ตอนที่ 4 จูบทางอ้อม?

1959 คำ
“เสร็จหรือยังครับนางฟ้า ยุงจะหามผมไปกินหมดแล้วนะ” เดชาธรที่นั่งตบยุงรอแขไขอาบน้ำอยู่ด้านนอกตะโกนถาม หลังจากที่เธอหายเข้าไปอาบน้ำได้ร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว เพราะเป็นหมู่บ้านชาวเขา เลยไม่มีห้องน้ำสะดวกสบายอย่างในโรงแรม เป็นเพียงห้องน้ำแบบกระท่อมเล็กๆ ที่พอให้คนยืนอาบได้เพียงคนเดียวเท่านั้น แถมยังสร้างไว้ติดป่ามืดๆ อีกต่างหาก หญิงสาวกลัวที่จะต้องมาอาบน้ำคนเดียวเลยขอให้เขามาเป็นเพื่อน “แป๊บนะคะ ฉันกำลังถูตัว” “เดี๋ยวนะครับ คุณเข้าไปครึ่งชั่วโมงแล้วแต่คุณเพิ่งจะได้ถูตัวเนี่ยนะ แล้วเวลาก่อนหน้านี้คุณเอาไปทำอะไร ยืนหลับเหรอครับ?” เขาถามอย่างสงสัย “จะบ้าเหรอ ฉันก็ต้องมีพอกผิว ขัดตัว ทำสปาก่อนไหมล่ะคะ ใครจะไปแค่ถูสบู่แล้วก็เสร็จเลยกัน” “ผมไง เอ้า ปกติมนุษย์ธรรมดาเขาไม่ได้อาบน้ำกันแบบนี้หรือครับ” “ไหนคุณบอกว่าฉันเป็นนางฟ้าไงคะ นางฟ้าเขาอาบกันแบบนี้แหละค่ะ รอต่อไป อย่าบ่น” เธอสวนกลับมา ทีแบบนี้ล่ะยอมเป็นนางฟ้าของเขาเชียว เดชาธรจำต้องนั่งรอต่อไปโดยไม่ปริปากบ่น เพราะผู้หญิงแบบแขไข ลองได้โกรธแล้วคงง้อยากน่าดู เขาจะไม่เสี่ยงทำให้เธอโกรธเด็ดขาด เพราะคงไม่มีผู้หญิงคนไหนบนโลกหายโกรธเพียงแค่ซื้อไอติมให้หนึ่งแท่งอย่างหวานเย็นแล้วแน่ๆ ร่างสูงสะบัดหัวไล่ความคิดเมื่อเผลอไปคิดถึงคนที่ไม่สมควรจะคิดถึงเข้าอีกแล้ว สำหรับเขาในตอนนี้...คนที่กำลังอาบน้ำอยู่น่าสนใจกว่าเยอะ น่าสนใจจนไม่อาจละสายตาไปได้เลย ซ่า...ซ่า... เสียงน้ำไหลลงกับพื้นทำให้จิตใจเริ่มฟุ้งฟ่าน จินตนาการไปไกลถึงไหนต่อไหน เขาตบแก้มตัวเองเพื่อเรียกสติ หลังจากจูบกันเสร็จไปเมื่อช่วงบ่าย แขไขก็ไม่พูดไม่จาอะไรเลย เธอเอาแต่เดินถ่ายรูปตรงนู้นตรงนี้ไปเรื่อยจนกระทั่งต้องอาบน้ำถึงได้ยอมพูดกับเขา “จูบตอบแบบนั้นจะแปลว่ามีใจได้ไหมนะ” ร่างสูงครุ่นคิดกับตัวเอง จะถามตรงๆ ก็กลัวจะดูเด็กน้อยเกินไป แต่พอไม่ถามกลับกลายเป็นว่าต้องมานั่งตีความเอาเองไปอีก ทำไมชีวิตเขาถึงได้ดูยุ่งยากขนาดนี้นะ กะอีแค่อยากจะมีแฟนดีๆ สักคนแค่นั้น “นี่คุณ ยังอยู่หรือเปล่า” เธอตะโกนถามกลับมา “อยู่ครับ ตบยุงตายไปหลายตัวแล้วด้วย ผมต้องตกนรกกี่ขุมกันนะถึงจะชดใช้ชีวิตให้ยุงพวกนี้ได้” “ไม่ต้องมาประชดเลย ฉันใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ กำลังเช็ดตัว” “ให้ผมเช็ดให้ไหมครับนางฟ้า” “ไม่ต้องมาทำสองแง่สองง่ามกับฉันเลย” ตอบกลับเสียงขุ่น เดชาธรยิ้มกริ่ม ทั้งที่กำลังถูกโกรธอยู่แท้ๆ แต่เขากลับชอบช่วงเวลาที่โดนเธอโมโหใส่เสียอย่างนั้น ปกติจะเห็นแต่เธอทำหน้านิ่งไม่ค่อยแสดงความรู้สึกไม่ว่าจะเวลาปกติหรือในโหมดทำงาน ดังนั้นพอได้กวนโมโหเธอจนอีกฝ่ายปรี๊ดแตกแสดงใบหน้าอารมณ์อื่นออกมาบ้าง เขาถึงชอบใจแบบนี้ เพราะว่ามัน...