เจ้าอรุณไม่เคยโกนหนวดมาก่อนเช่นกันไม่ว่าจะของเขาหรือของใคร เขาเป็นผู้ชายไม่มีหนวดเครามาตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว จนตอนนี้อายุย่างเข้าเบญจเพส ผิวหน้าก็ยังเรียบเนียนใสกิ๊งไร้หนวดเคราทำให้เขาดูเด็กกว่าอายุจริงสักหน่อย ซ้ำยังดูไม่ค่อยมาดแมนสมชาย
ถึงจะดูไม่สมชาย แต่เขาชอบนะ รักความสะอาดอยู่แล้ว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแบบนี้แหละดีที่สุด
ชายหนุ่มเขย่าขวดครีมโกนหนวดในมือเล็กน้อยก่อนจะกดตรงหัวให้เนื้อครีมฟองฟูออกมา ปาดลงไปบนคางของเดวีจนทั่ว พอเห็นว่ามากพอแล้วถึงได้หยุดและลงมือโกนหนวดให้ทีละน้อย
ยากกว่าตัดผมเสียอีก โกนไปก็หงุดหงิดไปด้วยเดวีเอาแต่ถามเป็นระยะว่าเมื่อไหร่จะเสร็จเพราะแหงนหน้าจนเมื่อยคอแล้ว
ไม่ตัดหัวทิ้งก็บุญแล้วไอ้เถา!
สบถด่าในใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ กระทั่งเวลาล่วงเลยเป็นชั่วโมง การโกนหนวดถึงได้สิ้นสุดลง เดวีถูกไล่ให้ไปล้างหน้าเอาเศษหนวดเคราและคราบครีมโกนหนวดออก ขณะที่เจ้าอรุณทรุดตัวลงนั่งแทนที่อย่างเหนื่อยอ่อน ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมจะต้องมาทำเรื่องบ้าๆ อย่างนี้ทั้งที่ตอนแรกมันเป็นแค่เรื่องการศึกษาวิจัยพันธุ์พืชประหลาดชนิดใหม่ที่ทางองค์กรได้รับมาก็เท่านั้น
เอาแต่รำพึงรำพันกับตัวเองเลยไม่ทันได้สังเกตใบหน้าใหม่ของเดวีก่อนจะหายไปล้างหน้า จนอีกฝ่ายเดินกลับมาเรียกถึงได้เห็นในคราวนี้
“ล้างเสร็จแล้ว”
คนพูดยิ้มแฉ่ง มือลูบคางปราศจากหนวดเคราไปมา เจ้าอรุณเหลือบตามองแล้วก็ต้องเบิกตาโต
ไอ้หมอนี่เป็นใคร!?
ตกใจลุกพรวดขึ้นมาเมื่อจู่ๆ ผู้ชายหน้าตาค่อนไปทางดีเดินเข้ามาหา
หน้าตาดีเลยล่ะแต่เจ้าอรุณไม่อยากชมผู้ชายด้วยกันเองสักเท่าไหร่
มองเผินๆ อย่างกับดารานายแบบ ปกติเขาคิดว่ามนุษย์เชื้อชาติคอเคซอยด์[1]จะหน้าตาคล้ายๆ กันหมดเหมือนกับที่พวกฝรั่งมองว่าคนเอเชียคือคนจีน หากแต่ผู้ชายตรงหน้าดูดีกว่านั้น เขาแตกต่างกว่าชาวตะวันตกทั่วๆ ไป ก็หน้าตาดีกว่านั่นแหละ อ้อ มีสีผิวด้วยที่ต่าง ผู้ชายคนนี้มีผิวสีแทนซึ่งมันทำให้เขาดูดีเสียจนเจ้าอรุณเกือบจะลืมไปแล้วว่าผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกับที่เขาเพิ่งไล่ให้ไปล้างหน้าเมื่อครู่
“หล่อจนมองตาค้างเลยเหรอ”
เห็นเจ้าอรุณมองตาไม่กะพริบ เดวีก็ยักคิ้วหลิ่วตา เจ้าอรุณได้สติกลับคืนมาในตอนนี้ มุ่ยหน้าทันควัน
“อย่าพูดอะไรไร้สาระ”
มันไร้สาระจริงๆ ไร้สาระจนพานไปหัวเสียว่ากับอีแค่มีหนวดเครากับไม่มีหนวดเครา ทำไมถึงได้ดูแตกต่างกันขนาดนี้ ถ้าเมื่อคืนเขาถูกเดวีในสภาพหน้าใสกิ๊งดุจเน็ตไอดอลมาลวนลามล่ะก็ เขาคงจะไม่ขวัญผวาทั้งคืนอย่างนั้นแน่
แค่คิดว่าไม่ขวัญผวามากเท่าเมื่อคืนน่ะ ไม่ใช่ว่าเขาจะยอมให้เดวีทำอะไรถ้าไม่มีหนวดเคราหรอก เขาเป็นผู้ชาย และไอ้หนวด... ตอนนี้ไม่มีแล้ว งั้นเรียกไอ้เถาวัลย์แล้วกัน หมอนั่นก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แม้เขาจะไม่เคยคบหากับผู้หญิงคนไหนก็ไม่ได้แปลว่าเขาชอบผู้ชาย แค่คิดก็ชวนให้ขนพองสยองเกล้าแล้ว
นักพฤกษศาสตร์หนุ่มมองคนตัวโตกว่าที่เดินไปส่องกระจกชื่นชมรูปโฉมตัวเองสลับกับเดินสำรวจห้องครัวไปทั่วอย่างกับเป็นบ้านของตัวเอง ดีที่ตอนนี้ไม่ขัดหูขัดตามากเพราะเขาจัดการหาเสื้อผ้ามาให้อีกฝ่ายใส่เรียบร้อย ก่อนจะยกมือขึ้นดันแว่นให้เข้าที่พลางพูด
“เรามาเข้าเรื่องกันสักที”
“เรื่องอะไรเหรอ”
เดวีที่กำลังก้มๆ เงยๆ สำรวจเสบียงในตู้เย็นหันมาถาม เจ้าอรุณกอดอกทำหน้าเครียด
“ข้อมูลของนาย จะบอกได้หรือยังว่านายมีรายละเอียดอะไรบ้าง”
เดวีร้องอ๋อ ทำท่าเหมือนนึกขึ้นมาได้ว่าเคยตกปากรับคำว่าจะบอกข้อมูลของตัวเองอยู่ แต่ว่าเขาไม่ได้ตกลงว่าจะบอกโดยไม่มีเงื่อนไขนี่
“อยากได้ข้อมูลก็ให้น้ำฉันก่อนสิ นายลากฉันมาปู้ยี่ปู้ยำจนเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ยว่ากำลังจะแห้งตาย” แล้วก็ลูบท้องตัวเองป้อยๆ
ปู้ยี่ปู้ยำป้านายสิ! แค่ถางป่า!
เนี่ย... หลุดหยาบคายออกไปอีกแล้ว บ้าจริง
เจ้าอรุณลูบปลายจมูกตัวเองเป็นการระงับอารมณ์ กลับมาเป็นปกติได้ก็เดาเอาว่าที่เดวีบอกว่ากำลังจะแห้งคงหมายถึงหิว
พืชเติบโตได้ด้วยได้น้ำหล่อเลี้ยง... คงจะหิวแหละ
ความจริงต้องมีแร่ธาตุในดินด้วย ทว่าเจ้าอรุณไม่สนใจแล้ว ในเมื่อบอกว่าหิวน้ำก็จะเอาน้ำมาให้ ก่อนจะไปเอามาประเคนก็ออกปากวางเงื่อนไขไว้ก่อน
“ได้ ฉันจะให้น้ำนายแลกกับข้อมูลนายเรื่องนึง”
เดวีพยักหน้ารับหงึกหงัก ระริกระรี้เข้ามาหา เตรียมตัวจะรับน้ำจากอีกฝ่ายเต็มที่ ทว่าเจ้าอรุณกลับเดินสวนไปหน้าตาเฉย ทำเอาคนตัวโตชะงัก มองตามหลังอย่างงุนงงแล้วก็งุนงงมากกว่าเดิมเมื่อเห็นเจ้าอรุณเดินกลับออกมาพร้อมกับกระถางน้ำใบโต
“อะไรน่ะ”
ร้องถามทันทีที่กระถางน้ำใบนั้นถูกวางตรงหน้า เจ้าอรุณเงยหน้าขึ้นมากอดอกถามคืน
“ก็บอกหิวน้ำไม่ใช่หรือไง”
“ใช่”
“นี่ไงน้ำ หิวก็ดื่มซะ”
เจ้าอรุณว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ชี้นิ้วไปยังกระถางซึ่งเต็มไปด้วยน้ำสะอาดที่เขาเพิ่งไปยกมาจากห้องน้ำเมื่อครู่ น้ำจากก๊อกที่นี่ดื่มได้ไม่เหมือนเมืองไทย เขาเลยไม่กังวลว่าเดวีจะได้รับสารปนเปื้อนอะไรเท่าไหร่นัก ต่อให้ได้รับก็ช่างหัวมัน ไม่เกี่ยวกับเขา
เดวีมองสีหน้ามีน้ำโหของอีกฝ่ายแล้วก็ย่นปาก ส่งเสียงกระเง้ากระงอด
“รู้แล้วว่าน้ำ”
“รู้แล้วก็ดื่มสิ”
“ไม่ได้ดื่มแต่ดูด”
เดวีเถียง เจ้าอรุณพ่นลมหายใจ
“จะดื่มหรือจะดูดก็แล้วแต่ รีบๆ จัดการซะ แล้วมาให้ข้อมูลฉันเร็วเข้า”
ตั้งท่าจะไปเตรียมแท็บเล็ตมาบันทึกข้อมูลแล้ว หากแต่เดวียังคงยืนเฉย มองหน้าเจ้าอรุณพลางย่นปากเสมือนเด็กถูกขัดใจกระทั่งเขารำคาญสายตา
“อย่าบอกนะว่าน้ำนี่ดูดซึมไม่ได้”
เปลี่ยนมาใช้อากัปกิริยาดูดแทนดื่มแล้ว พูดเต็มๆ ว่าดูดซึมด้วยเมื่อตระหนักได้ว่าคนตรงหน้ามีร่างกายบางส่วนเป็นพืช
“ไม่ใช่ว่าดูดไม่ได้”
เดวีส่งเสียงกระเง้ากระงอดมาอีก ขัดหูเจ้าอรุณเป็นอย่างยิ่ง ผู้ชายตัวโตอย่างกับหมี มาทำท่าทางเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ มันโคตรขัดหูขัดตาเลย
“แล้วอะไรเล่า!”
ขัดหูขัดตาไม่พอ ยังจะหัวเสียด้วย เผลอขึ้นเสียงใส่เล็กน้อย เดวีย่นปากมากขึ้นไปอีก สะบัดตัวเล็กน้อยประหนึ่งเด็กถูกขัดใจ
“ก็มันไม่มีที่ให้เกาะ จะให้ดูดซึมเลยมันไม่ชินนี่!”
คนตัวโตเสียงดังกลับมาบ้าง เจ้าอรุณระลึกได้ในตอนนี้
ส่วนหนึ่งในร่างกายมันเป็นเถาวัลย์นี่หว่าเกือบลืมไป ต้องหาที่ยึดเกาะก่อนแล้วค่อยดูดน้ำสินะ
ไอ้เถาวัลย์ผีสิงเอ๊ย!
“งั้นเดี๋ยวฉันไปเอาไม้ถูพื้นมาให้ รอเดี๋ยว”
ถึงจะหงุดหงิดแต่อยากให้สถานการณ์นี้รีบๆ จบไปมากกว่าจึงจะยุติเรื่องเอาดื้อๆ กะจะให้เดวีพันเถาวัลย์กับด้ามไม้ถูพื้นแล้วดูดน้ำ ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกเดวีส่งเถาวัลย์มารัดที่ข้อเท้าไว้ เจ้าอรุณชะงักฝีเท้า หันไปมองทันควัน
“ไม่ต้องก็ได้ ไม่จำเป็น”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เดวีก็ว่าออกมาก่อนแล้วทำเอาเจ้าอรุณขมวดคิ้ว
“แล้วนายจะดูดยังไง เมื่อกี้เพิ่งจะบอกแหม็บๆ ว่าไม่มีอะไรให้เกาะแล้วมันไม่ชินไม่ใช่หรือไง”
ในใจอยากจะร้องตะโกนถามว่าอะไรของนายวะ! แต่ปากกลับพูดไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเพราะไม่อยากจะสบถคำหยาบออกไปสักเท่าไหร่นัก วันนี้เขาสบถสารพัดคำหยาบจนเอียนแล้วแม้ว่าจะเป็นในใจก็เถอะ
แต่เหมือนเดวีจะไม่รู้ว่าเจ้าอรุณคิดอะไร พอสิ้นเสียงของคนตรงหน้าก็ดันตัวลุกขึ้นยืน ว่าหน้าระรื่น
“ก็ใช้นายแทนไง”
“ฮะ?”
แค่ฮะเท่านั้น ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ เถาวัลย์หลายเถาก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเดวีทั้งมือและเท้า เกี่ยวกระหวัดพันรัดไปทั่วร่างของหนุ่มนักพฤกษศาสตร์อย่างไม่ทันตั้งตัว เจ้าอรุณเบิกตาโพลง ตั้งใจจะร้องขัด แต่เถาวัลย์พวกนั้นก็เติบโตไวเกินกว่าที่เขาคาดการณ์นัก ตอนแรกยังเป็นเถาสีเขียวอ่อน ผ่านไปไม่กี่วินาทีก็เริ่มมีเถาหนาและแข็งแรงขึ้น มันรัดร่างเขาแน่นเสียจนชาดิกราวกับถูกงูอนาคอนด้ารัดก็ไม่ปาน
เกือบจะหายใจไม่ออก ร่างกายชาดิก ส่วนเจ้าของเถาวัลย์ก็มองผลงานของตัวเองพลางปรบมือแปะๆ
“พันเรียบร้อย”
ตามมาด้วยยิ้มอย่างพอใจที่เห็นสภาพเจ้าอรุณถูกรัดเหมือนดักแด้ ไม่ลืมที่จะทาบทับริมฝีปากของอีกฝ่ายด้วยเถาวัลย์เถาเล็กๆ เพราะรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้มันเป็นอิสระ เจ้าอรุณก็จะส่งเสียงสาปส่งเขาออกมา ดีไม่ดีจะด่าโคตรเหง้าเขาด้วยทั้งที่เขาก็ไม่รู้ว่าต้นตระกูลตัวเองมาจากที่ไหนกันแน่
[1] คอเคซอยด์ (Caucasoid) เป็นหนึ่งในประเภทของเชื้อชาติมนุษย์ในทางมานุษยวิทยาซึ่งใช้จำแนกมนุษย์ที่มีลักษณะจมูกโด่ง ผมเป็นลอน หนวดเคราดก ขนยาว ผิวสีอ่อน หรือที่รู้จักกันในชื่อเรียกทั่วๆ ไปว่าชาวตะวันตก