เจนจิราถือกระเป๋าเดินตามชายเจ้าของบ้านเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ที่ครั้งหนึ่งเธอถามพ่อกับแม่ว่าบ้านหลังนี้บ้านใคร มาวันนี้เธอต้องย้ายมาอยู่ในบ้านหลังใหญ่หลังนี้ และตั้งแต่ลงรถมาหล่อนมองไปรอบๆ บ้านก็มีผู้คนมากมาย มีลูกน้องของเขาเฝ้าเวรยามทุกจุดเหมือนบ้านของมาเฟียในหนังในละครที่เคยดูไม่มีผิด
“เธอจะนอนห้องเดียวกับฉัน” เขาหยุดเท้าแล้วหันมาบอกคนที่เดินตามหลัง
“วะ...ว่าไงนะคะ”
“เธอมาเป็นนางบำเรอของฉันก็ต้องนอนห้องเดียวกับฉัน”
“แต่...”
“เธอมีสิทธิ์ต่อรองฉันเหรอเจนจิรา”
เมื่อโดนถามกลับมาแบบนี้ เจนจิราเม้มปากเงียบทันที
หึ!
เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเงียบ เขาก็หมุนตัวเดินตรงไปยังบันไดของบ้านทันที และก็มีเสียงย่ำเท้าตามมาติดๆ นั่นคือเสียงฝีเท้าของเจนจิรา เขากระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน แล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง ปกติเขาไม่ชอบให้ใครมานอนในห้องส่วนตัวของเขา แต่เจนจิราพิเศษกว่าทุกคน เขาบอกตัวเองแบบนั้น เพราะปกติที่พาผู้หญิงมานอนด้วย เขาจะพาไปนอนอีกห้องที่มีสำหรับสาวๆ พวกนั้น แต่กับเจนจิรา เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงให้สิทธิ์เธอกว่าใคร
“ห้องนอนที่เธอจะต้องนอนกับฉันทุกคืน และไม่ต้องบอกนะว่าต้องทำอะไรบ้าง”
เปิดประตูก้าวเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเองที่ตกแต่งโทนสีเทาดำ ในห้องนอนของเขามีเพียงเตียง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เขาชอบความเรียบง่าย ห้องนอนจึงมีแค่นี้ ส่วนห้องทำงานของเขาจะอยู่ชั้นใต้ดินของบ้าน
“ฉันรู้ว่าฉันมาเป็นอะไร ไม่ต้องย้ำฉันบ่อยก็ได้ ฉันรู้ตัวเองดี” เธอตอบเขาเสียงแข็งแล้วมองไปรอบๆ ห้องของเขา ห้องที่มีแต่ความมืดมิดคงเหมือนจิตใจที่เลวทรามของเขานั่นแหละ
“เก็บของแล้วก็อยู่ที่บ้านเนี่ยแหละ ที่บ้านจะมีคนเยอะ เธอจะไปไหนต้องบอกพวกเขาและต้องบอกฉันก่อน ถ้าฉันไม่อนุญาตก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น พรุ่งนี้ฉันจะให้คนของฉันพาไปลาออกจากโรงเรียนที่เธอสอน อ้อ...บ้านหลังนี้มีแม่บ้านอยู่หนึ่งคนชื่อป้าจิต ป้าจิตจะทำกับข้าวและทำทุกอย่าง ส่วนคนทำความสะอาดจะมีบริษัททำความสะอาดในเมืองส่งมาทำทุกอาทิตย์ หน้าที่เธอก็ไม่มีอะไร แค่นอนรอให้ฉันเอาบนเตียงเท่านั้น งานไม่หนักหรอก แค่นอนรอฉันบนเตียงเท่านั้น” พูดจบก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีหม่นของตัวเอง
“คะ...คุณจะทำอะไร”
“เปลี่ยนเสื้อ” ตอบแค่นั้นแล้วก็ปลดกระดุมออกให้หมดแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กของตัวเอง ที่ในตู้เสื้อผ้ามีเพียงไม่กี่ตัว และมีชุดสูทสากลเพียงไม่กี่ชุดเช่นกัน ด้านเจนจิรามองแผ่นหลังเปลือยของคนตัวโตพร้อมยกมือขึ้นปิดตาตัวเองเบือนหน้าหนี
“จะอายทำไม เธอควรต้องมองให้ชิน เพราะเวลาอยู่บนเตียง เราก็โป๊กันอยู่แล้ว และเราก็ต้องนอนบดเบียดกันด้วย”
เขาหยิบเสื้อยืดออกมาใส่แล้วเดินมาส่งยิ้มทรงเสน่ห์ให้เธอแล้วเดินผ่านออกไปจากห้องนอนทันที ทิ้งให้เจนจิรายืนนิ่งเขินอยู่คนเดียว จริงอยู่ที่เกลียดเขา แต่พอได้เห็นยิ้มที่ทรงเสน่ห์และบวกกับใบหน้าที่หล่อเข้มของคลังแสงแล้วหัวใจดวงน้อยของหล่อนก็เต้นผิดจังหวะ
