คลังแสงเดินขึ้นมาจากชั้นใต้ดินก็เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์บาร์ทันที ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงเย็น และตอนนี้ก็ได้เวลาทานมื้อเย็นของเขาแล้ว แต่วันนี้เขาอยากดื่ม ไม่อยากกินข้าวจึงไม่เดินไปยังห้องรับประทานอาหาร ขณะดื่มบรั่นดีไปได้สองแก้วก็กระตุกยิ้มมุมปากร้องเรียกป้าจิตให้มาหาตัวเองที่เคาน์เตอร์บาร์
“คะเสี่ย”
“เจนจิรายังไม่ลงมาจากบนห้องเหรอป้าจิต” ถามพร้อมกับจับขวดบรั่นดีจะมารินใส่แก้วอีก
“ยังเลยค่ะเสี่ย ป้ายังไม่เห็นผู้หญิงที่เสี่ยบอกเลยค่ะ” นางบอก เพราะตอนนี้นางเตรียมมื้อเย็นเสร็จแล้ว
“ไปตามลงมาซิป้าจิต ผมหิวข้าวแล้ว เธอพักห้องผมนะป้าจิต” ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่หิว แต่ตอนนี้หิวข้าวแล้ว เพราะคืนนี้เขาต้องใช้พลังงานพลังกายเยอะต้องกินข้าวเพิ่มพลังสักหน่อย
“ค่ะเสี่ย” ป้าจิตรับคำแล้วเดินจากไปทันที ส่วนตัวเขาก็กระดกดื่มบรั่นดีที่รินใหม่หมดแก้วแล้วเดินไปห้องรับประทานอาหารทันที เมื่อลับร่างของป้าจิต
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“คุณคะ ไปทานข้าวเย็นค่ะ” ป้าจิตเคาะห้องเรียกหญิงสาวในห้องของหนุ่มใหญ่ทันทีเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องนอนใหญ่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เคาะเรียกอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนในห้องยังเงียบอยู่ และเคาะครั้งนี้ก็ได้ผล เมื่อประตูห้องถูกผลักดึงเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มขายาวยืนอยู่หน้าประตู
“เสี่ยให้ป้ามาตามคุณ...”
“หนูชื่อเจนค่ะป้า ป้าคงเป็นป้าจิตที่เสี่ยบอกใช่ไหมคะ” เจนจิราเอ่ยบอกชื่อตัวเองกับคนตรงหน้าพร้อมยกมือไหว้อย่างเคารพและยิ้มเป็นมิตรให้อีกฝ่าย ด้านป้าจิตเองก็ยิ้มตอบและรู้สึกเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้าเช่นกัน
“ใช่ค่ะ ป้าจิตเอง ไปกินข้าวกันเถอะค่ะ เสี่ยรออยู่” นางบอก
“เจนไม่หิวค่ะป้า”
“ป้าว่าคุณเจนลงไปเถอะนะคะ เชื่อป้านะคะ ถ้าเสี่ยโกรธโมโหขึ้นมา คุณเจนจะลำบากได้นะคะ”
นางบอกแนะนำ ด้วยรู้ดีว่าคลังแสงนั้นเวลาโกรธหัวร้อนขึ้นมานั้นเป็นยังไง แต่นางก็ชอบเจ้านายของนาง เพราะคลังแสงเป็นคนดี คลังแสงช่วยเหลือครอบครัวของนางมาตลอด ทั้งเรื่องเรียนของลูกสาวของนางที่ตอนนี้หนุ่มใหญ่ส่งเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะลำพังนางคงไม่มีปัญญาส่งลูกสาวเรียนสูงๆ ได้แน่นอน และโชคดีมาเจอคลังแสง ลูกสาวถึงได้มีอนาคตแบบนั้นและนางก็ได้มีงานประจำทำ
“ค่ะ หนูจะลงไปค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ” นางยิ้มให้แล้วก็หมุนตัวเดินนำหญิงสาวไปทันที ส่วนเจนจิราก็ปิดประตูห้องแล้วเดินตามคนที่อายุน่าจะเท่าๆ แม่ของตัวเองไปติดๆ
