“ยังไงพี่ชายของเธอก็จากไปแล้ว” มันเป็นความจริงที่เขาต้องพูดมันออกมา แม้ว่าเธอจะเสียใจ แต่ที่สุดแล้วเธอก็ต้องยอมรับความจริงให้ว่ารวิกรได้ตายจากไปแล้ว
“รวิรู้ค่ะ แต่รวิก็ต้องบอกเฮียตอนนี้ว่ารวิยังทำใจไม่ได้ค่ะ” เธอเอ่ยมันออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ทำท่าจะร้องไห้เอาอีกแล้ว
“อุ๊ย! เฮีย!” เธอร้องออกมาเมื่อโดนเขาอุ้มขึ้นสู่อ้อมแขน
“ฉันจะพาเธอไปดูอะไร” ถิ่นส่งร่างของเธอขึ้นไปบนหลังม้า ก่อนจะตามขึ้นไปนั่งคู่กับเธอ เขาควบม้าออกไปยังน้ำตกท้ายไร่ โดยมีสายตาของใครคนหนึ่งมองตามไปอย่างไม่สบอารมณ์
“แม่หงุดหงิดอะไรนักหนาคะ” วนิดาเอ่ยถามมารดา วรรณาชะงักเมื่อหันมาเห็นบุตรสาวที่กำลังยืนมองร่างของถิ่นควบม้าลับหายไปสุดสายตา
“แกก็รู้ว่าแม่หงุดหงิดอะไร ยังจะมาถามอีก”
“แม่ก็อย่าไปหงุดหงิดสิคะ ปล่อยไปตามธรรมชาติ”
“ฉันอุตส่าห์กำจัดนังแก้วตาออกไปจากชีวิตของคุณถิ่นแล้ว แต่ยังมีนังรวิดาเข้ามาอีก แกจะไม่ให้ฉันหงุดหงิดได้ยังไงกัน” เรื่องของเรื่องในวันนั้นนางเป็นคนวางยาแก้วตากับรวิกรให้ได้เสียกัน แล้วอัดคลิปแบล็กเมล์คนทั้งสองเอาไว้ แต่ไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้ นางแอบขู่คนทั้งสองว่าให้ออกไปจากไร่แห่งนี้ ไม่งั้นจะเปิดเผยความจริงทั้งหมด แต่รวิกรกับแก้วตาไม่รู้ว่าเป็นนางนั่นเอง
รวิกรกับแก้วตานั้นรู้ดีว่าถิ่นเป็นคนโมโหร้ายเพียงใด ทั้งสองจึงหนีไปตายเอาดาบหน้า แต่เพื่อให้แผนการทุกอย่างสำเร็จไปได้ด้วยดี ก่อนหน้าที่จะทำให้รวิกรกับแก้วตาได้เสียกัน วรรณาก็จ้างวานหลานชายให้มาช่วยชีวิตของรวิกรเอาไว้
พออำพลผู้เป็นหลานชายมาตีสนิทกับรวิกรและทำให้อีกฝ่ายตายใจก็ชวนกันไปเล่นการพนัน แรกๆ ก็ทำให้มือขึ้นก่อน หลังๆ ก็ทำให้เสียอย่างเดียว ไม่มีขึ้นอีก พอจะถอนตัวก็ทำให้มือขึ้นครั้งหนึ่ง และเสียอีกหลายครั้ง จน รวิกรเป็นหนี้เป็นสินมากมาย
รวิกรจึงมาถึงทางตันเมื่ออำพลเป่าหูทุกวันให้ยักยอกเงินของถิ่น ด้วยว่าถิ่นนั้นไว้ใจรวิกรเป็นอันมาก จึงทำให้รวิกรยักยอกเงินของถิ่นได้โดยง่าย
อำพลพาคนทั้งสองคือรวิกรกับแก้วตาไปหาที่พัก ก่อนที่จะหลอกเงินที่โกงมาโดยพาไปเล่นการพนันจนหมด
“อย่านึกนะคะว่าหนูไม่รู้ว่าแม่ทำอะไร พอเถอะค่ะ ถ้าเฮียไม่ได้รักหนูแบบนั้น เราจะไปบังคับจิตใจเขาได้ยังไงกันคะ” วนิดาให้เหตุผลมารดา เธอไม่ชอบบังคับจิตใจใคร
“เขาต้องรักแกสิ ไม่อย่างนั้นเขาจะส่งแกเรียนต่อทำไมกัน” วรรณาเถียงคอแข็ง
“เขาส่งหนูเรียนก็ไม่ได้หมายความว่าเขารักหนูนี่คะ”
“แกอย่าโง่ไปหน่อยเลย นังลูกคนนี้นี่ยังไง ที่เขาทำดีกับแกทุกอย่างก็เพราะว่าเขารักแกน่ะสิ”
“พอเถอะจ้ะแม่ หนูไม่อยากให้แม่ทำร้ายใครอีกแล้ว สิ่งสำคัญในเวลานี้คือเฮียเขามีบุญคุณกับเรา เราไม่ควรหวังสูง แต่ควรที่จะทำทุกอย่างเพื่อพัฒนาไร่ของเฮียให้เจริญก้าวหน้าถึงจะถูก”
“ถ้าแกยังขืนดื้อด้านกับฉันอีก แกเจอดีแน่” วรรณาจิ้มหน้าผากบุตรสาวจนหน้าหงาย
ต่อหน้านั้นวรรณาดูรักวนิดาเป็นที่สุด ทั้งยกยอปอปั้นทำทุกอย่างให้วนิดามีความสุข แต่ลับหลังแล้วนั่นคือการบังคับ
“โธ่... แม่”
“แกอยากเห็นฉันตายลงตรงนี้ใช่ไหม แกอยากเห็นฉันตายใช่ไหม! แกก็รู้ว่าฉันรักแกแค่ไหน ทำเพื่อแกทุกอย่าง แกอยากลำบากเป็นคนใช้เหมือนฉันหรือไง ที่ฉันให้แกเรียนหนังสือสูงๆ ถีบตัวเองขึ้นไปถึงจุดนั้นก็เพราะอยากให้แกหลุดพ้นจากการทำงานเป็นขี้ข้าเขา ได้ชูคอเป็นคุณนาย ไม่ต้องมีคนมาคอยดูถูกเหมือนอย่างฉัน”
เห็นน้ำตาของมารดาทีไร วนิดก็ใจอ่อนยวบ เธอรู้ว่ามารดานั้นรักเธอมากเพียงใด ทำเพื่อเธอทุกอย่าง เธอจึงไม่อยากที่จะทำให้ท่านต้องเสียใจ แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอต้องฝืนทำหลายอย่างเพื่อให้ท่านสบายใจก็ตามที
“หนูรักแม่นะคะ อะไรที่จะทำให้แม่มีความสุขได้หนูจะทำมันทุกอย่าง แต่เรื่องเฮียให้หนูได้ตัดสินใจเองได้ไหมคะ ความรักมันบังคับกันไม่ได้ หนูไม่อยากให้แม่บังคับใคร เพราะมันคือความสุขทั้งชีวิตทั้งของหนูและเฮียนะคะแม่”
“ก็ได้ แม่จะให้แกคิด แต่สำหรับแม่แล้ว ผู้ชายที่ดีพร้อมอย่างคุณถิ่นหาไม่ได้ง่ายๆ ถ้าแกไม่เอาก็โง่แล้ว”
วนิดามองร่างท้วมของมารดาที่เดินลับหายไปก่อนจะถอนใจพรืดใหญ่
“ว้าย!” เธอร้องเสียงหลงเมื่อหมุนร่างมาพบเข้ากับถกล
“ไม่เจอกันนานเลยนะ” ถกลเอ่ยทักทายหญิงสาวตรงหน้า คนที่พี่ชายเอ็นดูและส่งเสียให้เล่าเรียนจนจบปริญญาตรี
เขาไปดูที่ทางที่พี่ชายซื้อเพิ่มเลยหายไปนานนับเดือน จะเรียกว่าไปกว่านซื้อที่ก็ย่อมได้
พี่ชายกับเขานั้นคิดว่าเงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาน่ะของจริง จึงเก็บสะสมที่ดินเอาไว้ และจัดการปลูกทุกอย่างที่กินได้ รวมถึงการปลูกป่า การปลูกป่าที่เป็นป่าจริงๆ มีไม้ยืนต้น ไม้ล้มลุก มีพืชหัวทั้งในดินและบนดิน มีไม้สำหรับใช้สอยและไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ซึ่งเป็นไม้เศรษฐกิจเอาไว้สำหรับปลูกสร้างบ้านเรือน ทำที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์อื่นๆ รวมถึงหากมีเหลือเฟื้อก็จะขายอีกด้วย ที่ขาดไม่ได้คือต้นไผ่ที่สามารถนำมาทำอะไรได้มากมายมหาศาล เรียกว่าใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนเลยก็ว่าได้
เขาพอทราบข่าวเรื่องทางบ้านอยู่บ้าน ไม่คิดเลยว่ารวิกรจะทรยศหักหลังพี่ชายของเขาแบบนี้ แต่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ขนาดคิดว่ารู้ใจบางทีก็ไม่ใช่อย่างที่คิดเลย
“หลีกไปเลยนะ” วนิดาพยายามเดินเลี่ยง แต่ถกลก็รั้งแขนของเธอเอาไว้ ก่อนจะล็อกร่างอรชรเอาไว้ในอ้อมแขน
“ว้าย! นี่ปล่อยนะ”
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เธอยังน่ากอดเหมือนเดิมเลยนะ” ถกลกอดรัดร่างที่ดีดดิ้นพยายามหนีจากเขาเอาไว้ด้วยอ้อมแขนแกร่งอย่างบันเทิงใจ
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบเขา แต่เขานี่โคตรชอบแหย่เธอเลย ให้ตายดิ้นสิ!