“เป็นอะไรเจน เธอเป็นอะไร” ถามตัวเองพร้อมกับยกมือกุมหน้าอกซ้ายของตัวเองที่เต้นแรงผิดจังหวะ
คลังแสงลงมาชั้นใต้ดินของบ้าน ที่ตอนนี้จ้อนกับจ้อยคงจะเตรียมทุกอย่างรอแล้ว พอมาถึงห้องทำงานในชั้นใต้ดิน ที่เป็นห้องลับของตัวเองก็เห็นคนนั่งคุกเข่ากลางห้องและมีถุงดำคลุมหัวอยู่ เขาเดินไปหยิบปืนที่ข้างผนังของห้องแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่เตรียมไว้ตรงหน้าของคนที่คุกเข่าอยู่
“เอาถุงออก” สั่งเสียงแข็งพร้อมลูบมือไปมากับปืนสีดำทมิฬในมือ
“ใครสั่งมึงมาเผาโกดังเก็บปุ๋ยกู” เมื่อจ้อยเอาถุงดำออก เขาก็ถามพร้อมนำปืนในมือจ่อหัวของคนที่สั่นกลัวหน้าตาแตกยับตรงหน้าทันที
“ผะ...ผมไม่รู้เสี่ย ผมไม่รู้” มันบอกปฏิเสธพร้อมกับสั่นกลัว
“มึงไม่รู้แล้วมึงรับเงินมาทำไม” โน้มหน้าลงไปใกล้พร้อมใช้ปืนในมือเชยคางของอีกฝ่ายให้แหงนขึ้นสบตาของตัวเอง
“ผะ...ผมไม่รู้จริงๆ เสี่ย ยะ...อย่าฆ่าผมเลยนะครับ ลูกเมียผมรอผมอยู่” แม้จะดิ้นหนียังไงก็หนีไม่พ้น สองมือนั้นถูกมัดเชือกตรึงไว้ด้านหลัง
“จริงครับ มันไม่รู้จริงๆ เพราะมีคนจ้างมันมาอีกที ผมกับจ้อนไปสืบมาแล้วว่าคนที่มาจ้างมันเป็นคนของใคร” จ้อยรายงานพร้อมกับพยักหน้าให้จ้อนเอาเอกสารที่ตัวเองได้มาให้เจ้านายอ่านดู
คลังแสงรับเอกสารในมือของลูกน้องมาอ่านพร้อมมองสลับกับหน้าเละๆ ที่แตกเต็มไปด้วยเลือดของคนตรงหน้าแล้วก็ต้องแสยะยิ้มออกมา
“เป็นมันอย่างที่กูคิดจริงๆ ด้วย มันคงอยากแก้แค้นที่กูให้เบาะแสตำรวจค้นโกดังมัน” คลังแสงกำกระดาษในมือแน่นแล้วมองไปยังผู้โชคร้ายตรงหน้า
“เสี่ยครับ ถ้าเราปล่อยมันออกไป มันก็ตายอยู่ดี” จ้อนเอ่ย
“ไม่นะครับเสี่ย ผมยังไม่อยากตาย ลูกผมเพิ่งได้สองเดือนเอง ถ้าผมตายไป ลูกเมียผมจะอยู่ยังไง ชะ...ช่วยผมด้วยนะเสี่ย” มันขยับคลานเข่าเข้าไปหาคนตรงหน้าอย่างขอร้อง
“จ้อยไปจัดการลูกเมียมันที พาทุกคนมาอยู่ที่นี่ ส่วนมึงก็ทำงานอยู่ที่บ้านกูเนี่ยแหละ ขืนออกไปมีแต่ตายกับตาย” แม้ใครจะขนานนามว่าเขาเป็นคนใจโฉดก็ตาม เขาไม่แคร์ไม่สนใจ และลูกน้องของเขาส่วนใหญ่ก็มาจากการช่วยเหลือของเขาทั้งนั้น
“ครับเสี่ย” จ้อยรับคำแล้วออกไปจากห้องทันที
“จ้อนมึงแก้มัดให้มันแล้วพามันไปทำแผล ส่วนเรื่องไอ้กำพลขายชาตินั้น มันต้องเจอกับกูสักตั้ง มันเล่นแบบนี้กับกู กูก็ไม่ปล่อยไว้เหมือนกัน”
“ขอบคุณครับเสี่ย...ขอบคุณครับเสี่ย” ทันทีที่มือเป็นอิสระ มันก็ก้มลงกราบไหว้คลังแสงทันที
“หัดทำตัวดีๆ ล่ะ คนเราถึงจะยากจนลำบากแค่ไหนก็ไม่ควรทำตัวเลวแบบนี้ อย่าให้อำนาจเงินมาครอบงำ” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงานไปทันที ที่เหลือทิ้งให้จ้อนจัดการต่อ
“มึงโชคดีที่วันนี้เสี่ยอารมณ์ดีเก็บมึงไว้ แถมยังช่วยมึงไว้อีก” จ้อนเอ่ยพร้อมกับพยุงร่างสะบักสะบอมของอีกคนลุกขึ้น
“ขอบคุณมากๆ ครับ ผมไม่คิดว่าเสี่ยจะไว้ชีวิตผม” เพราะได้ยินใครๆ เขาพูดกันว่าคลังแสงหน้าเลือดฆ่าคนเป็นผักปลา พอวันนี้ได้มาเจอสัมผัสจริงๆ แล้วแตกต่างโดยสิ้นเชิง แม้น้ำเสียงจะแข็งกระด้าง แต่จิตใจของเสี่ยนั้นดีจนมันซาบซึ้งและยอมตายถวายหัวให้เลยตอนนี้
“มึงชื่ออะไร”
“ทศครับพี่”
“ยินดีที่ได้รู้จักไอ้ทศ เดี๋ยวไม่นานไอ้จ้อยก็พาเมียกับลูกมึงมาแล้ว ตอนนี้กูจะพามึงไปทำแผลและไปดูห้องพักก่อนนะ ที่นี่เราอยู่กันแบบพี่น้อง มึงมาใหม่รู้นะว่าควรทำตัวยังไง” จ้อนบอกแนะนำขณะพยุงประคองร่างสะบักสะบอมของทศเดินออกจากห้องใต้ดิน