คลังแสงมองไปยังหน้าห้องรับประทานอาหาร วันนี้ถือเป็นวันแรกที่เขามีเพื่อนร่วมโต๊ะด้วย ปกตินั่งทานข้าวคนเดียวเสมอ และเมนูที่ทานประจำก็เป็นอาหารจานเดียว ข้าวผัดไข่ดาวบ้าง ข้าวผัดไข่เจียวบ้าง กะเพราไก่ไข่ดาวบ้าง กะเพราเนื้อไข่ดาว กะเพรากุ้งไข่ดาว กะเพราปลาหมึกไข่ดาว ข้าวไข่เจียว และอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นอาหารจานเดียว และวันนี้ก็เช่นเคย ป้าจิตทำข้าวไข่เจียวไว้ให้เขา เขาเป็นคนกินง่ายทานง่าย เพราะความลำบากในวัยเด็กมันสอนเขามาเยอะ แม้จะร่ำรวยมีเงินทองมากแค่ไหน เขาก็ยังเหมือนเดิม ไม่กินหรู ติดหรู ทั้งๆ ที่เงินของเขามากมายใช้ไปกี่ชาติก็ไม่หมด
“เดี๋ยวป้าทำข้าวไข่เจียวให้อีกที่นะคะ พอดีว่าเสี่ยไม่ได้บอกป้าจะมีคุณเจนมาเพิ่ม” พอเดินมาส่งเจนจิราในห้องรับประทานอาหารแล้วก็เอ่ยขอตัว ทิ้งให้เจนจิราเดินไปต่อ
“นั่งสิ ที่บ้านนี้กินอะไรง่ายๆ ถ้ากินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน” คลังแสงมองร่างเล็กที่เดินมาดึงลากเก้าอี้ตัวที่ถัดจากตัวเองทางขวามือออกนั่ง
“ฉันกินได้” ตอบเสียงเบาแล้วมองไปยังจานข้าวไข่เจียวตรงหน้าของเจ้าของบ้าน ที่ตอนนี้เขากำลังลงมือทาน และเธอก็ลืมตัวเผลอจ้องมองเขานานจนเจ้าตัวต้องหยุดมือทานข้าวแหงนเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวมองจ้องมาทางเธอ
“จ้องฉันทำไมเจนจิรา”
“ปะ...เปล่า” ตอบพร้อมก้มหลบดวงตาคมเข้มของหนุ่มใหญ่
“เธอมีชื่อเล่นไหมเจนจิรา” เขาถามเธอพร้อมกับจ้องมองคนที่เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองตัวเอง
“มะ...มี”
“แล้วชื่ออะไรล่ะ ฉันจะได้เรียก เรียกชื่อเต็มมันยาว อีกอย่างคืนนี้เธอก็ต้องทำหน้าที่เป็นนางบำเรอแล้ว เราต้องสนิทกันกว่านี้ และฉันก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น มองหน้าฉันสิ” เขาสั่งแล้วยกมือเท้าคางกับโต๊ะรอให้เจนจิรามองจ้องตัวเองตามที่สั่งไปเมื่อกี้
“เจน” เธอตอบเสียงสั้นห้วนพร้อมกับเสียงของป้าจิตดังแทรกขึ้นก่อนที่คลังแสงจะพูดต่อ เขามองไปยังป้าจิตที่ถือจานข้าวไข่เจียวเข้ามา
“ขอบคุณครับป้าจิต และขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ลำบาก ต่อไปนี้หน้าที่ทำกับข้าวต้องเป็นหน้าที่ของเจน ซักผ้า รีดผ้า ทุกอย่างที่เป็นของผม เจนจะเป็นคนทำทั้งหมด”
“ไม่เป็นไรค่ะเสี่ย ถ้าคุณเจนทำหมดแล้ว แล้วป้าจะเหลืองานอะไรทำคะ” จิตเอ่ยถาม
“ป้าจิตก็รดน้ำต้นไม้ในสวนหน้าบ้านพอครับ ป้าอายุเยอะแล้ว ผมไม่อยากให้ทำงานพวกนี้ อีกอย่างหน้าที่พวกนี้เป็นหน้าที่ของเมีย...และเจนก็ควรทำ เพราะเธอจะอยู่ที่นี่ในตำแหน่งเมียของผม ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วเธอจะอยู่บำเรอผมแค่ชั่วคราวก็เถอะ แต่ยังไงเธอก็ต้องทำหน้าที่เมียของผมทุกอย่าง ทุกอย่างที่เกี่ยวกับผม เจนจะเป็นคนทำ” เขาไม่สนใจว่าเจนจิราจะยอมทำรึเปล่า เพราะมันคือคำสั่งของเขา ยังไงหล่อนก็ต้องทำ
“แต่ว่าเสี่ยคะ ป้าว่าคุณเจนไม่ต้องทำทุกอย่างก็ได้ค่ะ” จิตแย้ง
“ไม่เป็นไรค่ะป้าจิต เจนทำได้ค่ะ” เจนจิราเอ่ยขึ้น
“เห็นไหมป้า ขนาดเจ้าตัวเขายังไม่เห็นเป็นอะไรเลย ป้าจิตไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวกินอิ่มเจนจะเป็นคนเก็บเอง”
“ป้า...”
