ยามที่ไห่ถังตื่นตกใจมากไต่ถามคนออกมาอย่างตระหนก คุณชายฉู่คิดกลใดมิออกจึงแสร้งสลบไปเสียทั้งที่ยังกอดนางอยู่ในอ้อมแขนของตน ไห่ถังนั้นทั้งร้อนทั้งอายและยกแขนข้างหนึ่งของคุณชายออกไปมิได้ด้วย นางจนปัญญาได้แต่รอคอยให้อาเป่ยมาพบเข้า เพราะนางนั้นมิอาจจะร้องเรียกใครให้มาพบเรื่องน่าอายเช่นนี้ได้รอคอยจนหนาวและหลับไป จนอาเป่ยมาพบเข้าก็เร่งสะกิดนายของตนไปเบาๆ คุณชายลืมดวงตาขึ้นมายิ้มละมุนน้อยๆและชี้ไปที่ม่านมุ้งบนเตียงตน อาเป่ยดวงตาโตชี้ไปที่มุ้งคลุมเตียงอีกครั้ง คุณชายพยักหน้ากลับมาในทันที อาเป่ยหมดความที่จะเอ่ยวาจาต่อไปอีก
คุณชายอุ้มร่างบางขึ้นไปบนเตียงนอนและเอนกายลงไปเสีย อาเป่ยตื่นตกใจและถูกเท้าหนักๆถีบออกไปเสียแล้ว ยามที่เป็นเช่นนั้นก็ได้แต่เร่งออกไปและปิดประตูลงไปเสียเงียบๆ แอบฟังเสียงของทั้งคู่ที่ข้างห้องอย่างตื่นเต้นในใจตน คิดในใจว่าคุณชายนั้นจะขืนใจนางเสียแล้วหรือ นี่มันผิดประเพณีมากแล้วจริงๆ แอบฟังจนหลับไปลงท้ายแล้วก็เอนกายคลุมผ้านวมนอนไปเสีย
“อรือ หนัก “
ไห่ถังบ่นขึ้นมาเบาๆในยามราตรีกาล นางขยับกายหนีน้อยๆพยายามตบตีวงแขนแกร่งออกไป บุรุษลืมดวงตาสีสว่างเช่นบุรุษอย่างทางเหนือและดึงนางเข้ามากอดในอกแกร่งจนแน่น จุมพิตบนเรือนผมของนางและกระซิบออกไป
“นอนอีกนิดเถิด อีกหลายชั่วยามกว่าจะเช้า ยามเช้ามิมีผู้ใดผ่านมานอกจากอาเป่ย จะมิมีผู้ใดรับรู้อย่างแน่นอน ข้าสัญญา “
“อรื้อ คุณชายท่านปล่อยข้า”
“อรือ อย่าดิ้น เดี๋ยวผู้ใดมาได้ยินเข้า พรุ่งนี้เจ้าจะมิพ้นต้องไปรีบยกน้ำชา “
“ท่านทำเช่นนี้ ข้าเสียหายแล้วคุณชาย “
“อรือ เท่านี้ยังน้อยไปนัก ข้าบอกแล้วว่ารักเจ้า อยากทำมากกว่านี้อีกด้วยซ้ำไป “
“ท่าน เหตุใดจึงทำตนชั่วร้ายเช่นนี้ “
“อรือ ข้าป่วย อาจทานทนอยู่ได้บนโลกนี้อีกมินาน หากรักชอบเจ้าแล้วมิเร่งรีบเอ่ย ต่อไปจะมีโอกาสได้อีกมากมายเช่นใดกัน “
บุรุษกอดรัดนางและม้วนนางลงไปในผ้านวมหนา ปลุกปลอบนางว่านางนั้นจะยังมิถูกกลืนกินในราตรีนี้อย่างแน่นอน ไห่ถังอับอายขึ้นมาจนหน้าแดง นางถูกม้วนจนเป็นก้อนกลมๆแล้ว บุรุษยิ้มให้นางและหอมแก้มนางลงมาหนักๆ ไห่ถังตื่นตกใจหนักเสียมาก นางทั้งรอนทั้งอายและมิรู้จะสู้สายตาคู่คมนี้ได้เช่นใด
“คุณชาย อย่าเจ้าค่ะ”
