ตอนที่ 6 ชื่อตอน มิให้สุนัขกิน

1454 คำ
ชุนไห่ถังนั้นมาเป็นแม่ครัวของสกุลฉู่ได้สามวันแล้ว นางมักจะมาช่วยอาเป่ยป้อนข้าวคุณชายใหญ่ไปทุกวัน ในวันนี้นางสังเกตว่ามีสตรีมากมายมารอคอยพบคุณชายอยู่ที่ภายนอก ร่างหนารอคอยให้นางนั้นป้อนข้าวจนจบสิ้น จึงให้อาเป่ยนั้นช่วยแต่งกายใหม่และพยุงออกไปที่ห้องโถงที่ภายนอก ไห่ถังนึกสงสารคุณชายใหญ่ขึ้นมาน้อยๆ แต่ทว่านางนั้นก็มิได้ติดตามออกไปที่ภายนอก นางเป็นแม่ครัวใหญ่รองจากท่านป้าหว่านไปแล้ว ในยามนี้นางนั้นจึงแทบมิได้พัก ไห่ถังคิดอาหารที่ดีต่อคนป่วยขึ้นมาสามสี่อย่าง แล้วสอบถามท่านป้าหว่านออกไป “ท่านป้าหว่านเจ้าค่ะ ในยามปกติแล้วคุณชายนั้นชื่นชอบสิ่งใดบ้างและคุณชายนั้นป่วยไข้มานานแล้วหรือเจ้าคะ “ ท่านป้าหว่านมิรู้ความใด จึงคิดว่าคุณหนูชุนถามถึงคุณชายบ้านรอง จึงเอ่ยความตอบออกไป “อ่อ คุณชายนั้นป่วยไข้มานานแล้วก็จะมิใคร่ออกไปที่ใดมาก จะนั่งท่องตำราอยู่ในจวนเพียงเท่านั้น ในจวนนี้ก็มิครื้นเครงมานานแล้ว เพราะด้วยว่ามิอยากให้คุณชายนั้นรู้สึกว่าตนเองนั้นมิได้ความ อีกทั้งนายท่านนั้นก็ห่วงใยคุณชายทั้งสามมิต่างกัน เช่นนั้นหากว่าสิ่งใดที่คุณชายผู้ใดมิชื่นชอบก็จะมีผู้อื่นนั้นมารับมันไปแทนเท่านั้นเอง คุณหนูชุนก็เพียงคิดตำรับอาหารที่หลากหลายให้เหล่าคุณชายได้คัดเลือกก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ “ “อ่อ เช่นนั้นเองหรือเจ้าคะ เช่นนั้นวันนี้ก็ทำเกี๊ยวแป้งใสและน้ำแกงร้อน กับผัดผักสามอย่าง เป็ดผัดซีอิ้วและปลานึ่งไชเท้านะเจ้าคะ “ “ตามใจคุณหนูชุนเถิดเจ้าค่ะ ป้านั้นคิดสิ่งใดมิได้มากเพราะแก่ชราแล้ว บางทีก็ทำได้แต่เพียงผัดตุ๋นที่มิพิศดารนัก “ สองร่างคุยกันไปอย่างถูกคอ ในขณะที่คุณชายฉู่นั้นนั่งหลังตึงสนทนากับสตรีของสกุลเซิงอยู่ภายนอก สตรีนั้นสนทนาอย่างลื่นไหลด้วยเป็นสหายกันมาในวัยเยาว์ ยามแรกทั้งสองนั้นยังเยาว์วัยก็สนิทสนมกันเที่ยวเล่นด้วยกันไปทั้งวัน แต่ทว่าคุณชายใหญ่นั้นมิใคร่ชื่นชอบนางเมื่อยามเติบโตขึ้นมาแล้วนัก เช่นนั้นคุณชายใหญ่จึงเลือกตอบนางอย่างถามคำหนึ่งตอบคำหนึ่ง ถามมากมายก็ตอบเพียงคำหนึ่ง การสนทนาจึงมิใคร่จะลื่นไหลนัก “อ้าวเหิงที่จวนนี้ร้อนนัก เจ้าทนอยู่แต่ในจวนทั้งวันได้อย่างไร” “อรืม “ ยามที่บุรุษตอบเท่านั้น เซิงหร่านชิงค้อนใส่บุรุษสหายตรงหน้านางออกไปแล้วไต่ถามขึ้นมาอีกครา “เจ้าหน่ะ เหตุใดพักนี้จึงโต้ตอบผู้คนเช่นนี้นะ ป่วยไข้มิสบายไปแล้วหรือ” “อรืม “ “อ้อ ที่แท้อ้าวเหิงมิสบายตัวอยู่นั่นเอง เช่นนั้นครานี้ข้ากับจางเม่ยเม่ยนั้นก็มารบกวนเจ้าเสียแล้ว เอาเถิดๆ เจ้าพักผ่อนให้ดี คราหน้าพวกเรานั้นจะนัดกันออกไปขี่ม้าในทุ่งหญ้า อย่างไรข้านั้นจะส่งเทียบเชิญมาให้เจ้าอีกครา “ “อรืม “ “ฮร่า เจ้านี่เสียมารยาทเสียจริง ทำให้จางเม่ยเม่ยนั้นต้องมาเสียเที่ยวแล้ว เอาเถิดๆ จางเม่ยเม่ยตุ๋นน้ำแกงไก่มาให้เจ้า อย่างไรก็ทดลองชิมดูหน่อยเถิด น้องหญิงจางนั้นตั้งใจทำน้ำแกงนี้ขึ้นมาเพื่อเจ้าแล้วจริงๆ “ “อรืม “ เมื่อบุรุษตอบคำเท่านั้นและก้มหน้าเป่าน้ำชาต่อไปอีก คุณหนูสกุลเซิงจึงค้อนคนอีกคราและเอ่ยคำลาจากไป เหลือไว้เพียงน้ำแกงไก่ในเถาปิ่นโตแล้วยามที่พวกนางจากไป ฉู่อ้าวเหิงจึงให้อาเป่ยนั้นนำน้ำแกงนี้ไปเทให้สุนัขที่นอกจวน ด้วยเกรงว่าสิ่งของที่มิดี แม้แต่สุนัขในจวนนั้นดื่มกินไปก็อาจจะป่วยไข้ ดังนั้นในวันนี้ สุนัขที่หลังจวนนั้น ในชามข้าวของมันจึงมีน้ำแกงไก่อุ่นๆให้คลายหนาวได้เลยทีเดียว “คุณชายหวาดกลัวว่านางนั้นจะวางยาพิษหรือขอรับ ถึงมิให้เจ้าเป่าเป่านั้นได้ลิ้มรสมันไปแทน “ “เฮอะ อย่างไรก็มิเหมาะสมหรอก สุนัขของข้านั้นมิควรจะได้ลิ้มรสหรือสูดดมแม้แต่มวลอากาศที่ติดมาพร้อมกับเถาปิ่นโตของพวกนางเสียอีกด้วย” อาเป่ยฟังแล้วทำหน้าเลี่ยนขึ้นมา และหันมองไปทางคุณหนูชุนที่ร้องเรียกเป่าเป่าไปหานางและมอบน่องไก่ให้มันเสียหนึ่งน่อง คุณชายใหญ่สบถขึ้นมาในทันที “เฮอะ สุนัขของข้านี้ประเสริฐเสียจริง ไก่น่องนั้นเจ้านายเช่นข้ายังมิได้แต่ดอมดมมันก็กลืนลงไปเสียจนสิ้นแล้ว เจ้าสุนัขมิรักดี ต่อไปนี้ข้าจะให้มันอดข้าวไปเสียเลย “ อาเป่ยทำหน้าตลกขึ้นมา กลั้นขำอย่างอดทนมากเป็นที่สุด เพราะขืนว่าหัวเราะคุณชายออกไปในตอนนี้ มิพ้นต้องถูกฝ่าเท้าของคุณชายถีบเข้าแล้วอย่างแน่นอน และในตอนนี้ก็ได้แต่มองดูคุณชายนั้นริษยาแม้แต่สุนัขของตนเอง และยามที่มันนั้นกระโดดไปกอดเอวของนางเข้า คุณชายนั้นก็ก่นด่ามันขึ้นมาเสียงดังในทันที “เป่าเป่าเจ้าอย่าได้ไร้มารยาทนัก “ ท้ายคำนั้นคุณชายฉู่นั้นอยากจะเอ่ยออกไปเสียจริงๆ ว่าข้านั้นยังมิได้กกกอดนางเจ้าอย่าได้คิดเกินหน้าข้า แต่ทว่าคำน่าอายเช่นนั้นผู้ใดเล่าจะกล้าเอ่ยออกไปกัน ฉู่อ้าวเหิงจึงค้อนใส่สุนัขของตนเองและเรียกมันกลับมาในที่สุด เป่าเป่าคาบน่องไก่มาด้วย ดีที่คุณชายนั้นมิแย่งน่องไก่ของมันไปเสีย อาเป่ยจึงถอนหายใจโล่งอกออกมาพลัน “นับว่าคุณชายของข้านั้นยังมิแปลกประหลาดนัก โล่งอกแล้วจริงๆ “ “คารวะคุณชายใหญ่ คุณชายออกมาตากลมเช่นนี้จะมิป่วยไข้หรือเจ้าคะ “ “อรือ ข้าก็ปวดหัวขึ้นมาบ้างแล้ว เจ้าช่วยประคองข้าไปนั่งตรงม้าหินนั้นด้วยเถิด เห็นทีลมด้านใต้จะพัดขึ้นมาแรงเกินไปแล้ว “ “โถ คุณชายคงอยากออกมารับลมบ้าง แต่วันนี้ลมคงแรงเกินไปนะเจ้าคะ “ คุณหนูชุนเอ่ยออกมาอย่างเห็นอกเห็นใจคน อาเป่ยเร่งขยับกายหนีหายไปเสีย ปล่อยให้นายของตนนั้นได้สนทนากับนางไปเสียอย่างคล่องตัว ยามที่อาเป่ยนั้นหายไปแล้ว บุรุษนั้นก็มองไปพบว่าที่พื้นนั้นมีฟางหญ้ารองรับอยู่จึงวางแผนคิดอย่างชั่วร้ายขึ้นมา “อร่า ปวดหัวเสียจริง เห็นทีข้านั้นคงต้องกลับเรือนแล้ว “ เอ่ยออกมาเช่นนั้น บุรุษก็เร่งลุกขึ้นมาอย่างกระทันหันและเอนกายดึงนางล้มลงไปเสียด้วยกัน ชุนไห่ถังร้องขึ้นมาคำหนึ่งอย่างตกใจตน และหันไปไต่ถามบุรุษก่อนสิ่งใดในทันที “คุณชายท่านบาดเจ็บหรือไม่ “ “อร่า ขออภัย เจ้าช่วยพยุงข้าลุกขึ้นหน่อยเถิด “ บุรุษเสแสร้งขึ้นมา ร่างบอบบางนั้นจึงช่วยพยุงคนขึ้นมาและถูกบุรุษนั้นเอนกายถ่ายเทน้ำหนักลงมาจนนางนั้นเดินกายเอียงไปตลอดทาง บ่าวผู้ใดมาพบเข้าก็หยิกกันไปมาและเร่งหลบทางไป ชุนไห่ถังมิรู้เรื่องราวใดๆมาก่อน เช่นนั้นนางจึงมิทันมองผู้ใดนัก “คุณชายให้อาเป่ยไปเรียกท่านหมอดีหรือไม่เจ้าคะ “ “อรืม ยังมิต้อง ท่านหมอนั้นมีวันเวลามาที่จวนนี้ตามตารางปกติดีอยู่แล้ว ข้านั้นยังมิป่วยไข้มากถึงเช่นนั้น “ บุรุษเอ่ยออกมาตามจริง และเบียดร่างนางให้นางนั้นประคองไปจนถึงเรือนตน ในใจนั้นร้อนรุ่มนัก มิคิดว่านางนั้นจะโง่งมและหอมหวานมากจริงๆ ฉู่อ้าวเหิงหัวใจเต้นตึ่กตึ่ก หลงรักนางขึ้นมาจนร้อนรนไปหมดแล้วจนเผลอเอ่ยวาจาออกไปอย่างโง่งม “คุณหนูข้าชอบเจ้า “ “ค คุณชาย ท่านป่วยไข้แล้วหรือเจ้าคะ “
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม