ฉู่หยิงตี้และฉู่เป่าเอินนั้นแอบลอบมองพี่ใหญ่อ้าวเหิงอย่างสนุกสนานเป็นที่สุด ด้วยรู้ว่าพี่ใหญ่นั้นมิได้ป่วยไข้จริงๆ เพราะหากพี่ใหญ่นั้นป่วยจริงๆ ท่านลุงใหญ่จะนั่งนิ่งเช่นนั้นหรือ บุตรชายแห่งสกุลหลักผู้เดียวป่วยไข้ไปทั้งคน จะมิให้เอิกเริกไปได้อย่างไรกัน นี่หมอหลวงซักผู้หนึ่งก็ยังมิมี
“เฮอะ พี่ใหญ่นี่นะช่างน่ามิอายเสียจริงๆ อยากมีสตรีข้างกายจนกายสั่น ข้าว่าที่พี่ใหญ่สั่นไหวนั้น มิใช่ว่าคิดถึงยามที่เคลื่อนกายไปขับนาง แล้วคิดถึงการร่วมหอกับนางหรืออย่างไรกัน เหตุใดจึงมิให้ท่านลุงใหญ่ไปสู่ขอนาง ส่งสามหนังสือหกพิธีการออกไปเลยนะ โอ๊ย ข้าเจ็บนะ “
“เจ้านั้นเอ่ยวาจาได้น่ารังเกียจนัก พี่ใหญ่ชอบพอนาง หากมาได้ยินเจ้าเอ่ยวาจาแสนโสมมเช่นนี้ เจ้าจะมิได้ตายดีแน่เจ้ารอง “
ฉู่หยิงตี้ทุบตีน้องรองของตนเองและลากหูเจ้ารองออกไปให้ไกลเสีย อย่างไรถ้าเจ้ารองนั้นทำผิด ตนเองที่เป็นพี่ใหญ่ของเจ้ารองนั้น ย่อมจะมิรอดตายไปได้อย่างแน่นอน ฉู่หยิงตี้เร่งลากเจ้ารองไปเก็บที่หลังเรือนและเตะมันออกไป ก่อนที่ตนเองนั้นจะแอบกลับไปถ้ำมองดูพี่ใหญ่ของตนเองที่ข้างเสาต้นหนึ่งอย่างใจจดจ่อในที่สุด สุดท้ายแล้วอาเป่ยก็มาข้างกายคุณชายหยิงตี้และเอ่ยอย่างนุ่มนวลออกไป
“แฮ่ม คุณชายหยิงตี้ขอรับ คุณชายใหญ่กล่าวว่า หากคุณชายนั้นยังมิรีบกลับไปท่องตำราของคุณชายเสีย คุณชายใหญ่จะลุกขึ้นมาซ้อมรบกับท่านแล้วนะขอรับ “
ฉู่หยิงตี้สะดุ้งขึ้นมาและเร่งเร้นกายหนีหายออกไปในทันที เดินไปบ่นไปอย่างหัวเสียเป็นที่สุด
“ฮึ่ย พี่ใหญ่นะพี่ใหญ่ รู้ได้อย่างไรกันว่าข้านั้นมาแอบยืนถ้ำมองท่านที่นี่นะ ฮึ่ม ชิส์ ชิส์ “
อาเป่ยผายมือออกไปอย่างสุภาพและถือผ้าคลุมบ่าให้คุณชายหยิงตี้อย่างเอาใจ แท้จริงคุณชายผู้นี้ต่างหากที่มิใคร่จะสบายดีเท่าใดนัก
ในสกุลฉู่จึงตามใจคุณชายหยิงตี้มากเป็นพิเศษ เช่นนั้นคุณชายผู้อื่นนั้นจึงมิใคร่อยากมีความสุขมากไปนัก ในจวนนี้จึงใคร่จะมีเรื่องราวครื้นเครงมากมายให้ดูชม
เมื่อคุณชายหยิงตี้นั้นยังคงอยู่อย่างป่วยไข้ เช่นนั้นการข่มขู่คุณชายหยิงตี้นั้นก็ข่มขู่กันไปตามแค่พิธีการเท่านั้นเอง อาเป่ยเดินมาส่งคุณชายหยิงตี้แล้วรินน้ำชาอุ่นร้อนส่งไปให้ มินานคุ่นเฉียนที่รับใช้คุณชายหยิงตี้ก็ไปนำขนมร้อนๆเข้ามา