“หึ หึ แก้มนุ่มและหอมเสียจริง กินเต้าหู้เจ้าทั้งราตรีนี้แล้วข้าคงจะอิ่มได้อย่างแน่นอน เป่าเป่าได้น่องไก่ในยามเย็นแต่ข้านั้นมิมีสิ่งใดนอกจากแก้มของเจ้าถึงท้องเลย “
บุรุษกระซิบเช่นนั้นแล้วก็ขบใบหูขาวๆเป่าลมลงไปจนร่างบางนั้นสั่นไหวไปจนหมดทั้งกายแล้ว นางดิ้นก็มิได้ผ้านวมม้วนนางจนเป็นท่อนซุงไปเสียแล้ว นางกรุ่นโกรธและอายก่นด่าคนขึ้นมา
“คุณชายท่านมันหน้าทนนัก ปล่อยข้านะเจ้าคะ “
“อรือ เรียกคุณชายอันใดห่างเหินนัก เรียกฉู่ต้าเกอ เรียกแล้วยังไพเราะกว่าคุณชายนั่นเสียหลายเท่า เจ้าเรียกข้าพี่ชายฉู่เสียหนึ่งคำ ข้าจะรับเจ้าเป็นน้องน้อยในอกอุ่นเสียราตรีหนึ่งเลยดีหรือไม่ หึ หึ หึ “
บุรุษเย้าหยอกนางร่างบางจึงเริ่มดิ้น บุรุษยิ้มจางๆแล้วบดจุมพิตลงไปที่ริมฝีปากของนางเสีย ตรึงเรือนผมนุ่มรัดเข้ามาในอก ท่อนขาหนาหนักท่อนหนึ่งก่ายเกยขึ้นไปบนก้อนผ้านวมนั้น และเริ่มทำเรื่องน่าอับอายลงไปแล้ว
“อรื้อ อรื้อ อรื้อ “
ไห่ถังเริ่มร้องประท้วงดังขึ้นมาแล้ว นางทั้งตื่นตระหนกและเริ่มสั่นสะท้านไปทั้งกาย กระแสพลังวูบวาบสายหนึ่งไหลวนไปตามร่างกายของนางไปทั้งกาย เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดในกายขึ้นมาเป็นคราแรกในชีวิต
นางตื่นตกใจหัวใจเต้นตึ่กตัก ยามที่ถูกลิ้นร้อนๆป่ายปัดเข้ามารุกรานในปากตน นางทั้งอยากทดลองและตื่นตระหนกจนแทบคลั่ง นี่หรือคือสัมผัสแห่งชายหญิง
นางเติบโตแล้วย่อมรู้เรื่องราวของทางโลกอยู่บ้าง แต่ทว่าหญิงชายนั้นมิให้ใกล้ชิดกัน นางพยายามขืนกายขยับเรือนผมของนาง และดิ้นรนถีบเท้าจนผ้าห่มนวมนั้นเลิกขึ้นมาได้น้อยๆ
“อรื้อ อรื้อ อรื้อ “
“อร่า หวานจนแทบตาย จุมพิตเดียวนี้จะทำให้ข้านั้นคลุ้มคลั่งแล้ว ไห่ถังข้าอยากทดลองเข้าหอกับสตรีแล้ว แต่ข้ามิอยากให้เจ้านั้นเป็นสตรีข้างห้องแสนต่ำต้อย หมั้นหมายกับข้าเสียเถิด ข้าล่วงเกินเจ้าลงไปแล้วนะไห่ถัง “
บุรุษถอนริมฝีปากออกไป และกอดรัดนางที่พยายามหอบเอาอากาศเข้าปอดไปอย่างร้อนรน เสียงหอบกระเส่าเอ่ยออกมาอย่างทานทนมิได้แล้ว ฝ่ามือหนาลูบไปที่หลังคอของนางและ รื้อดึงผ้านวมหนาออกไปดึงนางเข้ากอดรัดจับฝ่ามือของนางลงไปสัมผัสที่อกตน
“อรื้อ ปล่อยนะ ปล่อยนะ “
“ซี๊ด อย่าร้อง ไห่ถัง ซี้ด ช่วยข้าด้วยเถิดนะไห่ถัง ข้ามิเคยมีสตรีข้างห้องมาก่อนเลย อร่า “