“นี่ปล่อยเลยนะไอ้คนลามก”
“ฉันลากมกตรงไหน” ถกลเอ่ยถามแล้วหัวเราะชอบใจที่เห็นว่าร่างน้อยกำลังดีดดิ้น
“ไม่ปล่อยใช่ไหม ไม่ปล่อยแน่ๆ ใช่ไหม” เธอถามย้ำอีกครั้ง
“ไม่ปล่อย” ถกลยังพูดยียวนกวนประสาท
“ได้! ไม่ปล่อยใช่ไหม”
“โอ๊ย!” ถกลร้องเสียงหลงในทันทีที่ถูกกัดข้อมือเข้าให้ เขารีบปล่อยร่างที่ล็อกเอาไว้แทบจะทันที
“สมน้ำหน้า” วนิดากระแทกเข่าเข้าที่หว่างขาของเขาซ้ำอีกรอบ ก่อนจะแลบลิ้นปลิ้นตาและวิ่งหนีไป
ถกลกุมเป้ากางเกงหน้าเขียวหน้าเหลือง คาดโทษเจ้าหล่อนเอาไว้ในใจ
ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ!!!
“อ้าว... คุณกลกลับมาเมื่อไหร่แล้วคะ” วรรณาเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เพราะถกลนั้นเป็นเจ้านายอีกคนของนาง แถมยังใจดีไม่แพ้ถิ่น แต่ที่นางพึงพอใจถิ่นมากกว่า อาจเพราะว่าถิ่นนั้นร่ำรวยและเป็นเจ้าของที่นี่อย่างแท้จริง เพราะถกลเป็นเพียงบุตรบุญธรรมที่บิดามารดาของถิ่นอุปการะมาเลี้ยงดูเอาไว้เท่านั้น และนางก็ยังไม่เห็นว่าถกลจะได้รับมรดกจากถิ่นเป็นชิ้นเป็นอัน และไม่ได้มีที่ทางเป็นของตัวเอง มีแค่ช่วยดูแลทรัพย์สมบัติให้พี่ชายเท่านั้น
“เพิ่งกลับมาถึงครับ”
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ” วรรณาเอ่ยถามเจ้านายหนุ่ม
“เปล่าครับ” ถกลพยายามรักษาอาการเอาไว้ให้มากที่สุด เขาจะบอกหญิงสูงวัยตรงหน้าได้อย่างไรกันว่าเจ็บจุกเพราะโดนเข่าของลูกสาวนางกระแทกกล่องดวงใจเข้าให้
“ทำหน้าเหมือนไม่สบายเลยค่ะ เหมือนเจ็บปวดอะไร” วรรณายังเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“ผมขอตัวก่อนนะครับป้า ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ” คนพูดรีบเอ่ยขอตัว ถึงห้องเขาก็ถึงกับร้องออกมาด้วยความรู้สึกบรรยายไม่ถูกเอาเสียเลย
ทางด้านถิ่นนั้น เขาพาเด็กสาวขี่ม้ามาดูน้ำตก และดอกไม้ป่าริมน้ำตก ใจเขาอยากให้เธอผ่อนคลาย เพราะเขาไม่ชอบความอ่อนแอและน้ำตาของเธอแบบนี้