“ไม่รู้สิ แต่ไม่นานหรอก ฉันเป็นคนเบื่อเร็ว ไม่ชอบนอนกับผู้หญิงซ้ำๆ ยิ่งแกงจืดแบบเธอฉันคงไม่เก็บไว้บนเตียงนานหรอก”
“ถ้าฉันยอม คุณต้องยกหนี้ทั้งหมดให้พ่อกับแม่ฉัน แล้วคืนโฉนดบ้านและโฉนดนาให้พ่อกับแม่ฉัน”
“มากไปรึเปล่าเจนจิรา ฉันรู้นะว่าเธอเป็นสาวพรหมจรรย์ แต่พรหมจรรย์ของเธอ ไม่มีค่ามากขนาดนั้นเจนจิรา”
เขายิ้มหยันเธอ ผู้หญิงคนนี้แม้จะดูอ่อนหวานภายนอก แต่ภายในเธอเป็นคนใจเด็ดน่าดูทีเดียว แค่พูดคุยแค่นี้คลังแสงก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้มีความดื้อรั้นพอตัว ไม่ใช่แกงจืดอย่างที่เขาดูถูกไว้แน่นอน ถึงแม้ว่าการแต่งตัวของเธอจะเชยก็เถอะตอนนี้ หรืออาจเพราะเป็นครูเลยแต่งตัวเชยๆ แบบนี้ก็ไม่รู้
“ไม่มากไปหรอก เพราะถ้าฉันไปแต่งงานกับคนรวยๆ หรือไปขายตัวให้พวกที่ชอบสาวพรหมจรรย์แบบฉัน พวกเขายอมจ่ายฉันเป็นล้านแน่” เธอบอกเขาอย่างต่อรอง
“เก่ง! ในเมื่อกล้าขอ ฉันก็จะให้ แต่...ต้องขึ้นอยู่กับผลงานของเธอนะว่าทำให้ฉันมีความสุขได้มากน้อยแค่ไหน”
“เลว”
หึหึ
“จะตกลงหรือไม่ตกลง ถ้าไม่ตกลงก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ลงไปขนข้าวของออกจากบ้านของฉันซะ” พูดจบก็ยื่นมือไปเคาะกระจกให้ลูกน้องเปิดประตูรถให้เจนจิราลงไป
“ตกลงก็ได้”
“ก็แค่นั้น ดี...ตกลงแล้วก็เก็บข้าวของไปกับฉันวันนี้เลย ตอนนี้เธอเป็นสิทธิ์ขาดของฉันคนเดียว และที่สำคัญข้อตกลงในครั้งนี้จะจบลงเมื่อฉันพอใจในตัวเธอเท่านั้น เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองหรืออะไรทั้งนั้น”
“ฉันไม่มีสิทธิ์รู้เลยเหรอว่าฉันต้องอยู่กับคนเลวอย่างคุณนานแค่ไหน” หล่อนถามเขา
“ไม่! ฉันบอกแล้วไง ฉันพอใจฉันจะปล่อยเธอเอง และที่สำคัญ ไปอยู่บ้านฉันแล้วห้ามไปไหนเด็ดขาด อยู่แต่ในบ้านของฉัน ถ้าอยากไปไหน ฉันจะให้คนของฉันพาไปเอง”
“คุณจะกักขังฉันไม่ได้นะ ฉันต้องไปสอนหนังสือ”
“ลาออกซะ ฉันไม่ชอบให้นางบำเรอของฉันทำงานอื่นนอกจากบนเตียง และอีกอย่างฉันอยากให้เธอเตรียมตัวรอฉันตลอดเวลาที่ฉันต้องการ” พูดจบก็ดันไหล่บอบบางเล็กน้อยให้เธอก้าวลงไปจากรถเมื่อลูกน้องของเขาเปิดประตูรถออกนานแล้ว
เจนจิราเม้มปากแน่นก้าวลงจากรถมองไปยังพ่อกับแม่ของตัวเองแล้วก็ต้องน้ำตาคลอ หล่อนยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบล้นนอกดวงตาสวยแล้วรีบสาวเท้าก้าวเดินยาวๆ ไปหาพ่อกับแม่แล้วโถมตัวเข้ากอดท่านทั้งสองที่นั่งกอดกันกลมอยู่หน้าบ้าน ส่วนคลังแสงก็ก้าวเดินตามเธอไปด้วยท่าทางองอาจเคร่งขรึม
