Chapter 4 ข้าต้องการสัมผัสจากท่าน
เขากดเรือนกายแข็งแกร่งสีแทนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามลงแนบชิดจนแทบประสานไปกับเรือนร่างผุดผาดราวกับอาบแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
จูบไซ้ไปตามแก้มนวล ลำคอระหง ไล่เรื่อยลงไปยังอกอิ่มยวนเย้า หยอกเอินด้วยปลายลิ้น แล้วดูดกลืนเต็มคำ ในขณะที่มือหนาบีบเฟ้นเคล้นคลึงด้วยจังหวะหนักเบา ปลุกไฟราคะในตัวของหญิงสาวให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
มือหนาหยาบกร้านลูบไล้ไปตามผิวละเอียดราวกับผ้าไหมชั้นเลิศ คว้าหมับแล้วบีบเข้าที่บุปผาแสนหวานก่อนจะแทรกปลายนิ้วเข้าไปในร่องชื้นแฉะโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
“อะ...อื้อ”
คุณหนูจูซ่านลี่ถึงกับครางเสียงดัง เจ็บ จุก แต่ก็เสียวสะท้านแค่เพียงเขาสอดปลายนิ้วเข้ามา แล้วชักเข้าชักออกระรัวจนน้ำใสของนางไหลเยิ้มยืดติดปลายนิ้ว
เขาก้มลงบดจูบปิดริมฝีปากของนางเอาไว้อีกครั้งและอีกครั้ง ในขณะที่นิ้วกลางยังคงแหย่เข้าออกร่องชื้นแฉะที่แสนคับแคบอย่างไม่รามือ
“อื้อ อื้อ อื้อ”
คุณหนูสกุลจูส่งเสียงครางในลำคอด้วยความเสียวจนหัวใจกระตุกซ้ำๆ ช่องท้องหมุนมวน หัวสมองพร่ามัวด้วยรสพิศวาสที่เขาปรนเปรอ
ก่อนที่ชายหนุ่มจะชักนิ้วออกแล้วหยัดกายยืนขึ้นเต็มความสูง จัดการถอดชุดเจ้าบ่าวสีแดงของตนออกจนหมดสิ้น เปลือยเปล่าเหลือเพียงร่างกายล่อนจ้อน
เรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนใช้แรงงาน ผิวสีเข้มกร้านแดด ผมยาวหยักศกที่ถูกมัดรวบไว้อย่างไม่ยี่หระ ใบหน้าเป็นเหลี่ยมสันเต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง ดวงตาดุดัน ริมฝีปากหยักหนาได้รูปรับความแข็งแกร่งสมเป็นชาย
ซ่านลี่เหลือบมองแก่นกายของเขา ความใหญ่ยาวทำให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นจับจิต นางผุดลุกขึ้นนั่งกระถดตัวถอยหนี ในขณะที่เขาก้าวเข้าหาราวกับรุกไล่ให้นางจนมุม
‘นะ...น่ากลัว!’
เขามีร่างกายสูงใหญ่เกินกว่าชายทั่วไปที่นางเคยรู้จัก ในจวนของบิดาชายฉกรรจ์ที่ใช้แรงงานแบกหามยังไม่มีใครเทียบเท่าเขาได้เลยสักคน
ไวกว่าความคิด นางวิ่งหนีลงจากเตียงด้วยสภาพเปลือยกายล่อนจ้อน ทว่าเขากลับรวบร่างของนางไว้ได้เพียงมือเดียวก่อนจะจับนางกระแทกเข้ากับผนังห้องหอ
โอ๊ย!
ซ่านลี่ถูกกระแทกแรงจนส่งเสียงร้องด้วยความตระหนกยิ่งไร้ทางหนีนางก็ยิ่งหวาดกลัวจับใจ
“ทำหน้าที่ของเจ้าสิซ่านลี่!”
หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ผวาเฮือกเมื่อจู่ๆ เขาก็จับมือนางให้ไปกอบกุมแท่งฉมวกของเขาเอาไว้
“มะ...ไม่!”
