“ก็น้องคิดถึงคุณพ่อนี่คะ” บอกพ่อเสียงงุ้งงิ้งพร้อมกับทำตาละห้อย
ขุนพลถอนหายใจอย่างอ่อนใจ ก่อนจะจับให้ลูกสาวจอมซนตัวจ้ำม่ำยืนดีๆ และหันไปมองรอบกาย
“เห็นมั้ยเนี่ย ท่านประธานกับท่านรองก็อยู่ด้วย เกรงใจผู้ใหญ่นะลูก ทีหลังไม่ทำกิริยาแบบนี้นะ” ขุนพลดุลูกสาวเสียงเข้ม
ฝ่ายคนโดนดุก็ใบหน้าสลดนิดหนึ่ง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ตกใจเท่ากับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้ คนที่สูงวัยแต่ยังดูหล่อเหลานี่คือท่านประธาน ขนิษฐารู้จักแล้ว แต่คนอีกคนที่เธอก็รู้จักว่าเขาชื่อพี่เรียว อย่าบอกนะว่าเขาคือท่านรอง!
ก่อนจะได้ไตร่ตรองอะไรไปมากกว่านั้น ก็รีบยกมือไหว้คนทั้งคู่อย่างอ่อนช้อยพร้อมกับเอ่ย
“สวัสดีค่ะท่านประธาน สวัสดีค่ะ...ท่านรอง” คำท้ายดูจะเสียงอ่อยชอบกล
คนทั้งคู่รับไหว้เธอพร้อมกับยิ้มบางๆ อย่างเอ็นดูและไม่ถือสา แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้ขนิษฐาสบายใจขึ้นมาเลย ตรงกันข้าม ตอนนี้รู้สึกตกใจจนแทบจะร้องไห้
คนที่เธอให้เขาถือแฟ้มงานไปเอง ให้เขาเอาแฟ้มบนชั้นให้ แล้วก็ให้เขาช่วยหาหุ่นยนต์ไอรอนแมน เขาคือท่านรอง! และแถมหน้าตาของทั้งคู่ก็ถอดกันมาอย่างใกล้เคียงขนาดนี้ อย่าบอกนะว่านี่ก็คือพ่อกับลูกอีก
แง้! ใครก็ได้ช่วยด้วย ทำไมเธอถึงไม่ใส่ใจดูทำเนียบผู้บริหารซะบ้างนะ จะได้ไม่ทำอะไรที่ไม่ควรลงไปแบบนั้น
“ใช้งานเยอะๆ เลยนะครับ เอาให้หนักเลย ดุได้ตามสบายเลยครับ”
ขุนพลเอ่ยขึ้น และนั่นก็ยิ่งทำให้หมูน้อยสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินคำพูดกระเซ้าของพ่อกับเจ้าของบริษัท เอ ว่าแต่พ่อมาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่าจะมาซื้อผักปลอดสารพิษไปฝากแม่ ไม่น่าใช่มั้ง!
“น้องทำงานคล่องแคล่วดีครับ ได้ยินน้องๆ ที่ฝ่ายการตลาดชมอยู่”
สหัสนัยเอ่ยขึ้น และนั่นก็ทำให้ขนิษฐายกมือขึ้นไหว้และเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ
จากนั้นก็เอ่ยขอตัวและแยกตัวออกจากตรงนั้นเงียบๆ แล้วจึงไปรับแฟ้มและนำกลับลงไปยังชั้นสิบห้าทั้งที่ใจยังเต้นตึกๆ กับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปอยู่เลย...
วันนี้หมูน้อยกินข้าวเที่ยงไม่อร่อยเลย!
ก็จะอะไรซะอีก วีรกรรมหน้าแตกและไม่สุภาพเมื่อเช้านั่นไง ไหนจะโดนพ่อดุ ไหนจะกลัวว่าจะไม่ผ่านการฝึกงาน ไหนจะพี่ๆ บางคนในหน่วยงานที่เริ่มมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ
โอ๊ย! ขนิษฐาไม่ได้อยากให้ใครมาคิดว่าเธอมาฝึกงานที่นี่ได้เพราะใช้เส้นหรือใช้บารมีพ่อนะ!