“พ่อจ๋า แม่จ๋าไม่ต้องไปไหนแล้วนะจ๊ะ พ่อกับแม่ยังอยู่บ้านได้เหมือนเดิมค่ะ” หล่อนกอดพ่อกับแม่ทั้งสองคนแน่นพร้อมบอกข่าวดี
“พวกมึงเลิกขนข้าวของเขาได้แล้ว ส่วนเธอเจนจิรา ไปเก็บกระเป๋า” คลังแสงเอ่ยสั่งลูกน้องแล้วทุกคนก็หยุดมือทันทีแล้วเดินออกมาจากในบ้านหลังเล็ก ส่วนเจนจิราก็แหงนเงยหน้ามองหน้าของคนที่มีอำนาจที่สุดแล้วก็เม้มปากแน่น
“ปะ...ไปไหนลูก หนูจะไปไหนลูก” สุดใจถามลูกสาวเสียงสั่นเครือ
“หนูจะไปทำงานกับเขาค่ะ แม่กับพ่อไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ” เธอบอกตอบ
“ทำงาน ลูกจะไปทำงานอะไรเจน พ่อไม่ให้ไป บ้านให้เขายึดก็ยึดไปเถอะลูก” กำนันบุญส่งเอ่ยด้วยไม่อยากให้ลูกไปอยู่กับเสี่ย
“ไม่จ้ะพ่อ หนูไม่ยอมให้เขามายึดบ้านที่พ่อกับแม่สร้างมาหรอกนะจ๊ะ และที่นาของเราอีก หนูจะรักษามันให้พ่อกับแม่เอง ไม่ต้องห่วงหนูนะ หนูดูแลตัวเองได้” เธอบอกพ่อกับแม่
“ไม่ลูก แม่กับพ่อไม่ให้ลูกไป” สุดใจเอ่ยค้านกอดลูกสาวแน่นกว่าเดิม
“จะไปไม่ไปเจนจิรา ถ้าไม่ไปก็ขนข้าวของออกจากบ้านฉันไปซะ เสียเวลา จะพิรี้พิไรอะไรกันนักหนา”
คนที่ไม่เคยมีครอบครัว อยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่จำความได้เอ่ยขึ้นอย่างรำคาญหงุดหงิดตาตัวเองเมื่อเห็นครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้แล้วเขาเกลียดนักแล เพราะเขาไม่เคยเป็นที่ต้องการของใคร แม้แต่พ่อแม่ก็ยังไม่ต้องการเขา และผู้หญิงที่รักเมื่อสิบปีก่อนก็ทิ้งเขาไป เพราะเขาจนไม่มีอันจะกิน แต่ตอนนี้เขามีทุกอย่าง เงิน อำนาจ ความรักเลยไม่จำเป็นสำหรับเขางั้นเหรอ?
“ฉันจะไป” เจนจิราแหงนหน้าขึ้นไปตอบเขาเสียงดังฟังชัด
“หนูไม่ต้องไปหรอกลูก ให้เขายึดไปเถอะลูก” กำนันบุญส่งบอกลูกสาว
“ไม่ค่ะ หนูจะไป พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ หนูไม่ยอมให้บ้านที่พ่อกับแม่สร้างมาถูกยึดไปแบบนี้หรอกค่ะ เชื่อเจนนะคะ” เธอกอดพ่อกับแม่แน่นทั้งน้ำตา
“แต่หนูจะไปทำงานอะไรกับเขาลูก และหนูไม่ถามพ่อกับแม่เหรอว่าพ่อกับแม่เอาเงินเสี่ยไปทำอะไร” สุดใจถามลูกสาว
“ตอนนี้เจนทำได้ทุกอย่างเพื่อบ้านและที่นาของเราค่ะ หนูจะไม่ถามว่าพ่อกับแม่เอาเงินไปทำอะไร เพราะทุกอย่างที่พ่อกับแม่ทำคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว” เจนจิราเอ่ยแล้วผละตัวออกจากพ่อกับแม่แล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้านเพื่อเก็บข้าวของของตัวเองเอาแต่ของสำคัญติดตัวไปด้วย
