“เสร็จแล้ว น่าจะไม่บวมแล้วล่ะ” เขาเอ่ยเมื่อทาบาล์มแก้ฟกช้ำให้เธอบางๆ เสร็จเป็นลำดับสุดท้าย
“ขอบคุณพี่เรียวมากๆ เลยนะคะ” ว่าจบก็ยกมือไหว้เขาอย่างอ่อนน้อม ต้องขอบคุณเขามากๆ จริงๆ นั่นแหละ เพราะถ้าเขาไม่เข้ามา ขนิษฐาก็คงเป็นบ้าคลานหาหุ่นไอรอนแมนของตนอยู่อย่างนั้น
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะรู้มั้ย”
“ค่ะ” รับคำเสียงอ่อย ก่อนจะมองหน้าเขาตาปริบๆ
สหัสนัยเองก็เลิกคิ้วมองเธออย่างฉงน เมื่อคนขี้แยเอาแต่มองหน้าเขาตาแป๋ว
“มีอะไรจะถามพี่หรือเปล่า”
“มีค่ะ” ขนิษฐารีบตอบรับพร้อมกับยิ้มแฉ่งทันควัน
“ว่า?”
“พี่เรียวดุไหมคะ”
เขาชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินเธอถามขึ้นมาอย่างนั้น
“ดื้อไหมล่ะ ถ้าไม่ดื้อก็ไม่ดุ”
“น้องไม่ดื้อค่ะ” อ้อมแอ้มบอกเขาเสียงแผ่วเบา
“จริงเหรอ...ดื้อเงียบล่ะไม่ว่า”
พอพูดจบเขาก็จ้องหน้าเธอด้วยสายตาดุๆ อย่างจับผิด นั่นทำให้หญิงสาวรีบก้มหน้าหลบตาทันที แต่ครั้นรับรู้ได้ว่าเขายังคงจ้องอยู่อย่างนั้น เลยจำต้องช้อนสายตาขึ้นมองเขา แล้วจึงได้เห็นว่าแววตาคมดุในตอนแรกตอนนี้มีความขบขันเจืออยู่ในนั้น ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นยีผมเธอเบาๆ แล้วเอ่ย
“รีบกลับบ้าน เริ่มมืดแล้ว”
“ค่ะ”
พี่เรียวเดินออกไปจากห้องพยาบาลสักพักแล้ว แต่ขนิษฐายังแข้งขาอ่อนลุกไม่ขึ้น ใจก็เต้นตุบๆ เป็นจังหวะแปลกๆ เมื่อความอบอุ่นที่สัมผัสที่เส้นผมเหมือนยังคงเอฟเฟกต์กับเธออยู่อย่างนั้น...
สัปดาห์ต่อมา
วันนี้เป็นวันอังคาร หลังจากช่วยภารกิจประจำวันของพวกพี่ๆ แล้ว ขนิษฐาก็ออกมานั่งพักที่ห้องครัวเล็กๆ ของฝ่ายงาน พร้อมกับใช้ช้อนชาตักโอวัลตินร้อนขึ้นมาจิบกินทีละนิดๆ
การฝึกงานที่นี่มีข้อดีอีกอย่างก็คือไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายอะไรมาก ไม่มีใครมาคอยจับผิดกันด้วย ขอแค่ทุกคนรู้หน้าที่ของตนเอง เรื่องอื่นๆ ตามสบายได้เลยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกใครตำหนิว่าอู้หรือขี้เกียจ และพวกพี่ๆ เขาก็ซักซ้อมความเข้าใจให้เธอฟังตั้งแต่วันแรกที่มาฝึกงานแล้วว่าในห้องครัวมีคุกกี้ ขนมนมเนย หรือเครื่องดื่ม กินได้ไม่อั้นตามสะดวก หมูน้อยก็เลยมานั่งคิดอะไรเงียบๆ ระหว่างว่างจากหน้าที่ความรับผิดชอบนั่นเอง
ครั้นจิบโอวัลตินไปได้ครึ่งแก้วก็วางช้อนลง ก่อนจะหยิบหุ่นยนต์ไอรอนแมนขึ้นมาพินิจดู พร้อมกับคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันนี้