หมูน้อยยังไม่ได้รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำว่าพ่อมาธุระที่บริษัทนี้ด้วยเรื่องอะไร แต่ก็นั่นแหละปากคน สักแต่ว่าวิพากษ์วิจารณ์กันไป ตอนนี้หมูน้อยเลยกลายเป็นลูกสาวของหุ้นส่วนคนใหม่ นัยว่าทำอะไรไม่เป็น ใช้ความเป็นลูกสาวหุ้นส่วนเลยได้มาฝึกงาน และอีกมากมายตามแต่ที่คนเอาไปนินทาจะสรรหาคำมาปั้นน้ำเป็นตัวมั่วๆ ไป ทั้งที่ตอนแรกเธอก็คือน้องอ้ายที่พี่ๆ เอ็นดูแท้ๆ เชียว
“เฮ้อ...”
ขนิษฐาวางตะเกียบพาดลงบนขอบชามก๋วยเตี๋ยวหลังจากที่จัดการลูกชิ้นในชามจนหมดแล้ว กินมันไปอย่างนั้นแหละทั้งที่รู้สึกกลืนไม่ลง ก็เสียดายนี่นา ไหนๆ ก็สั่งมาแล้ว
และเอาตรงๆ เลยนะ เธอไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากกลับบ้านตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ก็นะ! หน้าที่ก็คือหน้าที่ ตอนนี้มีหน้าที่ฝึกงานให้สำเร็จก็ต้องทำให้ได้
แม้จะว้าวุ่นใจแค่ไหน สุดท้ายเธอก็ลุกไปจ่ายเงินค่าอาหารกลางวันแล้วเดินกลับเข้ามาที่ออฟฟิศอยู่ดี พอขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นที่สิบห้า ก็แวะเดินเข้าไปในห้องครัวตั้งใจจะไปหาน้ำดื่ม
โชคดีที่ในครัวไม่มีใคร ด้วยว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงสี่สิบห้า พนักงานส่วนใหญ่จึงยังไม่กลับมาจากไปกินข้าวเที่ยงข้างนอก ขนิษฐาเลยได้โอกาสยึดครองพื้นที่ ได้ละเลียดน้ำเปล่าเย็นฉ่ำอย่างสบายใจ แต่ไม่ถึงนาทีก็มีบุคคลอื่นเดินเข้ามาในครัวเช่นกัน
คนที่เข้ามาใหม่ชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นเธอ แต่ขนิษฐาก็ยิ้มกว้างส่งให้อย่างมีมิตรไมตรี ไม่ได้หวังว่าอีกฝ่ายจะทักทายเพราะตั้งแต่ฝึกงานด้วยกันมาก็เคยพูดกันนับคำได้ แต่ท่าทางที่เขาไม่ยิ้มรับและไม่มองหน้าเลยนั่นมากกว่าที่ทำให้หมูน้อยหน้าหงอยลง
เธอคงเป็นที่รังเกียจของทุกคนไปแล้วสินะ ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจเลยแท้ๆ
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้อยากเสวนาด้วย ขนิษฐาเลยรีบดื่มน้ำให้หมดแก้ว ก่อนจะเอ่ยแม้อีกฝ่ายจะยืนหันหลังให้ก็ตาม
“เราไปก่อนนะ”
เสียงงุ้งๆ หวานๆ แผ่วๆ นั้นทำให้คนฟังที่กำลังยืนดื่มน้ำรู้สึกจุกในอก ปรัตถกรรู้สึกเหมือนโดนอะไรหนักๆ ทุบลงมาแรงๆ คนที่ใครต่างก็บอกว่าเป็นเด็กเส้น เป็นนางฟ้าที่ฟ้าประทานมา และนิสัยก็ไม่ได้น่ารักเหมือนหน้าตา ทำไมถึงได้ดูน่าสงสารแบบนี้ นี่ใช่ไหมที่เขาบอกว่าไม่ควรตัดสินใครไปก่อนที่เราจะได้สัมผัส
พอได้มามองใกล้ๆ และได้รับฟังถ้อยคำแม้เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้ปรัตถกรรับรู้ได้ทันทีว่าเพื่อนต่างสถาบันที่เขาฝึกงานด้วยคนนี้ไม่ใช่อย่างที่ใครกล่าวหาแม้แต่น้อย สัญชาตญาณของเขาบอกแบบนั้นจริงๆ
แต่แม้จะคิดแบบนั้น ปรัตถกรก็ไม่ได้อยากสนิทชิดเชื้อหรือยุ่งเกี่ยวกับใคร ชีวิตเขาไม่ได้มีใครให้ต้องแคร์มานานแล้ว...