หลังจากแยกย้ายกลับเรือนของตนไป จ้าวฟางหรูก็ได้แต่จมดิ่งอยู่ในความทุกข์ระทม ทว่านางก็ไม่ยอมแพ้พยายามมองหาทางออกให้ตัวเองอย่างเงียบๆ จู่ๆ นางก็นึกไปถึงใบหน้าหล่อเหลาของบัณฑิตหนุ่มที่เพิ่งได้พบเจอกัน หากเป็นเขาผู้นั้นยังจะดีเสียกว่า ชีวิตนี้นางไม่มีวันยอมที่จะออกเรือนไปกับตระกูลแม่ทัพหรือขุนนางฝ่ายบู๊เป็นอันขาด
“คุณหนู…บ่าวเตรียมน้ำเสร็จแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูรีบไปอาบน้ำแล้วก็พักผ่อนก่อนเถิดนะเจ้าคะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” เปี๋ยเอ๋อบอกจ้าวฟางหรูออกมา พลางมองคุณหนูใหญ่ของนางด้วยแววตาเห็นใจ ทว่าเรื่องเช่นนี้หาใช่เรื่องที่ตนจะสอดมือเข้าไปยุ่งได้
“ขอบใจนะเปี๋ยเอ๋อ”
จ้าวฟางหรูบอกสาวรับใช้คนสนิทของตน จากนั้นจึงเดินเข้าไปภายในห้องอาบน้ำด้วยสติที่เลื่อนลอย เปี๋ยเอ๋อถอนหายใจออกมาก่อนที่นางจะหันไปเตรียมที่นอนให้คุณหนูของนาง
ภายในอ่างน้ำที่เคยมีกลีบดอกไม้ลอยอยู่ ยามนี้มีสตรีเรือนร่างงดงามก้าวเท้าลงไป นางนอนแช่น้ำอย่างใคร่ครวญ พยายามหาทางออกให้แก่ตนเอง นางได้แต่คิดเสียใจในภายหลังว่า เหตุใดก่อนหน้านี้นางไม่คิดจะออกเรือนไปเสีย เหตุใดต้องรอให้ถึงวันที่นางถูกบีบบังคับให้ออกเรือนไปกับบุรุษที่นางไม่เคยต้องการ ครั้นนึกไปถึงใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกใจนางยิ่งนัก ของบัณฑิตหนุ่มที่เพิ่งได้พบเจอในวันนี้ จ้าวฟางหรูก็พลันคิดแผนการดีๆ ขึ้นมาได้
“เปี๋ยเอ๋อ….เจ้าอยู่ข้างนอกหรือไม่” นางร้องเรียกสาวรับใช้คนสนิท ที่ยามนี้รอคอยปรนนิบัตินางอยู่ด้านนอก
“เจ้าค่ะ…คุณหนูใหญ่ต้องการสิ่งใดหรือเจ้าคะ” เปี๋ยเอ๋อเดินเข้ามาภายในห้องอาบน้ำ แล้วจึงเอ่ยถามความต้องการของจ้าวฟางหรู
“เจ้าช่วยส่งคนไปสืบประวัติของคุณชายใหญ่ตระกูลเเถียนผู้นั้นมาให้ข้าที ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในตระกูล ความสัมพันธ์ของคนในตระกูล หรือแม้แต่สถานที่ที่เขาชอบไป”
เปี๋ยเอ๋องุนงงว่าเพราะเหตุใด คุณหนูใหญ่ของนางถึงได้นึกสนใจทั่นฮวาหนุ่มผู้นั้นขึ้นมา หรือเป็นเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ นางรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกยิ่งนัก หากคุณหนูใหญ่คิดกระทำเรื่องไม่งามขึ้นมานางจะทำเช่นไร นางควรจะรายงานเรื่องนี้ให้แก่นายท่านใหญ่ กับนายหญิงใหญ่ทราบก่อนดีหรือไม่ ทว่าในขณะที่เปี๋ยเอ๋อกำลังแสดงสีหน้าสับสนอยู่ จ้าวฟางหรูก็กล่าวขึ้นมา
“แล้วก็ห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกผู้ใดเป็นอันขาด มิเช่นนั้นข้าจะให้ท่านแม่ขายเจ้าออกไปเสีย”