“เสี่ยจะให้ลูกของผมไปทำงานอะไรที่บ้าน” กำนันบุญส่งเอ่ยถามเมื่อตอนนี้ลูกสาวเดินหายเข้าไปในบ้านแล้ว
“นางบำเรอ” พูดจบคลังแสงก็เดินกลับไปยังรถเหมือนเดิม โดยไม่คิดสนใจจะฟังคำโต้ตอบของกำนัน
สิ่งที่ได้ยินทำให้สองสามีภรรยานิ่งอึ้งไปทันที เจนจิราจะไปเป็นนางบำเรอของเสี่ยงั้นเหรอ ไม่มีทาง พวกเขาทั้งสองไม่ยอมให้ลูกสาวไปแน่ และลูกสาวก็เดินเก็บกระเป๋าใบเล็กออกมาพอดีจึงถามขึ้นให้แน่ใจ
“ลูกจะไปเป็นนางบำเรอเสี่ยไม่ได้นะเจน พ่อกับแม่ไม่ยอม พ่อกับแม่ไม่ยอมให้หนูไปเป็นของเล่นของเขา” สองสามีภรรยาลุกขึ้นกางมือขวางทางลูกสาวไม่ให้เดินไปต่อ
“ให้หนูไปเถอะค่ะ ถ้าเจนไม่ไป บ้านก็จะถูกยึด ที่นาเราอีก เจนทนไม่ได้ เจนทนเห็นบ้านที่พ่อกับแม่รักและที่นาที่เป็นมรดกตกทอดของปู่ย่าถูกยึดไม่ได้ พ่อจ๋า แม่จ๋า ให้หนูไปเถอะนะคะ” เธอทิ้งกระเป๋าถือใบเล็กลงกับพื้นที่เพิ่งไปเก็บเสื้อผ้ามาสี่ห้าชุดและของใช้ส่วนตัวมาเมื่อกี้ลงกับพื้นแล้วเดินไปโอบกอดพ่อกับแม่ทั้งน้ำตา
“แต่ลูกต้องไปเป็นนางบำเรอนะเจน” กำนันบุญส่งเอ่ยพร้อมกระชับกอดลูกสาวแน่น
“ไม่เป็นไรค่ะพ่อจ๋า หนูไปไม่นานหรอก หนูไปไม่นาน และหนูจะขอเขามาเยี่ยมพ่อกับแม่นะจ๊ะ เจนไม่อยากให้พ่อกับแม่ลำบาก ถ้าเขายึดบ้านเราไป แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน เราไม่มีที่ไปแล้วนะคะ” เธอบอกพ่อกับแม่
“พ่อขอโทษนะลูก ขอโทษที่ทำให้หนูต้องไปเป็นของเล่นเสี่ยแบบนี้ พ่อขอโทษลูก” น้ำตาของคนเป็นพ่อไหลอาบสองแก้ม เจนจิราผละออกจากอ้อมกอดของพ่อกับแม่มายกมือเช็ดน้ำตาให้พ่อกับแม่ก่อนจะพูด
“ไม่เป็นไรค่ะ เจนรักพ่อกับแม่นะคะ เจนไปแล้วนะคะ” เธอก้มลงถือกระเป๋าที่ทิ้งเมื่อกี้แล้วเดินไปขึ้นรถที่เปิดประตูรอท่าอยู่ ส่วนคนของเสี่ยก็เดินตามเธอและอีกหลายๆ คนก็เดินไปขึ้นรถอีกคัน
“พี่กำนัน ฉันสงสารลูก” สุดใจกอดสามีทั้งน้ำตามองรถที่ลูกสาวนั่งแล่นห่างออกไป
“พี่ก็เหมือนกัน”
กำนันบุญส่งมองข้าวของที่ลูกน้องของเสี่ยขนออกมาทิ้งที่นอกบ้านแล้วก็ต้องกัดฟันแน่น หากไม่เพราะไปค้ำประกันเพื่อนแล้วโดนโกงก็คงไม่บากหน้าไปกู้เงินกับคลังแสงทั้งๆ ที่รู้ว่าดอกเบี้ยโหดและเขานั้นหน้าเลือดแค่ไหน แต่เมื่อจำเป็นก็ต้องไปกู้ยืมมาใช้หนี้แทนเพื่อน ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตัวของเขาเอง ไม่น่าเลย...ไม่น่าไว้ใจเชื่อใจเพื่อนมากขนาดนี้เลย