04
มันเป็นเพราะเธอ
แกร๊ก~
มือเรียวเปิดประตูห้องของธาราหลังจากที่นั่งคุยกับน้ำทิพย์เกือบหนึ่งชั่วโมงซึ่งตอนนี้หญิงวัยกลางคนเองก็กลับไปที่โรงแรมแล้วเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องรีบเดินทางกลับกรุงเทพฯ พร้อมกับอรรณพผู้เป็นสามีที่เคลียร์งานทางนี้เสร็จ
เดือนตะวันใช้มือกดเปิดสวิตช์ไฟข้างประตูทำให้ภายในห้องสว่างจ้าขึ้นก่อนจะปิดประตูลงเบา ๆ แล้วเดินเข้าไปภายในห้องนอนก็เห็นร่างสูงของผู้เป็นสามีนั่งดื่มเหล้าอยู่บนพื้นพรมหน้าโซฟาปลายเตียงนอนใหญ่ ใบหน้าสวยบิดเบ้เล็กน้อยเมื่อกลิ่นโชยของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลอยเข้ามาเตะจมูกซึ่งเป็นกลิ่นที่เธอไม่ชอบและไม่เคยลิ้มลองรสชาติของมันเลยสักครั้ง ซากขวดเปล่ามากมายที่วางทิ้งอยู่บนพื้นทำให้เธอรับรู้ได้ทันทีว่าเขาคงจะเมาไม่น้อยแม้ใบหน้าคมคายจะยังคงเรียบนิ่งอยู่เหมือนเดิมก็ตาม
“...” ธารามองใบหน้าของคนที่เดินเข้ามาด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือขึ้นกระดกลงคอรวดเดียวจนหมด เขามองหาขวดเหล้าที่สั่งให้ลูกน้องเอาขึ้นมาให้ แต่ปรากฏว่ามันเหลือแต่ขวดเปล่าทำให้ร่างสูงพยุงร่างกายลุกขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเลเพราะดื่มเหล้าเข้าไปจำนวนหลายขวดเพียงคนเดียวทำให้เขามีอาการมึนเมา
เดือนตะวันที่เห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปพยุงร่างกำยำเอาไว้ทันทีเพราะกลัวเขาจะเสียหลักล้มลงพื้นทำให้ได้กลิ่นฉุนของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกมาจากตัวของเขาแรงขึ้น
“ไม่ต้องมายุ่ง!” ด้วยความเมาและโมโหทำให้เขาเผลอผลักเธออย่างแรงจนเสียหลักล้มลงบนโซฟา
ผลัก!
'อึก!' หญิงสาวขบเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความเจ็บเมื่อถูกผลักอย่างแรงจนเสียหลักล้มลงบนโซฟา พ่อเลี้ยงหนุ่มนิ่งไปแววตารู้สึกผิดฉายออกมาในตอนแรกก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่า
“มองฉันแบบนั้นหมายความว่าไง ตัดพ้อ? อยากให้ขอโทษ?”
“เหอะ! ผู้หญิงอย่างเธอมันสมควรโดนมากกว่านี้ด้วยซ้ำ” แววตาตัดพ้อที่มองมาไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสงสารแต่อย่างใดกลับกันมันยิ่งทำให้เขาโมโหกับท่าทางอ่อนแอที่เธอแสดงออกมาทั้งที่ความเป็นจริงผู้หญิงอย่างเธอมันร้ายกาจเจ้ามารยา
'ทำไมพี่ต้องทำถึงขนาดนี้' นัยน์ตากลมสีน้ำตาลมองคนตรงหน้าอย่างตัดพ้อเต็มไปด้วยความน้อยใจแม้จะรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ก็ตาม
“อย่ามาใช้ภาษาบ้าใบ้คุยกับฉัน ฉันไม่เข้าใจและไม่คิดอยากจะเข้าใจภาษาใบ้ ๆ ของเธอด้วย” ธาราตวาดออกไปดังลั่นทำให้เดือนตะวันน้ำตาคลอด้วยความเจ็บปวดกับสิ่งที่พรั่งพรูออกมาจากปากคนเมา แม้จะทำใจมาบ้างแต่พอเจอเข้าจริง ๆ เธอก็อดที่จะเสียใจไม่ได้
'อึก!'
