นะ ถ้าคุณต้องการ” เขาจับมือเธอไปวางบนศีรษะอีกครั้ง ใบหน้าหล่อคมคายที่มักแต่งแต้มรอยยิ้มบนริมฝีปากเสมอเอ่ยเสียงนุ่ม มือใหญ่ที่จับมือของเธอเอาไว้ช่างอบอุ่นกว่าใครที่ผ่านมา
“คุณเป็นลูกหมาหรือไง ถึงได้อยากให้ลูบหัว”
“ใครจะอยากเป็นหมาล่ะครับ แต่ว่า...ถ้าให้เป็นลูกหมาของคุณแค่คนเดียว ผมก็ยินดีนะ” เขายิ้มแป้น
แขไขอยากจะดึงมือออกแล้วต่อว่าเขาแรงๆ ให้เลิกยุ่งกับเธอไปเสีย หากแต่พอเห็นใบหน้าออดอ้อนและรอยยิ้มที่แสนสดใสของเขาแล้วก็ทำไม่ลง หัวใจของเธออ่อนยวบยาบเหมือนใยบวบอุ้มน้ำ
“ใครจะไปอยากเลี้ยงหมาตัวโตแบบนี้กันเล่า หมดตัวกันพอดี”
แม้ปากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่มือเล็กก็กำลังค่อยๆ ขยับลูบหัวของชายหนุ่มที่โน้มตัวลงมาใกล้จนสายตาอยู่ในระดับเดียวกัน ร่างสูงอมยิ้มน้อยๆ จ้องมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยความหลงใหล นาทีนี้สำหรับเขา ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตามมันดูน่ารักไปเสียหมด
‘แค่ยืนเฉยๆ ยังสวยเลยแฮะ’
เขาคิดในใจขณะกำลังมองหน้าเธอที่ยืนลูบหัวเขาป้อยๆ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งแรกในตัวเธอที่ดึงดูดเขาคือความสวยงามและรูปร่างอันเพอร์เฟกต์ ทว่าตอนนี้เขากลับอยากจะรู้จักเธอให้มากกว่านี้ สิ่งที่ทำให้เขาสนใจไม่ใช่กายรูปกายภายนอกเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็น...ทุกๆ อย่าง อะไรก็ตามที่ข้องเกี่ยวกับเธอ เขาอยากจะรู้มันทั้งหมด
เรื่องที่ทำให้ดีใจได้ หรือเรื่องที่ทำให้เสียน้ำตาได้ ไม่ว่าอะไร เดชาธรก็อยากจะรู้ทั้งสิ้น
“พะ...พอหรือยังคะ ฉันเมื่อยแล้วนะ”
“อันที่จริงก็ยังไม่อยากให้พอหรอก แต่ว่า...ผมอยากพาคุณไปที่ที่นึงก่อนที่มันจะค่ำ ไปกับผมนะ” เขาแบมือส่งให้เธอจับ แขไขมองอย่างชั่งใจก่อนจะส่งมือของตัวเองกลับให้เขา
“แค่ช่วงที่กำลังเที่ยวเท่านั้นนะ”
เธอตอบพลางเสมองไปทางอื่น อย่างน้อยก็แค่เจ็ดวันนี้ เธออยากจะพักผ่อนสมองและผ่อนคลายทุกความเครียดที่สั่งสมมา หากชายคนนี้จะเข้ามาช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้คงจะดีไม่น้อย
“คุณนางฟ้าต้องชอบแน่ๆ ผมรับรอง”
“แล้วก็เลิกเรียกฉันว่านางฟ้าสักทีเถอะค่ะ มันน่าขนลุก”
“ฮะๆๆ ติดแค่คุณไม่มีปีกเท่านั้นเอง นอกนั้นน่ะนางฟ้าชัดๆ เลยนะ”
ไอ้นิสัยเถรตรงคิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้นของเขาเป็นสิ่งที่รับมือยากสำหรับเธอที่สุดแล้ว ด้วยในสังคมที่เธออยู่ ทุกคนจะล้วนใส่หน้ากากเข้าหากัน ต่างจากคนที่นี่ ทั้งนนท์นธี หวานเย็น และเขาคนนี้ ทุกคนล้วนแต่พูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกจนหมด
เป็นพวกประหลาดที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
เดชาธรเดินจับมือกับแขไขมายังทางออกหมู่บ้าน ที่หากเดินเลี้ยวขวาไปเพียงไม่กี่เมตรก็จะเจอน้ำตกเล็กๆ อยู่ท่ามกลางดอกไม้ป่าสีขาว เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของหมู่บ้านแห่งนี้ ยิ่งถ้ามาช่วงหน้าหนาวจะมีหมอกปกคลุมทั่วบริเวณราวกับอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน
“ว้าว...” ร่างบางยกมืออีกข้างขึ้นปิดปากด้วยตาเป็นประกาย
เธอไม่เคยเห็นสถานที่สวยงามขนาดนี้ในประเทศมาก่อน แม้จะไม่ใช่สถานที่ที่ใหญ่มากมายเหมือนแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดมาใน ดินแดนต่างมิติ
“สวยใช่ไหมครับ”
“ค่ะ สวยมากเลย” เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม
เดชาธรใจฟู เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอยิ้มอย่างสดใสแบบนี้ ชายหนุ่มปล่อยมือออกจากหญิงสาวให้เธอเดินไปนั่งตรงโขดหิน มือเล็กแตะลงไปในน้ำใสที่เย็นเจี๊ยบ
“เย็นจัง” หล่อนพูดกับตัวเอง
เดชาธรหยิบดอกไม้ป่าดอกเล็กที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นขึ้นมา เขาเดินตามไปทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ เธอ มือหนาจับใบหน้าเล็กให้หันมาหาก่อนจะเสียบดอกไม้ลงที่หลังหูของอีกฝ่าย
“สวยจัง” เขาพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปจูบที่ดอกไม้
แขไขใจเต้นระรัว หลงนึกว่าเขาจะก้มหน้าลงมาจูบเธอเสียอีก บรรยากาศดีๆ กำลังทำให้เธอสับสนและใจอ่อนในสิ่งที่พยายามหลบเลี่ยงมาตลอดสามเดือน
“ฉันหมายถึงวิวที่นี่ต่างหากล่ะ”
“ผมก็หมายถึงดอกไม้นี่ไง คุณคิดว่าผมชมใครหรือ” เขายิ้มยียวน
แขไขตีเพี๊ยะเข้าที่แขนเขาไปหนึ่งทีแล้วดันอีกฝ่ายให้ออกห่าง เธอได้สัมผัสกับความรู้สึกหลากหลายอารมณ์ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเพราะเขาทั้งนั้น จากที่เคยเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง ทำไมพออยู่กับเขาแล้วเธอถึงได้เก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่เลยกันนะ ซ้ำยังเอาแต่โมโหตลอดอีกด้วย
“คุณรู้จักที่นี่ได้ยังไงเหรอ” เธอชวนคุยเพื่อสลัดโมเมนต์แปลกๆ ชวนให้ใจเต้นทิ้งไป
“ถ้าให้พูดตรงๆ ก็หวานเย็นเป็นคนเจอครับ ตอนเด็กครอบครัวของผม ของหวานเย็น และของไอ้นนท์มาเที่ยวที่นี่กัน ตอนนั้นยัยนั่นซนมากแล้วก็วิ่งหายมาเล่นทางนี้ พวกเราเลยเจอที่นี่เข้า เมื่อก่อนไม่สวยเท่านี้หรอกนะครับ ดอกไม้ป่าก็ไม่ขึ้นเยอะขนาดนี้ด้วย แถมช่วงที่มาเที่ยวยังเป็นหน้าร้อนอีก หมอกสวยๆ ก็ไม่มีให้เห็น”
แขไขนั่งนิ่งฟังเขาเล่า เธอมองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มที่พูดถึงเรื่องสมัยเด็กออกมาอย่างมีความสุขก่อนจะนึกแปลกใจในตัวเองว่าทำไมเธอถึงรู้สึกเศร้าขนาดนี้ ในใจเจ็บจี๊ดแปลกๆ
“พูดถึงหวานเย็น...ไม่คิดจะสารภาพรักหน่อยหรือคะ”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามเขาดูไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด แม้เธอจะพยายามระงับโทนเสียงของตัวเองให้นิ่งสงบแล้วก็ตาม คนถูกถามเลิกคิ้วสูง จับสังเกตที่ผิดแปลกในน้ำเสียงของเธอได้
“คุณคิดว่าผมควรสารภาพรักหรือ?”