คือใบหน้าที่เธอแสดงกับเขาแค่คนเดียวยังไงล่ะ แอ๊ด... ประตูห้องน้ำเปิดออก ร่างบางในชุดประจำหมู่บ้านที่ทำจากผ้าฝ้ายสีน้ำตาลแขนยาวกับกางเกงทรงกระบอกขายาวมีลายดวงดาวปักอยู่ทั่วทั้งชุดมองเขาด้วยความไม่มั่นใจ เธอไม่เคยแต่งตัวแนวนี้มาก่อนเลยรู้สึกแปลกๆ “สวยมากเลยครับ” เขาเอ่ยชมเธอพร้อมยิ้มหวาน “เลิกยอฉันสักที คนอะไรจะใส่สวยทุกชุด” “ก็คุณนางฟ้าไง จะนั่ง จะเดิน หรือจะนอนก็สวยไปหมด ผมล่ะแปลกใจมากๆ เลยว่าพระเจ้าทรงทุ่มความสวยมาไว้ที่คุณหมดเลยได้ยังไงกัน อย่างน้อยท่านก็ไม่ควรลำเอียงแล้วแบ่งปันความสวยให้ผู้หญิงคนอื่นด้วยสิ จริงไหมล่ะ” คำพูดของเขาทำเอาเธอต้องแอบยิ้ม มันจะเป็นการคาดหวังที่เกินตัวไปหรือเปล่านะ หากเธออยากจะเป็นนางฟ้าแสนสวยของเขาเพียงคนเดียว... ไม่ๆๆ แขไขส่ายหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดแปลกๆ ออกจากหัว ต้องเพราะโดนเขาชมมากไปจนเพี้ยนแน่ๆ ถึงได้มีความคิดแบบนั้นขึ้นมา “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” “เปล่าค่ะ ไปกันเถอะ” เธอบอกปัดแล้วรีบเดินนำเขาไป จังหวะที่หญิงสาวจะเดินผ่าน เธอเผลอทำบางอย่างร่วงลงมาจากมือ เดชาธรที่กำลังจะลุกขึ้นเดินตามจึงหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาดู ชุดชั้นในจีสตริงตัวบางสีแดงคือสิ่งที่หล่นอยู่ เขาชูมันขึ้นก่อนจะอมยิ้มเมื่อนึกขึ้นได้ว่าในคืนนั้นเธอก็ใส่อะไรที่เซ็กซี่สุดๆ แบบนี้เหมือนกัน “คุณคงชอบสีแดงสินะครับ” เพราะคำถามของเขา เธอจึงหยุดเดินและหันกลับมาดู แต่เมื่อเห็นสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังชูอยู่ตรงหน้าก็ต้องตกใจจนเกือบหลุดกรี๊ด รีบวิ่งกลับไปตะครุบเอาของสำคัญนั้นคืนกลับมา “ทำอะไรของคุณน่ะ” เธอถามหน้าแดง “คุณทำหล่นไว้เอง ผมเลยหยิบขึ้นมาดูก็แค่นั้น” “คุณเรียกฉันให้กลับมาเก็บเองก็ได้ ไม่เห็นจะต้องหยิบขึ้นมาเองแบบนี้เลย นี่มันไม่ใช่การทำผ้าเช็ดหน้าหรือเงินตกสักหน่อยนะคะ” “นั่นสิ ตั้งแต่เกิดมาผมก็เพิ่งเคยเจอคนทำกกน. ตกครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยครับ” “คุณหมอ!” เธอแหวใส่เขาเสียงดัง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายปรี๊ดแตกจริงๆ เขาก็วิ่งหนีเธอไปทางห้องพัก แขไขวิ่งตามหมายจะตีเขาให้หายแค้น ทั้งคู่ส่งเสียงหัวเราะดังไปทั่วจนคนในหมู่พากันยิ้มตามเพราะคิดว่าเป็นคู่รักที่เล่นกันกระหนุงกระหนิง หลังจากวิ่งไล่กันจนเหนื่อย ทั้งสองจึงพากันมาปูเสื่ออยู่ที่ริมผาชมดาวเพื่อรอให้ชาวบ้านเอาอาหารเย็นมาเสิร์ฟ ระหว่างนี้ก็นั่งชมพระอาทิตย์ตกดินไปพลางๆ อีกไม่นานดวงดาวก็จะขึ้นเต็มท้องฟ้าแล้ว “แปลกนะคะ ที่นี่ออกจะสวยมากแท้ๆ แต่ทำไมไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นนอกจากพวกเราเลยล่ะ” แขไขเอ่ยถาม ตั้งแต่มาถึง เธอสังเกตเห็นว่านอกจากเธอและเขาแล้วไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เลย ทั้งที่ห้องพักแบบคนโสดและแบบครอบครัวยังเหลือว่างอยู่ “ที่นี่เขาใช้ชีวิตแบบพอเพียงครับ ไม่ค่อยเดือดร้อนเรื่องเงินทองหรือมีเงินเป็นปัจจัยหลักในชีวิต ทำให้พวกเขาเปิดรับนักท่องเที่ยวแค่ปีละไม่กี่ครั้งเท่านั้น ครั้งนึงก็จะรับแค่ 1 คน 1 คู่ หรือว่า 1 ครอบครัว เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่นักท่องเที่ยวที่มา เงินที่ได้ก็เอาไว้ใช้ดูแลซ่อมแซมพวกสถานที่ส่วนกลางของหมู่บ้านเสียมากกว่า เช่น ลานประชุม โรงอาหาร หรือโรงเรียนของพวกเด็กๆ” ชายหนุ่มอธิบาย “มีโรงเรียนด้วยหรือคะ” “มีสิครับ ถ้าเดินลงไปตามแปลงผักทางนั้นประมาณสามร้อยเมตรก็ถึงโรงเรียนแล้วครับ แต่มีคุณครูแค่คนเดียวเท่านั้น” เขาชี้ไปยังทางเดินข้างแปลงผักที่อยู่ไม่ไกลจากที่ผัก “ฉันอยากเห็นจังเลยค่ะ” “พรุ่งนี้ผมพาไปเอาไหมครับ” “จริงหรือคะ” หญิงสาวตื่นเต้น เธอแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง คิดถูกจริงๆ ที่ให้เขามาด้วย ได้มาใช้ชีวิตในหมู่บ้านที่เงียบสงบไร้ซึ่งการแข่งขัน แถมยังมีบรรยากาศที่ดีชวนให้นึกถึงความฝันอีกด้วย อย่างน้อย ณ ที่ตรงนี้ เธอก็ไม่จำเป็นต้องนึกถึงเรื่องไม่สบายใจพวกนั้น ได้เป็นในสิ่งที่อยากเป็น ทำ...ในสิ่งที่อยากทจะทำ “อาหารมาแล้วค่ะ” อาหารพื้นบ้านต่างๆ ถูกยกมาเสิร์ฟ ทุกเมนูที่วางอยู่บนเสื่อตอนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่เธอไม่เคยลิ้มลองมาก่อนทั้งสิ้น เดชาธรตักอาหารอย่างหนึ่งใส่จานให้เธอ แขไขลังเลที่จะทานมัน ชายหนุ่มเลยตักเข้าปากตัวเองก่อน “อื้มมม อร่อยจังเลย” เมื่อเห็นว่าเขาสามารถทานลงไปได้เธอจึงมีความกล้าที่จะเอาเข้าปากบ้าง รสชาติอาหารบ้านๆ อร่อยถูกปากกว่าที่คิด