“ทำไมเจ็บปวดเหรอ? แค่นี้มันยังน้อยไปเพราะต่อไปเธอจะต้องเจอกับความเจ็บปวดที่มันมากกว่าให้สมกับตำแหน่งเมียที่เธออยากได้นักหนาไง!” เอ่ยทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นก่อนจะเดินโซเซเข้าห้องน้ำไปโดยมีสายตาตัดพ้อของเดือนตะวันมองตามไปด้วยความเจ็บปวด
'จะร้องไห้ทำไมในเมื่อทุกอย่างมันเป็นเพราะเธอเอง' มือเรียวยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลลงอาบพวงแก้มนวลลวก ๆ ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ ถ้าหากวันนั้นเธอปฏิเสธสักนิดความสัมพันธ์ของเธอกับธาราก็คงจะยังเป็นเหมือนเดิม
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้า
วันนั้นเป็นวันคล้ายวันเกิดของน้ำทิพย์ที่จัดขึ้นในคฤหาสน์ที่กรุงเทพฯและเป็นประจำทุกปีที่ครอบครัวของเธอจะถูกเชิญไปร่วมงาน เพราะพงศกรเป็นเพื่อนสนิทของอรรณพและน้ำทิพย์ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และทุกครั้งครอบครัวของเธอก็มักจะนอนค้างที่คฤหาสน์ของน้ำทิพย์อยู่แล้ว หลังจากการเป่าเค้กเสร็จสิ้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเช่นเดียวกับแขกเหรื่อคนอื่น ๆ ที่แยกย้ายกันกลับบ้าน
ในคืนนั้นเดือนตะวันที่อาบน้ำเสร็จก็ขึ้นมานอนพักผ่อนในห้องที่น้ำทิพย์ให้คนจัดเตรียมไว้ให้และเธอก็ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ธาราเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยอาการเมามายพอรู้ตัวอีกทีก็ถูกเงาสีดำตะคุ่มคร่อมตัวไว้ ในวินาทีนั้นเธอเบิกตากว้างตกใจสุดขีด แต่ครั้นจะประท้วงก็ถูกริมฝีปากหนาจัดการจูบปิดปากจนเธอไม่สามารถจะสู้เรี่ยวแรงของเขาได้
“อืมม”
'อื้อออ!!' เธอออกแรงดีดดิ้นมือที่ระดมทุบแผ่นหลังแกร่งเอื้อมไปกดเปิดสวิตช์ไฟจนสว่างจ้าทำให้เห็นใบหน้าคมคายแดงก่ำชัดเจน อีกทั้งกลิ่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โชยเข้ามาเตะจมูกบ่งบอกว่าเขานั้นเมาแค่ไหน
“อือ” แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ออกแรงผลัก ร่างสูงก็หมดสติหลับฟุบลงกับซอกคอของเธอพร้อมลมหายใจอุ่นร้อนเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าโชยออกมา
หญิงสาวตั้งสติสักพักก่อนจะออกแรงดันร่างกำยำไร้สติให้นอนลงบนเตียงแล้วค่อย ๆ ขยับตัวลุกเมื่อเห็นว่าธารานั้นหลับไปครั้นจะออกไปหาคนมาช่วยในเวลานี้ก็ตีหนึ่งกว่าแล้วทำให้เธอเลือกที่จะเดินเข้าไปหากะละมังกับผ้าขนหนูผืนเล็กเพื่อจะมาเช็ดตัวให้แก่คนที่นอนหลับอยู่
ด้วยความที่เขานั้นใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวทำให้เธอไม่สามารถที่จะเช็ดตัวเขาได้สุดท้ายมือเรียวจึงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกแล้วใช้ผ้าสีขาวที่เปียกน้ำหมาด ๆ เช็ดไปตามมัดกล้ามกำยำโดยที่หันหน้าหนีไปอีกทาง
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเดือนตะวันก็เดินอ้อมไปนอนอีกฝั่งโดยเว้นระยะห่างพอสมควรเพราะเธอนอนชิดขอบเตียงก่อนจะข่มตาหลับไปโดยมีธารานอนอยู่ข้าง ๆ ทุกอย่างมันจะผ่านพ้นไปด้วยดีหากเช้าวันต่อมาฟ้าฝนไม่เข้าไปหาน้องสาวในห้องทำให้เห็นภาพที่ทั้งคู่นอนกอดกันอยู่บนเตียง