บุรุษยื้อดึงฝ่ามือนุ่มของนาง แล้วใช้ท่อนขานั้นตวัดรัดพันนางเข้ามาจนหมดกายทั้งกาย ไห่ถังตื่นตกใจ นางพยายามทุบตีคนแต่ทว่าคนนั้นรัดนางไว้จนแน่น ขยับสิ่งใดมิได้เลย
“คุณชายท่านปล่อยข้า”
“อรือ อย่าตีข้า ข้าป่วยไข้ “
ฉู่อ้าวเหิงคิดสิ่งใดมิได้งัดไม้ตายเดิมออกมาเฉกเช่นเคย ไห่ถังพยายามดิ้นจนร่างกายนั้นเสียดสีกันไปหมดแล้ว นางเริ่มรู้สึกกายและเลิกดิ้นไปในที่สุด บุรุษยิ้มให้นางและจุมพิตลงมาบนเรือนผมของนางอีกครั้ง
“ท่านพ่อข้าบอกว่า ถ้าข้าไปสอบในกองทัพได้ในปีนี้จะให้ข้าแต่งกับเจ้า เช่นนั้นข้าจะมิรังแกเจ้าไปจนกว่าจะถึงยามนั้น “
“ที่แท้ท่านนั้นมิป่วยไข้ “
“อรือ ข้าได้ยาดีมาจากเจ้า มีเจ้าอยู่ข้าเดินได้กินข้าวได้ทุกวัน ที่ผ่านมาข้านั้นอาจจะถูกพิษร้ายจึงเคลื่อนกายมิใคร่ได้เท่านั้นเอง “
“ยาพิษเช่นนั้นหรือเจ้าคะ”
“อรือ พิษร้ายถึงในหัวใจข้า มิน่าเชื่อว่า ยามที่ได้ดื่มกินอาหารของเจ้า ทั้งโรคในใจและโรคไตพร่องนั้นยังรักษาได้เสียอีกด้วย “
คุณชายฉู่หมายถึงโรคใจร้ายมิสนใจสตรีมาก่อนของตนเอง และโรคบุรุษที่มองสตรีใดลงไปมังกรนั้นก็มิคึกคักเช่นนี้
ไป่ถังคิดว่าคุณชายนั้นมีค่ามาก ผู้คนจึงคิดหมายวางยาเสีย แต่เปล่าเลย คุณชายฉู่นั้นขึ้นชื่อว่าเสเพล นานแล้วมิยอมไปสอบบุตรของจวนอื่นเข้ากองทัพได้สองปีแล้ว บุตรชายของสกุลฉู่ยังนอนหาวอยู่ในจวน จึงมิต้องตาผู้อื่นมากเท่าใด เช่นนี้แล้วความตายของคุณชายฉู่นั้นจึงยังมามิถึงนั่นเอง
ไห่ถังเห็นว่าบุรุษนั้นคงหวาดกลัวความตายมากด้วยบิดานั้นให้เข้าสู่การแข่งขัน นางจึงถอนหายใจออกมาและลูบอกแกร่งลงไปเบาๆ
“หากท่านพยายามให้ดี ระมัดระวังกายเสียหน่อย อย่างไรท่านนั้นมีสายเลือดของนักรบอยู่ในกาย บรรพบุรุษของท่านนั้นย่อมต้องปกป้องท่านไว้อย่างแน่นอน “
“แปลว่าเจ้านั้นจะรอข้า “
“อรื้อ สตรีนั้นแต่งงานต้องไต่ถามบิดา”
“อร่า เช่นนั้นข้าจะให้ท่านพ่อนั้น เร่งส่งแม่สื่อไปหมั้นหมายผูกดวงกันไว้อย่างแน่นอน”
“อรื้อ ปล่อยข้า “
“อรือ นอนเถิด เจ้าหลับในอกข้ามานานแล้วตั้งครึ่งคืน นอนอีกนิดเถิดนะ อย่างไรก็อุ่นกว่านอนผู้เดียวมิใช่หรือ อากาศวันนี้นั้นหนาวนัก “
บุรุษเอ่ยล่อลวงนางและดึงผ้ามาห่มให้นางจนแน่นหนา ดิ้นรนอยู่มินาน นางนั้นก็หลับลงไปเสียแล้ว ฉู่อ้าวเหิงหัวเราะนางเบาๆ และกอดนางซุกในอกตนไปจนฟ้าสว่างขึ้นมา