หญิงสาวยิ้มร่าด้วยถูกใจในความอร่อย เธอลองตักอาหารจานอื่นๆ ชิมดูบ้าง “อร่อย” พึมพำกับตัวเอง ที่ผ่านมาเธอต้องวางมาดเพื่อรักษาภาพพจน์ของตัวเองตามที่คุณแม่สอนมาตลอด ทำให้แม้แต่อาหารข้างทางเธอก็ไม่สามารถทานได้เหมือนคนอื่นๆ จนต้องกลายเป็นผู้หญิงที่ดูเรื่องมากและหัวสูง เดชาธรลอบมองเธอแล้วแอบยิ้มกับตัวเองด้วยความพอใจที่เธอดูติดดินและสบายๆ กว่าที่เห็น ทีแรกเขานึกว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่มีรสนิยมเป็นของตัวเองมากกว่านี้ ทว่าพอได้มาเที่ยวด้วยกัน มันทำให้เขาได้เห็นเธอในหลายๆ มุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์เยอะเกินคาด “ปลานี้อร่อยนะครับ ถึงจะตัวเล็กแต่ผมว่ารสชาติใช้ได้เลยนะ” เขายื่นช้อนของตัวเองที่มีข้าวและปลาตัวเล็กวางอยู่ในนั้นไปทางเธอเพื่อป้อน แขไขมองช้อนในมือของเขาแล้วนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะอ้าปากทานสิ่งที่เขาป้อนให้โดยไม่รังเกียจ ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างดีใจที่เธอยอมทานอาหารช้อนเดียวกับเขาก่อนจะจินตนาการฟุ้งซ่านอีกรอบ “ยิ้มอะไรคะ” เธอถามเมื่อสังเกตเห็นท่าทีแปลกไปของเขา “เหมือนจูบทางอ้อมเลยนะครับ” “คะ?” “ก็เรากินช้อนเดียวกันนี่” เขาตอบด้วยใบหน้าเขินอาย แขไขขมวดคิ้ว มองเขาที่นั่งยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้าก่อนส่ายหัวระอา พลางคิดในใจว่าทำไมเธอถึงใจเต้นให้กับคนแปลกๆ อย่างเขาได้กันนะ “ลองกินนี่อีกไหมครับ” เขาตักกับข้าวใส่ช้อนของตัวเองและส่งให้เธออีกครั้ง ร่างบางส่ายหน้า รู้ทันว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ คงหวังจะให้มีจูบทางอ้อมรอบที่สองสินะ มีหรือเธอจะยอมให้เขาสมหวังดั่งใจปรารถนาง่ายๆ เดชาธรทำสีหน้าผิดหวังที่เธอไม่ยอมทานอาหารที่เขาป้อนอีก “หยิบนั่นให้หน่อยสิ” แขไขชี้นิ้วไปที่แตงกวาหั่นแว่น เดชาธรหยิบขึ้นมาชิ้นนึงแล้วยื่นส่งให้กับเธอด้วยคิดว่าหญิงสาวจะยกจานข้าวของตัวเองขึ้นมารับ ทว่าเธอกลับยื่นหน้าเข้ามาแล้วใช้ปากกัดแตงกวาชิ้นที่เขาส่งให้แทน ริมฝีปากของเธอแตะโดนนิ้วเขาเล็กน้อย ร่างสูงนั่งอึ้งมองเธอที่แสร้งมองฟ้ามองป่าไปเรื่อยด้วยหัวใจที่เต้นรัว เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นจับที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ นานแล้วนะ ที่หัวใจของเขาไม่ได้เต้นแรงอย่าบ้าคลั่งแบบนี้...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม