09:10 AM.
ผมรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอด กะจะไม่สนใจแล้วนะ แต่ว่า...สิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในอ้อมกอดก็ไม่หยุดสักที ผมจึงตัดสินใจลืมตาขึ้นมอง ยัยตัวเล็กนี่เองที่เป็นสาเหตุของความยุกยิก ต้นหลิวพยายามแกะแขนผมออกจากเอวเล็กของเธอ มือเล็กขยับจับซ้ายทีขวาทีอย่างระมัดระวัง สงสัยกลัวจะทำผมตื่น ผมแอบยิ้มขำอยู่ในใจกับท่าทางของต้นหลิว
ผมยอมรับว่าผมพอใจในร่างกายของต้นหลิว ครั้งแรกที่เห็นเรือนร่างอรชรที่แสนซ่อนรูปของเธอตอนเข้าหอวันแรก มันทำให้ผมแอบตื่นเต้นและแทบจะอดใจไหว ผมเองก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งนี่ครับ พอได้เห็นอะไรแบบนั้นมันก็เกิดความรู้สึกกับเพศตรงข้ามเป็นธรรมดา
ต้นหลิวพยายามยกแขนผมขึ้นจากเอวของเธออย่างเบามือ ผมจึงแกล้งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นทำให้ร่างบางถึงกลับนิ่งและเกร็งไปทั้งตัวจนรู้สึกได้ถึงอาการสั่นเล็กน้อยจากร่างบาง นี่กลัวผมขนาดนั้นเลยเหรอ
ผมจึงเลิกแกล้งต้นหลิวโดยการทำเนียนพลิกตัวไปอีกทางเพื่อปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และทันทีที่ผมปล่อย ร่างบางก็รีบผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้นหลิวกอดผ้าห่มไปด้วยซึ่งทั้งห้องมันก็มีผ้าห่มแค่ผืนเดียว ซึ่งผมก็ใช้มันคลุมช่วงล่างไว้อยู่
“เธอแน่ใจนะ ว่าจะเอาผ้าห่มไปด้วย” ต้นหลิวหยุดชะงัก ผมจึงเหล่ตามองมาที่ช่วงล่างเพื่อให้เธอรู้ว่า ถ้าเธอเอาผ้าห่มไปมันจะเกิดอะไรขึ้น
“โทษที!” ต้นหลิวทำตัวเลิ่กลั่กจนน่าขำ เธอรีบเดินกลับมานั่งลงบนเตียงตามเดิม พร้อมกับก้มหน้าก้มตาไม่ยอมหันมามองหน้าผม
“เรื่องเมื่อคืน...”
“ฉันไม่เป็นไร” ต้นหลิวตอบสวนขึ้นมาทั้งที่ผมยังพูดไม่จบ
“หมายความว่าไง”
“ฉะ ฉันโตที่ต่างประเทศ ระ เรื่องพวกนี้ ฉันเจอมาจนชินแล้วล่ะ” ผมนี่แทบหลุดขำ เธอพูดเหมือนตัวเธอเองเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาเยอะ ทั้งที่ความเป็นจริง นี่มันครั้งแรกของเธอต่างหาก กลัวเสียฟอร์มสิท่า
“โอเคร เอาเป็นว่าฉันเข้าใจเธอก็แล้วกันนะ”
ผมลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่ใส่อะไรเลยทำให้ต้นหลิวรีบยกผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าตัวเองอย่างรวดเร็ว
“นายลุกขึ้นทำไม!”
“ก็จะไปอาบน้ำ”
“แล้วทำไมไม่หาอะไรใส่ก่อนล่ะ”
“ก็ไหนเธอบอกว่าเจอมาจนชินแล้วไง” ผมเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าต้นหลิวใช้นิ้วชี้ลดผ้าห่มที่บังหน้าเธอเล็กน้อยเพื่อให้เห็นดวงตากลมโตของเธอ “เมื่อคืนนี้เธอก็เห็นหมดแล้วนิ จริงไหม” ผมขยิบตาให้หนึ่งทีพร้อมกับยิ้มหวานให้เธอ
“อีตาบ้า!” แล้วต้นหลิวก็ยกผ้าห่มคลุมหัวคลุมตัวอย่างมิดชิด ยัยเด็กน้อยเอ้ย...