“ไปเถอะครับป้าจิต ไปพักเถอะครับ หรือไปดูละครหลังข่าวแบบที่ชอบก็ได้ครับ”
“ขอบคุณนะคะเสี่ย อ้อ...เสี่ยคะ อาทิตย์หน้าเจี๊ยบจะกลับมานะคะเสี่ย” ก่อนจะไปไม่ลืมบอกว่าลูกสาวของตนจะกลับมาบ้าน
“มาสิ ป้าจิตจะได้หายคิดถึงลูก ว่าแต่เจี๊ยบจะมาอยู่นานไหมรอบนี้” คลังแสงถาม เพราะพรวีณานั้นเป็นเด็กในปกครองของเขา
“เห็นบอกว่าจะกลับมาอยู่สองเดือนค่ะ ช่วงนี้ปิดเทอม ป้าเลยบอกว่าให้กลับมาช่วยงานตอบแทนบุญคุณเสี่ยค่ะ”
“แค่เจี๊ยบเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนก็ถือว่าตอบแทนบุญคุณผมแล้วครับป้าจิต ป้าไปดูละครเถอะครับ กินอิ่มผมก็จะไปทำงานต่อ อ้อ...ป้าครับรบกวนป้าจัดห้องให้คนงานใหม่ด้วยนะครับ เห็นว่าเป็นแม่ลูกอ่อนด้วย พอดีว่า...”
“เสี่ยช่วยมาอีกแล้วเหรอคะ” นางถามโดยไม่รอให้เจ้านายพูดจบ เพราะรู้ดีว่าเจ้านายเป็นคนใจดี แม้ว่าภายนอกจะไม่ได้ดูดีก็ตามเถอะ แต่ว่าเนื้อแท้ของเสี่ยนั้นเป็นคนดีที่หาใครเปรียบไม่ได้เลยแหละสำหรับนาง
“ครับ ก็...”
“เดี๋ยวป้าไปจัดการให้ตอนนี้เลยค่ะ ป้าขอตัวนะคะ”
“ครับ”
เจนจิราฟังบทสนทนาของทั้งสองมาตลอดและขมวดคิ้วสงสัย เพราะไม่รู้ว่าทั้งสองพูดอะไรกัน พูดเหมือนกับว่าผู้ชายใจร้ายที่ไล่พ่อแม่เธอออกจากบ้าน ขนข้าวของของเธอออกมาโยนทิ้งจะเป็นคนดี ไม่มีทาง ดูยังไงเขาก็ร้ายกาจและเป็นคนเลว ซึ่งชื่อเสียงของเขาที่ได้ยินมาก็ไม่มีเรื่องดีๆ สักเรื่อง แม้จะเพิ่งกลับมาอยู่บ้าน แต่ก็ได้ยินคนพูดถึงมาเฟียเงินกู้หน้าเลือดทั้งนั้น
“เธอมองหน้าฉันทำไมเจน กินสิ เดี๋ยวก็เย็นหรอก และเธอต้องทำงานทุกอย่างแทนป้าจิต เพราะมันคือหน้าที่ของเมียอย่างเธอ”
“ฉันไม่ใช่เมียคุณ”
“เรียกเมียไม่ชอบ อยากให้เรียกนางบำเรองั้นเหรอ”
“ฉัน...”
“เมียกับนางบำเรอมันไม่ต่างกันหรอก เพราะเมียที่ดีต้องเป็นนางบำเรอบนเตียงปรนนิบัติผัว และที่ฉันใช้คำว่าเมียกับเธอก็เพื่อไม่อยากให้เธอดูต่ำต้อยไปมากกว่านี้” พูดจบก็ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ จ้องมองคนที่เม้มปากแน่น