คำขู่ของจ้าวฟางหรูย่อมได้ผลกับเปี๋ยเอ๋อ จะมีทาสในเรือนใดบ้าง ที่อยากถูกขายออกไป ยิ่งกับเปี๋ยเอ๋อที่ใช้ชีวิตอยู่ในจวนคหบดีแห่งนี้อย่างสุขสบายมาตั้งแต่เด็ก ย่อมตัดใจที่จะออกจากจวนไปอย่างยากลำบาก
“จะ…เจ้าค่ะคุณหนู คุณหนูก็รีบขึ้นจากน้ำเถิดเจ้าค่ะ อากาศเริ่มเย็นแล้ว ประเดี๋ยวจะเจ็บป่วยเอาได้”
“อืม…”
จ้าวฟางหรูส่งเสียงดังออกมาในลำคอ นางแช่น้ำอยู่ต่ออีกหนึ่งเค่อ จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วออกจากอ่างมาเช็ดเนื้อเช็ดตัว นางสวมใส่ชุดจงอีสีขาวสะอาดตา ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปภายในห้องนอน
เช้าวันต่อมา หลังจากปรนนิบัติดูแลคุณหนูใหญ่เรียบร้อยแล้ว เปี๋ยเอ๋อจึงขออนุญาตออกจากจวน เพื่อไปทำตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่ทันที จ้าวฟางหรูเชื่อใจสาวรับใช้คนสนิทของนาง นางเชื่อว่าจะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่า เปี๋ยเอ๋อกำลังทำสิ่งใดให้นางอยู่ แต่ทว่าจ้าวฟางหรูนั้นคิดผิด เพราะเรื่องที่นางกำลังกระทำ ล้วนแล้วแต่อยู่ในสายตาของจ้าวฟางเซียนทั้งสิ้น ทุกเหตุการณ์ยังคงดำเนินไปเช่นเดิม
“ให้คนแอบตามเปี๋ยเอ๋อไปดีหรือไม่เจ้าคะคุณหนูรอง”
จ้าวฟางเซียนส่ายหน้าไปมา ก่อนที่นางจะเดินกลับไปยังเรือนนอนของตน มื้อเช้าผ่านไปแล้ว บิดาออกไปเยี่ยมร้านค้าสกุลจ้าวตั้งแต่เช้า ส่วนพี่ชายก็ออกไปทำงานแล้วเช่นกัน วันนี้จ้าวฟางเซียนไม่ต้องออกไปตรวจสอบบัญชีที่ร้านค้าของตระกูล ทำให้นางได้ใช้เวลาว่างอยู่ในจวน
ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม เปี๋ยเอ๋อก็กลับเข้าจวนมาอย่างเงียบๆ นางรีบเข้าไปรายงานเรื่องที่ออกไปสืบมา ให้คุณหนูใหญ่ได้ทราบในทันที คุณชายใหญ่สกุลเถียนผู้นั้น นับได้ว่าเป็นบัณฑิตหนุ่มอนาคตไกล แม้ตระกูลเพิ่งจะเป็นขุนนางใหม่ แต่ทว่าลูกหลานกลับมีความสามารถ สอบผ่านเค่อจวี่รับตำแหน่งขุนนางกันหลายคน แต่ผู้ที่ทำผลงานได้โดดเด่นกว่าผู้ใด ก็คือคุณชายใหญ่สกุลเถียน ทายาทสายตรงของตระกูลเถียน
ตระกูลเถียนมีทายาทสายตรงเพียงสองคน นั่นก็คือคุณชายใหญ่เถียนซ่ง วัยยี่สิบปี ตั้งแต่เล็กจนโตตั้งใจศึกษาตำรา ร่ำเรียนวิชาเพื่อสอบขุนนาง จนได้เป็นทั่นฮวาในวัยยี่สิบปี ยังไม่มีภรรยาหรือสตรีข้างกาย และคนรองเป็นบุตรี มีนามว่าเถียนซีหราน อายุห่างจากพี่ชายสองปี ยามนี้ออกเรือนไปกับบัณฑิตตระกูลสือ ผู้เป็นสหายของพี่ชาย ภายในจวนตระกูลเถียนยามนี้ จึงเหลือเพียงเหล่าฮูหยิน นายท่านเถียน เถียนฮูหยิน และคุณชายใหญ่เถียนซ่งเท่านั้น
“นับได้ว่าเป็นตระกูลที่ดีตระกูลหนึ่งในเมืองหนานจางเลยล่ะเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่ เถียนฮูหยินผู้นั้น บ่าวได้ยินมาว่านางเป็นสตรีที่มีจิตใจดีมีเมตตาอยู่ไม่น้อย ใส่ใจบุตรชายและบุตรี นายท่านเถียนก็เป็นบุรุษที่รักเดียวใจเดียว ทำให้เรือนหลังของตระกูลเถียนนั้นสงบสุขเรื่อยมา บ่าวคิดว่า คุณชายใหญ่เถียนซ่งเอง ก็คงจะเป็นบุรุษที่รักเดียวใจเดียวเหมือนกับนายท่านเถียนเช่นกันเจ้าค่ะ”
เปี๋ยเอ๋อแสดงความเห็นออกมาด้วยใบหน้าที่วางใจ หากคุณหนูใหญ่เลือกคุณชายใหญ่สกุลเถียนผู้นี้ นางย่อมเห็นดีเห็นงามด้วย แต่ทว่านางก็อดที่จะเห็นใจนายท่านใหญ่กับนายหญิงใหญ่ไม่ได้ เพราะถ้าหากคุณหนูใหญ่เลือกที่จะออกเรือนไปกับทั่นฮวาหนุ่ม ปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง ย่อมมากมายเป็นแน่
“เขานี่แหละ…คือทางออกเดียวของข้า เปี๋ยเอ๋อ…เจ้าเองก็คงไม่อยากย้ายไปจากเมืองหนานจางแห่งนี้ใช่หรือไม่ ถ้าใช่..เจ้าต้องคอยช่วยเหลือข้า อย่าให้ผู้ใดรู้เป็นอันขาด ว่าข้ากำลังคิดทำการสิ่งใดอยู่” นัยน์ตาของจ้าวฟางหรูเป็นประกาย นางพึมพำออกมาอย่างมีความหวัง ก่อนที่จะหันไปกล่าวกับสาวรับใช้คนสนิท
“คุณหนูใหญ่คือเจ้านายของบ่าว ไม่ว่าคุณหนูจะไปที่ใด บ่าวย่อมติดตามไปด้วยทุกที่เจ้าค่ะ คุณหนูโปรดวางใจ… บ่าวจะไม่ปริปากเอ่ยถึงเรื่องนี้เป็นอันขาด”
เปี๋ยเอ๋อกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จ้าวฟางหรูยิ้มออกมาอย่างพอใจ จากนั้นนางจึงเดินไปนั่งที่ตั่งตัวยาว แล้วลงมือเย็บปักถุงหอม เพื่อเตรียมนำไปมอบให้แก่ใครบางคน ยามนี้ใบหน้าของนางยังไม่เหมาะนักที่จะออกไปนอกจวน เพราะรอบดวงตาของนางยังคงบวมเป่ง จากการร้องไห้ตลอดทั้งคืน
เปี๋ยเอ๋อลอบมองคุณหนูใหญ่ที่ยิ้มออกมาได้อย่างสบายใจเสียที นางก็พลอยรู้สึกโล่งใจไปด้วย นางเองก็ได้แต่หวังว่าทั่นฮวาหนุ่มผู้นั้นจะสนใจในตัวของคุณหนูใหญ่เช่นกัน เรื่องจะได้ไม่ยุ่งยากอย่างที่นางกำลังกังวล เพราะเท่าที่นางได้ยินมา คุณชายใหญ่เถียนซ่งผู้นั้น แม้จะมีรูปโฉมและสติปัญญาโดดเด่น แต่ทว่าที่ผ่านมาเขากลับไม่ชายตาแลสตรีใดเลย
หลายวันต่อมา จ้าวหวังเหล่ยจึงได้เรียกบุตรีไปถามอีกหน ว่าจะให้ตอบรับการขอหมั้นหมายของตระกูลเซี่ยได้หรือยัง เพราะจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เวลาก็ล่วงเลยมาหลายวันแล้ว แม้ทางตระกูลเซี่ยจะไม่ได้เร่งรัดมา ทว่าบิดาของเขาก็ได้สอบถามเขามาหลายครั้งหลายครา เขาเองก็รู้สึกลำบากใจอยู่ไม่น้อย ที่ต้องบีบบังคับให้บุตรสาวยอมรับการหมั้นหมาย