เขาแกล้งถาม แขไขที่ได้ยินแบบนั้นขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าฉายแววหงุดหงิดอย่างชัดเจน เดชาธรต้องรีบเบือนหน้าหนีเพื่อกลั้นขำ
“ทำไมจะไม่ควรล่ะคะ คุณรักเธอ อย่างน้อยก็น่าจะให้เธอได้รู้ความรู้สึกของคุณบ้าง เอาแต่เก็บเงียบเอาไว้ เธอคงไม่มีวันรู้หรอกค่ะว่าคุณรู้สึกยังไง”
ยิ่งถาม น้ำเสียงของเธอก็ยิ่งฟังดูหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ แขไขกัดฟันแน่นอย่างเจ็บใจ เธอไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอในตอนนี้ ความสงบเยือกเย็นที่เคยมีหายไปไหนหมด
“นั่นสินะครับ มาคิดๆ ดูแล้วผมควรจะบอกเธอจริงๆ ว่าผมรู้สึกยังไง ปล่อยเอาไว้เธอคงไม่มีทางรู้ด้วยตัวเอง ก็เธอน่ะ...ซื่อบื้อจะตายไป”
น้ำเสียงนุ่มนวลยามที่พูดถึงการสารภาพรักของเขาทำให้เธอไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไป แม้จะยังไม่เข้าใจตัวเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้ชัดในตอนนี้คือเธอไม่ชอบที่เขาพูดถึงผู้หญิงคนอื่น และหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยินว่าผู้หญิงที่เขารักไม่ใช่เธอ ไม่ไหว....เธอสงบจิตใจไม่ได้เลย มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน!
“งั้นก็เชิญคุณไปสารภาพรักตามสบายแล้วกันนะคะ ฉันขอตัวกลับที่พัก”
หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงหงุดหงิดขั้นสูงสุด พลันลุกขึ้นเตรียมจะเดินกลับที่พักอย่างที่บอก ทว่าร่างสูงกลับลุกขึ้นตามแล้วกระชากตัวเธอให้หันกลับมาก่อนจะประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม
ร่างบางเบิกตากว้างด้วยตกใจกับการจู่โจมของเขา เธอพยายามดิ้นเพื่อขัดขืนหากแต่ไม่สามารถสู้แรงคนตัวโตกว่าได้ แก้มนวลถูกบีบให้อ้าออกเพื่อที่เขาจะได้สอดลิ้นเข้ามาช่วงชิมความหวานที่ห่างหายไปนาน ภาพความทรงจำคืนนั้นทำให้เขาต้องการเธอมากกว่าเดิม
มือหนาโอบเอวเล็กไว้แน่น จะด้วยบรรยากาศเป็นใจหรืออะไรก็ช่าง แขไขไม่อาจฝืนความต้องการของตัวเองได้อีกต่อไป เธอยกมือขึ้นโอบรอบคอเขาแล้วเริ่มจูบตอบ มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ...ที่เธอคิดถึงจูบของคนๆ นี้ ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่ค่ำคืนเดียวเท่านั้น...
แค่ค่ำคืนเดียวที่ได้มอบร่างกายและหัวใจให้เขาไป
ใครจะคาดคิดว่ามันจะกลายเป็นตลอดกาลแบบนี้...