“คุณชายขอรับ คุณชายใหญ่นั้นกล่าวว่าขนมร้อนถ้วยนี้นั้นจะต้องทำให้คุณชายนั้นพอใจมากอย่างแน่นอนขอรับ เอ่อ คุณชายใหญ่กล่าวว่า อิ่มแล้วก็ให้คุณชายนั้นปิดปากแล้วไปนอนเสียนะขอรับ “
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่ใหญ่กล่าวเช่นนี้ แปลว่าขนมของนางนั้นคงจะอร่อยมากเสียจริงๆ พวกเจ้าไปตักมาให้ท่านลุงใหญ่และท่านแม่ของข้าไปเสียด้วย นางจะได้มีผลงานในฐานะว่าที่สะไภ้ใหญ่ของจวนนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า “
อาเป่ยยิ้มขึ้นมาจางๆและค้อมกายและเดินออกไปแทนคุ่นเฉียน อาเป่ยเข้าไปในครัว ยกชามขนมร้อนขึ้นมาดมดู ยามที่มีกลิ่นงาขาวคั่วของขนมทังหยวนและ มีแป้งมันลวกเส้นยาวอยู่ในนั้น ก็ยิ้มจางๆขึ้นมา
“คุณหนูชุนนั้น ทำอาหารได้รสชาติดีและมีกลิ่นรสที่ติดจมูกติดลิ้นผู้คนได้มากเสียจริง ๆ เห็นทีจวนสกุลฉู่นี้นั้น คงจะให้นางทำงานรอคอยตำแหน่งของทางบ้านของนางมินานแน่ พอถึงยามนั้นนางคงจะได้นั่งเกี้ยวสิบแปดคนหามและมีสินแต่งงานที่มากมายอย่างแน่นอน “
“อาเป่ยเจ้านั้นก็อย่าเอ่ยไป ผู้ใดมาได้ยินเข้าจะมิดีเลย เรื่องของนายนั้นมิใช่ว่าบ่าวทั้งหลายนั้นจะมาสนทนาลับหลังได้ อย่าให้ข้าต้องตีเจ้าเลยนะ “
“ขอรับท่านป้าหว่าน ข้านั้นเชื่อฟังท่าน “
อาเป่ยเอ่ยอย่างสุภาพขึ้นมากับท่านป้าหว่านที่เลี้ยงดูตนเองมาจนเติบโต ท่านป้าหว่านนั้นมิใช่มารดา มิใช่ญาติมิตรที่แท้จริง แต่ก็มีบุญคุญมากมายเทียบเท่ากับคุณชายใหญ่และท่านแม่ทัพฉู่เฉกเช่นกัน
อาเป่ยดีใจมากที่ป้าหว่านนั้นดุด่าเช่นนี้ ยืมซุกมือประสานกันภายใต้ชายขอขอบเสื้อและยืนยิ้มอยู่เช่นนั้น อาเป่ยทำให้ป้าหว่านนั้นถอนหาใจออกมาได้และตักขนมที่เหลืออยู่ ป้อนเจ้าตัวดื้อด้านดวงตาใสตรงหน้าลงไป เอ่ยถามอาเป่ยออกไป
“อร่อยหรือไม่ หืม ขนมนี้คุณหนูชุนนั้นทำเหลือเผื่อไว้ให้ทุกคน นางบอกว่านางนั้นนำแป้งมาจากที่เรือนของนางเอง อย่างไรก็มิสิ้นเปลืองน้ำตาลหรือแป้งของสกุลฉู่ น่าตีนางเสียจริงๆ นางช่างรู้จักซื้อใจผู้คนนัก “
อาเป่ยฟังแล้วได้แต่อมยิ้มออกมาน้อยๆมิเอ่ยขัดท่านป้าหว่านออกไป ยามที่กินขนมลงไปจนอิ่มแล้ว ท่านป้าหว่านก็หยิบผ้าผืนเก่าขึ้นมาค่อยๆเช็ดลงไปที่ริมฝีปากของอาเป่ย อาเป่ยยิ้มขึ้นมาจางๆและหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“ในท้ายที่สุดแล้วข้านั้นก็มีเบี้ยหวัดแล้ว ท่านป้านั้นจะยังเก็บผ้าผืนเก่าชิ้นนี้เอาไว้ทำไมเล่าขอรับ หากท่านนั้นยังใช้มันอีกครา ข้านั้นจะนำเบี้ยหวัดทั้งหมดไปกว้านซื้อผ้าไหมชั้นดี มาทำผ้าเช็ดหน้าให้ท่านป้าแล้วนะขอรับ “
“เฮ่อ เจ้าเด็กโง่ ผืนผ้านี้เก่าแต่เป็นผ้าไหมมีราคาแพง ข้านั้นยังคงใช้มันอยู่ก็เพราะยังใช้ได้เจ้าอย่าได้สิ้นเปลืองเลย ข้าใช้เช็ดปากเจ้า เจ้าก็อดทนมันไปเถิด ต่อไปหากมีสตรีที่ดีพอดูได้บ้าง เจ้าก็ให้นางปักผ้าผืนใหม่ให้เจ้าเสีย “
ท่านป้าหว่านดุอาเป่ยและเอ่ยสอนขึ้นมาอย่างทุกครา อาเป่ยหัวเราะน้อยๆและถือชามขนมออกไปใหันายท่านใหญ่และนายหญิงสามที่เป็นท่านป้าสามของคุณชายใหญ่อีกผู้หนึ่ง
นายหญิงสามผู้นี้นั้นสูญเสียสามีไปในสงคราม สามีของนายหญิงสามนั้นอยู่ต่างแคว้น นายท่านผู้นั้นออกไปทำสงครามให้บ้านเมืองแต่ทว่าถูกผู้อื่นนั้นใส่ร้าย นางจึงตัดสินใจหย่าขาดกัน แล้วนำบุตรชายกลับมาที่เรือนของสกุลฉู่รอดพ้นความตายกลับมาได้
สุดท้ายสามีจากไปอย่างมิมีทางหวลกลับมา ถูกล้างตายไปทั้งสกุลในราตรีนั้น บุตรชายต้องพึ่งพิงอาศัยสกุลฉู่และมิอาจหวลคืนสู่ฐานะของตนเองได้
ทว่าโชคดีที่สกุลฉู่นั้นมีทรัพย์สินอยู่มากมาย เลี้ยงนายท่านน้อยเพิ่มขึ้นมาอีกสองคนก็มิมีอันใดนัก
นายหญิงใหญ่ตัดสินใจมิแต่งงานกับผู้ใดอีก จนนางนั้นผ่านวัยแห่งดอกไม้บานไปเสียแล้ว แม้ว่าจะมีบุรุษมากมายมาสู่ขอนางไปเป็นภรรยารองมากมายก็ตาม นางเชิดใบหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยวาจาอย่างพองขนทันที
“สกุลฉู่ของท่านพี่ของข้านั้น มิขาดแคลนเงินทองในยามนี้ ต่อให้มีสงครามอีกสามสิบครา สกุลฉู่นั้นก็ยังเลี้ยงดูข้าได้เป็นอย่างดี “
บุรุษผู้มาสู่ขอนางถึงกับถอนหายใจออกมาและคอตกกลับเรือนไป
จนถึงยามนี้ชายผู้นั้นเป็นเสนาบดีแล้วยังแวะเวียนมาเล่นหมากรุกและทอดสายตาไปหานางในทุกครา แต่นายหญิงสามนั้นก็มิเคยใส่ใจคนผู้นั้นเลย
น่าอนาถใจแทนท่านเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่เสียจริง ชนะในกระดานหมากรุกได้ แต่กลับมาพ่ายแพ้แก่หัวใจของสตรี อาเป่ยสงสารท่านเสนาบดีสกุลมู่หรงผู้นี้เสียจริงๆ