นางจะชักมือหนีแต่เขากลับกดมือนางเอาไว้ และนั่นทำให้นางได้รับรู้ว่าเจ้าแท่งยาวใหญ่ไม่ได้แข็งกระด้างน่ากลัว มันอุ่น มันนุ่ม ทว่าแกนกลางของมันกลับแข็งเป็นเอ็น อีกทั้งส่วนปลายหัวหยักยังกระดกหัวได้อีกด้วย
“หน้าที่ของเจ้าคือทำให้ข้ามีความสุข จับมันสิ รูดมันขึ้นลงช้าๆ ด้วยมือนุ่มๆ ของเจ้า”
สั่งด้วยน้ำเสียงแหบพร่าในขณะที่มือของเขาล้วงลึกลงไปที่กลีบบุปผาอวบอูม แหย่ปลายนิ้วเข้าไปบดขยี้เมล็ดสวาทของนางอย่างไม่รอช้า
ความกลัวเมื่อสักครู่มลายหายไปจนหมดสิ้น แทนที่ด้วยความเสียวจนนางเผลอชักมือรูดท่อนเอ็นขึ้นลงเร็วๆ จนทำให้คนตัวโตถึงกับกระตุกเกร็ง
“ช้าก่อนซ่านลี่”
เส้าเหิงกัดกรามแน่น เมื่อนางผ่อนน้ำหนักเบาแต่กลับบีบกระชับแรงแล้วเริ่มจังหวะรูดขึ้นรูดลงเร็วๆ จนเขาไม่อาจทานทนไหว เพียงไม่กี่อึดใจหยาดน้ำแห่งชาติพันธุ์ก็พวยพุ่งออกมาเป็นสายเปรอะเปื้อนพื้นห้อง
“อาห์”
คนตัวโตหลับตาแน่นเมื่อได้ปลดปล่อยความต้องการออกมาโดยอิสตรี หาใช่นิ้วมือทั้งห้าของตัวเองเฉกเช่นที่ต้องรอนแรมอยู่กลางทะเลมาหลายเดือน
“เก่งมากสาวน้อย มาดูกันสิว่าตอนนี้เจ้าพร้อมที่จะเป็นของข้าหรือยัง”
ฉมวกร้ายที่พึ่งปลดปล่อยกำหนัดจนเอนอ่อนกลับมาแข็งขึงตั้งผงาดพร้อมรบอีกครั้ง มันดุนดันเบียดแถวท้องน้อยของหญิงสาวอย่างเรียกร้องเอาแต่ใจ
อึด! ถึก! ทน!
คือคำนิยามที่เหล่าหญิงคณิกาตั้งให้หลิวเส้าเหิง เอ็นอุ่นที่สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว สามารถเริงรักได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องหยุดพัก ทำให้หญิงคณิกาหลายนางหลงใหลในตัวเขา
แน่นอนว่าเขาไม่เคยเริงรักอย่างเห็นแก่ตัว เขาสุขคู่นอนของเขาก็ต้องสุขเสียวและเสร็จไปด้วยกัน
มันเป็นความยุติธรรมขั้นพื้นฐานที่บุรุษเพศพึงกระทำ ซึ่งชายส่วนมากที่เที่ยวหญิงคณิกามักจะหวังแค่กอบโกยความสุขใส่ตัวเพียงฝ่ายเดียว โดยลืมคิดไปว่าอีกฝ่ายก็มีความรู้สึกนึกคิด มีความอยากมีความต้องการไม่ต่างกัน
“อะ...อื้อ”
จูซ่านลี่ตัวอ่อนยวบเมื่อเขาแหย่ปลายนิ้วเข้าไปในรูบุปผาเปียกแฉะ ยิ่งถู ยิ่งแหย่ ยิ่งไหลเยิ้ม
“หึ”
เสียงหัวเราะในลำคอพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากทำให้นางถึงกับหน้าแดงก่ำ
นางกำลังต้องการเขา ท่อนเอ็นยาวใหญ่ไม่อาจทำให้นางหวาดกลัวได้อีกต่อไปแล้ว ยิ่งเขาแหย่นิ้วเข้าออกอย่างเชื่องช้าราวกับจะแกล้ง ยิ่งทำให้นางทรมานจนแทบขาดใจ
“ข้าร้อน ข้าทรมาน ได้โปรด”
นางเริ่มหอบหายใจแรง ควบคุมตัวเองไม่ได้ ปลายเล็บจิกลงบนไหล่หนาเต็มแรงจนเป็นรอยริ้ว
เส้าเหิงรู้ได้ในทันทีว่าเวลานี้สุรามงคลของมารดาได้ออกฤทธิ์อย่างเต็มที่แล้ว มาดูกันสิว่าเวลาลูกสาวขุนนางในเมืองหลวงอยากโดน ‘เอา’ จะแสดงปฏิกิริยาอย่างไร
เพียงเท่านั้นเองชายหนุ่มก็ดึงปลายนิ้วออกยังผลให้เจ้าของร่างงามถึงกับผวาเฮือก ปล่อยนางออกจากอ้อมกอดแล้วเดินไปยืนหันหลังอยู่ที่ริมหน้าต่างเสียดื้อๆ ทิ้งให้ร่างบอบบางทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง
จูซ่านลี่ส่ายหน้ารัวๆ ‘น่าอาย เมื่อครู่ทำไมข้าจึงพูดเช่นนั้นออกไป’ นางสะบัดหน้าแรงๆ ใช้นิ้วหยิกที่ต้นแขนตัวเองจนเป็นรอยช้ำ
ทว่านางกลับโหยหาสัมผัสจากเขา มากขึ้น มากขึ้น จนแทบลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายบนพื้น
‘เกิดอะไรขึ้นกับข้า!’
นางหยิกตัวเองอีกซ้ำๆ ทว่าความ ‘อยาก’ กลับไม่ลดทอนลงแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังต้องการมากขึ้นมากขึ้น จนสั่นไปหมดทั้งร่างราวกับกำลังลงแดง
ซ่านลี่ไม่อาจฝืนความต้องการ นางเดินเข้าหาชายตัวโตที่ยืนหันหลังราวกับปีศาจร้าย กอดเขาจากทางด้านหลังด้วยมืออันสั่นเทา