หลังจากที่วันศุกร์ของสัปดาห์ที่แล้วพบว่าตัวเองทำพี่หุ่นไอรอนแมนหายไป ขนิษฐาก็แทบเป็นบ้า จนกระทั่งมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาปลอบใจว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะหาไอรอนแมนมาคืน จากที่คิดว่าคงจะกลับบ้านไปแล้วนอนไม่หลับแน่ๆ ปรากฏว่าขนิษฐาก็กลับบ้านและทำกิจวัตรของตนเองได้ตามปกติ โดยที่ลืมไปเลยว่าหุ่นหายไป และเมื่อสุดสัปดาห์ผ่านพ้น เมื่อวานวันจันทร์มาทำงาน ก็ปรากฏว่าหุ่นไอรอนแมนมานอนแอ้งแม้งอยู่บนโต๊ะแล้ว
ซึ่งขนิษฐาก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำหุ่นยนต์หล่นหายไปตอนไหน และพี่เรียวไปหามาคืนไว้ให้ได้อย่างไร แต่ก็ไม่อยากจะคาดเดา แค่ได้พี่หุ่นคืนมาก็ดีใจที่สุดแล้ว
“จะไม่ทำหายอีกแล้ว ขอโทษนะพี่ไอรอนแมน”
พึมพำสัญญากับตุ๊กตาสุดที่รักที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีดีดักจนเยินไปหมด ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเอาแก้วที่ใส่โอวัลตินไปเก็บที่อ่างสำหรับวางให้แม่บ้านมาล้าง จากนั้นก็เดินออกไปยังห้องทำงาน พร้อมเริ่มทำภารกิจอื่นๆ ต่อไป
เมื่อเดินออกมาถึงที่โต๊ะก็งานเข้าพอดี ด้วยพี่ทีมงานคนหนึ่งได้ไหว้วานให้เธอไปรับแฟ้มงานจากเลขานุการของท่านประธานที่ชั้นยี่สิบ ขนิษฐาเลยต้องขึ้นลิฟต์ไปดำเนินการตามคำสั่ง
ตอนนี้เป็นเวลาสิบนาฬิกาเศษๆ คาดว่าทางฝ่ายการตลาดคงเสนอแฟ้มมาที่ท่านประธานและท่านคงลงนามแล้วแน่ๆ เลขาฯ ถึงได้แจ้งให้ฝ่ายการตลาดส่งคนมารับแบบนี้
ครั้นขึ้นมาถึงชั้นที่ยี่สิบดังกล่าวได้ ยังไม่ทันจะได้เดินไปหาพี่เลขาฯ ที่เคยเจอกันบ้างแล้วสามสี่ครั้ง ขนิษฐาก็ลืมภารกิจที่ได้รับมอบหมายไปหมดสิ้นเมื่อเจอเข้ากับคนบางคน ก่อนจะวิ่งปรู๊ดเข้าไปหาพร้อมกับร้องเรียกอย่างดีใจ
“คุณพ่อขา! คุณพ่อ!”
ส่วนคนที่ถูกเรียกนั้นก็หันมามอง และเมื่อเห็นว่าคนที่ร้องโหวกเหวกและวิ่งตั๊กๆ เข้ามาหานั้นเป็นใครก็ทำเอาขุนพลเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไม่ใช่ตกใจที่เห็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนมาทำงานลำบากลำบน แต่ไอ้การวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาพ่อท่ามกลางผู้คนมากมาย โดยเฉพาะผู้บริหารของบริษัทเนี่ย! มันไม่ใช่นะไอ้หมูน้อยเอ๊ย!
“คุณพ่อ! จับได้แล้ว!”
ไม่พูดเปล่าแต่กระโดดกอดเอวพ่ออย่างออดอ้อน ด้วยว่าขนิษฐาไม่ได้เจอพ่อเลยตลอดวันศุกร์ วันเสาร์และวันอาทิตย์ เพราะขุนพลยุ่งกับงานหลายๆ อย่าง แถมยังกลับบ้านมืดทุกวัน วันหยุดก็ไม่ได้หยุดด้วย พอมาเจอกันที่นี่วันนี้ก็เลยทำให้เธอลืมทุกกาลเทศะกระมัง
“ไอ้หมูน้อย ปล่อยพ่อ วิ่งมาแบบนี้ได้ยังไง” ดุด้วยพร้อมกับแกะแขนเล็กๆ นั้นออกจากตัวด้วย ก่อนจะหันมาขอโทษขอโพยผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ให้ตายเถอะเขารู้อยู่หรอกว่าลูกสาวมาฝึกงานที่นี่ แต่ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้
“ขอโทษทีนะครับ”