“เมื่อคืนหลับสบายดีไหมลูก” คุณนายแม่ก็รีบเอ่ยทักลูกสะใภ้ทันทีที่กับเธอนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อรับประทานอาหารเช้า
“หลับสบายดีค่ะ ขอโทษนะคะที่หลิวตื่นสาย” ต้นหลิวอ้อมแอ้มตอบพร้อมกับยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอย่างขัดเขิน ผมพึ่งสังเกต ทำไมยัยตัวเล็กถึงได้ใส่เสื้อคอเต่าที่ปิดต้นคอซะมิดชิดขนาดนั้น หนาวเหรอ? อากาศประเทศไทยร้อนจะตาย ถึงแม้ว่าช่วงเช้าจะยังไม่ค่อยร้อนเท่าตอนบ่ายก็เถอะ แต่ใส่มาแบบนี้มันน่าอึดอัดจะตาย
“ไม่เป็นไรลูก ตื่นสายทุกวันก็ได้ แม่ไม่ว่าอะไรหรอก” ผมเห็นนะ รอยยิ้มอันร้ายกาจของแม่นั่น
“พอดีว่าเมื่อคืนหลิวดูซีรี่ย์ดึกไปหน่อยนะคะ” ผมแอบขำกับข้ออ้างของต้นหลิว ทำให้เธอหันมาส่งสายตาจิกกัดมาเล็กน้อย
“แล้วสนุกไหม” คำถามของคุณนายแม่ทำเอาต้นหลิวชะงักค้างก่อนจะหันมามองหน้าผมอีกรอบเหมือนต้องการความช่วยเหลือ ผมจึงพยักหน้าให้หนึ่งทีประมาณว่า 'ตอบตามน้ำไป'
“สะ สนุกค่ะ” ต้นหลิวตอบเสียงตะกุกตะกักแล้วเธอก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้มอย่างรีบร้อน ปฏิกิริยาของต้นหลิวทำให้แม่ยกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะหันมาสบตากับผมที่รอบสังเกตการณ์อยู่
“แล้วเราล่ะ เมื่อคืนนี้กลับดึกเหรอ”
“ก็ดึกอยู่นะครับ” สายตาแม่นี่บอกผมหมดทุกอย่างแล้วล่ะ ท่านไม่ได้อย่างรู้หรอกว่าผมกลับดึกไหม แต่ท่านอยากรู้ ว่าเมื่อคืนนี้...มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าต่างหาก ผมรู้ทันนะคุณนายแม่ แสดงว่าเรื่องเมื่อคืนนี้ต้องมีเอี่ยวด้วยแน่นอน ตอนแรกผมก็แค่สงสัยแต่ตอนนี้ค่อนข้างมั่นใจแล้วล่ะ ร้ายจังนะคุณนายแม่
“มาทันหนูต้นหลิวดูซีรี่ย์รึเปล่าล่ะ” นั่นไง ผมเดาผิดซะที่ไหน
“อะ แอ่กๆๆ” ต้นหลิวสำลักข้าวต้ม ด้วยความที่แก้วน้ำมันอยู่ใกล้มือ พอคว้าแก้วน้ำได้ผมก็ยื่นไปป้อนต้นหลิวพร้อมกับลูบหลังให้
“ค่อยๆ ทานก็ได้ ไม่มีใครแย่งเธอกินหรอก” ต้นหลิวขึ่งตาใส่ผมอย่างเคืองๆ และพอผมหันกลับมาก็เจอสายตาแสนสุขใจจนออกนอกหน้าของแม่
“พ่อไปทำงานแล้วเหรอครับ” ผมถามหาพ่อเพื่อให้แม่เลิกมองด้วยสายตาแบบนั้นสักที
“ไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ” แม่เลิกสนใจเรื่องผมแล้วก้มหน้าทานข้าวต้มต่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามอีกครั้งเหมือนพึ่งนึกได้หรือพึ่งสังเกตเห็นว่าผมใส่ชุดสูทสีเทาเข้มเพื่อเตรียมตัวออกไปทำงาน “แต่งตัวแบบนี้ มีงานเหรอ”
“ครับ วันนี้มีงานเปิดตัวน้ำหอมที่ห้างฯ เขาเชิญให้ผมไปเปิดงาน”
“ชวนหนูต้นหลิวไปด้วยสิ” แม่หยักคิ้วให้ผมหนึ่งที นี่ไม่ใช่การชวนแต่เป็นการบังคับผมทางอ้อมต่างหาก เพราะไม่ว่ายังไงซะ แม่ก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผมพาต้นหลิวไปด้วยจนได้สิน่า
“เออ...ให้หลิวอยู่บ้านดีกว่านะคะ งานแบบนั้นคงไม่...”
“ไปด้วยกันสิ” ผมหันไปชวนต้นหลิวซึ่งเธอเองก็มีสีหน้ามึนงงเล็กน้อย ประมาณว่า นายชวนฉันจริงเหรอ?
“ไปเถอะลูก ศึกษาเอาไว้ พอพ่อกับแม่วางมือทุกอย่างก็จะเป็นของต้นหลิวกับเลโอนะ” ใจป้ำจังเลยนะคุณนายแม่ ถึงกับจะยกทุกอย่างให้ลูกสะใภ้เลยทีเดียว
“งั้นหลิวขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ” แม่พยักหน้าให้ต้นหลิวแล้วมองตามหลังเธอจนร่างบางเดินหายไปยังชั้นสองของบ้าน เมื่อมั่นใจว่าต้นหลิวอยู่ไกลพอที่จะไม่ได้ยินเสียงสนทนาแล้ว แม่ก็เอาแต่จ้องหน้าผม
“ว่าไงครับ”
“รู้เหรอ ว่าแม่จะถามอะไร”
“แล้วแม่อยากรู้อะไรล่ะ”
“เมื่อคืนนอนหลับฝันดีไหม”
“หลับสบายมากครับ”
“หลับไปกี่ท่า อะ ไม่ใช่สิ หลับท่าไหนบ้าง โอ๊ะ ก็ไม่ใช่อีก” ผมนั่งหลับตาแล้วขมวดคิ้วอย่างเหนื่อยหน่ายกับแม่ตัวเองที่ทำเป็นพูดเล่นพูดผิดเพื่อให้ผมเอ่ยปากบอกในสิ่งที่ท่านอยากรู้
“แม่มีเอี่ยวด้วยใช่ไหม เรื่องเมื่อคืน” ผมถามออกไปตามตรง
“เอี่ยวอะไร ลูกกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ เลโอ” แล้วผมก็พลาดท่าให้แม่จนได้ แม่เลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วแม่ก็หยุดทานข้าวก่อนจะยกมือขึ้นมาประสานกันบนโต๊ะเพื่อรอฟังผมพูดอย่างตั้งใจ
“ผมไปทำงานนะครับ” ผมตัดบทสนทนากับแม่แล้วรีบลุกออกมาจากโต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว ไม่อยากนั่งให้แม่จับพิรุธเล่น ไม่ว่ายังไงซะ ผมก็ไม่อาจหลบสายตาอันเฉียบแหลมของแม่ได้อยู่ดี ผมรู้ทันแม่และแม่ก็รู้ทันผมเช่นกัน
.
.