“กรี๊ดดดด!!!” เสียงกรีดร้องของเธอทำให้ชายหญิงบนเตียงที่นอนหลับใหลอยู่ค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมาด้วยความงัวเงียเช่นเดียวกับเหล่าผู้ใหญ่ทางด้านล่างต่างรีบขึ้นมาดูทำให้เห็นภาพของทั้งคู่ที่นอนอยู่บนเตียง
“ฝน!!” ธาราที่ได้สติเอ่ยเรียกชื่อของหญิงสาวรุ่นน้องด้วยความตกใจก่อนจะหันมองหญิงสาวข้าง ๆ ที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับตัวเอง
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นฮะ!?” พงศกรตวาดดังลั่นเมื่อเห็นสภาพของลูกชายเพื่อนสนิทถึงแม้จะยังมีเสื้อผ้าครอบอยู่บนร่างกายแต่ทว่าเสื้อของธารานั้นถูกปลดกระดุมออก หลังจากเหตุการณ์นั้นทั้งคู่ก็ถูกทางผู้ใหญ่จับให้แต่งงานกันโดยที่ธาราไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะเดือนตะวันนั้นไม่ตอบความจริงกับทางผู้ใหญ่ว่าเขากับเธอไม่ได้มีอะไรเกินเลยกัน จากวันนั้นสายตาที่ธารามองเธออย่างเอ็นดูเหมือนน้องสาวมาตั้งแต่เล็กก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชามาโดยตลอด
'ในเมื่อเธอเลือกเองก็อย่าร้องไห้สิ' เธอได้แต่สมเพชตัวเองเพราะเธอแอบรักธารามาตั้งแต่จำความได้ เพราะธารานั้นคอยเป็นเพื่อนเล่นและคอยดูแลเธอมาตลอดแม้ในใจจะรู้ว่าเขาเห็นเธอเป็นเพียงแค่น้องสาวก็ตาม
หญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนกระทั่งประตูห้องน้ำเปิดออกในเวลาต่อมาพร้อมกับร่างกำยำของพ่อเลี้ยงหนุ่มที่เดินออกมาด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวสีขาวคลุมท่อนล่างไว้อย่างหมิ่นเหม่เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าหรือพูดคุยกับเธอทำราวกับเธอเป็นธาตุอากาศ
เดือนตะวันเก็บความเสียใจเอาไว้ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวทันที เธอใช้เวลาไม่นานนักก็เดินออกมาด้วยสภาพที่สวมใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาว ดวงตากลมโตกวาดมองหาสามีหนุ่ม แต่ทว่ากลับไม่พบแม้แต่เงา
'คงจะเกลียดขี้หน้าตะวันมากสินะคะ' แต่เธอก็ไม่โทษเขาเพราะเธอเป็นคนเลือกแบบนี้เอง หญิงสาวเดินเข้าไปลากกระเป๋าเดินทางออกมาก่อนจะจัดการเปิดกระเป๋าออกเพื่อหาชุดนอนออกมาสวมใส่แล้วก็ถือโอกาสจัดเสื้อผ้าใส่ตู้แม้จะยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ตู้เสื้อผ้าร่วมกัน แต่ยังไงความจริงที่เธอเป็นภรรยาของเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
หลังจากจัดเสื้อผ้าใส่ตู้เสร็จเธอก็ลากกระเป๋าเข้าไปเก็บไว้ที่ซอกตู้ก่อนจะลงมือเก็บกวาดซากขวดเหล้ามากมายที่วางเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นพรมใส่ถุงแล้วหย่อนใส่ถังขยะที่วางอยู่หน้าห้อง
เดือนตะวันเดินเข้ามาหย่อนสะโพกลงบนโซฟาปลายเตียงเพื่อรอธารากลับเข้ามา แต่เวลาผ่านไปจนกระทั่งเที่ยงคืนกลับยังไร้เงาของสามีหนุ่มทำให้เธอผล็อยหลับไปในที่สุด
วันต่อมา...
แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามากระทบใบหน้าเกลี้ยงเกลาบวกกับเสียงร้องของนกปลุกให้เจ้าของใบหน้าสวยค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทักทายเช้าวันใหม่
เดือนตะวันขยับตัวลุกนั่งก่อนจะหวนคิดถึงเมื่อคืนที่เธอนั่งรอธาราจนกระทั่งผล็อยหลับคาโซฟา เสียงน้ำไหลกระทบพื้นดังออกมาจากห้องน้ำทำให้เธอรู้ทันทีว่าธาราคงจะกำลังอาบน้ำอยู่ หญิงสาวเดินไปยังตู้เสื้อผ้าก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตสีเข้มพร้อมกับกางเกงยีนที่ห้อยอยู่ออกมาเพื่อเตรียมไว้ให้สามีหนุ่มตามหน้าที่ของภรรยาแม้เขาจะต้องการหรือไม่ก็ตาม
แกร๊ก~
พ่อเลี้ยงหนุ่มเปิดประตูออกมาจากห้องด้วยสภาพที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวห่อหุ้มร่างกายเขาเดินผ่านหน้าหญิงสาวที่เป็นภรรยาที่ส่งยิ้มมาให้ไปยังตู้เสื้อผ้า มือหนาหยิบชุดที่ห้อยอยู่หน้าตู้โยนลงตะกร้าที่มีไว้ใส่ชุดที่ใส่แล้วเพื่อเตรียมไปซักทั้งที่เขายังไม่ได้สวมใส่ก่อนจะเปิดตู้หยิบชุดใหม่ออกมา
เดือนตะวันมองการกระทำนั้นด้วยความเจ็บปวด ถึงแม้เขาจะไม่ต้องการแต่เธอก็ต้องทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที
“เธอยังต้องเจออะไรอีกเยอะเดือนตะวัน” ในเมื่อเธออยากจะมาเป็นเมียเขานักเธอก็ต้องรับให้ได้กับทุกเรื่องและทุกอย่าง
กว่าจะทำอะไรเสร็จหญิงสาวก็ใช้เวลาไปนานเธอเดินลงมาจากชั้นสองก่อนจะตรงไปยังห้องอาหารที่มีร่างสูงของธารานั่งทานข้าวเช้าอยู่โดยไม่รอเธอ
“แม่เลี้ยงเชิญทางนี้ค่ะ” ส้มแป้นเป็นคนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเดือนตะวันเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารก่อนที่หญิงสาวจะพยักหน้าเดินอ้อมไปนั่งเก้าอี้ที่สาวใช้เลื่อนออกให้
“ต่อไปอย่าให้ฉันได้ยินใครเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าแม่เลี้ยงอีกเพราะเธอไม่ใช่ ก็แค่เมียแต่งที่ไม่ต้องการ” ธาราเอ่ยขึ้นเสียงเรียบแฝงไปด้วยอำนาจทำให้สาวใช้ที่ยืนอยู่ทางด้านหลังต่างก้มหน้าก้มตาลง
'อึก!' เดือนตะวันสะอึกเธอมองคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะด้วยสายตาตัดพ้อเจ็บปวด เขาพูดจาไม่ให้เกียรติเธอที่เป็นภรรยาแม้แต่น้อย
“ออกไปให้หมด” หลังจากได้ยินคำสั่งทรงอำนาจนั้นสาวใช้ทุกคนก็ต่างรีบพากันเดินออกจากห้องรับประทานอาหารอย่างรวดเร็วทำให้ทั้งห้องเหลือเพียงแค่ธารากับเดือนตะวัน
“นี่มันแค่เริ่มต้นในเมื่อเธออยากแต่งงานกับพี่นักเธอก็ต้องรับให้ได้ไม่ว่าพี่จะทำอะไรก็ตาม”
'ทำไมพี่ถึงใจร้ายกับตะวันได้ขนาดนี้'
“ก็เพราะเธอไงตะวัน ถ้าวันนั้นเธอบอกกับผู้ใหญ่ว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอก็ไม่ต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้ พี่ก็ไม่ต้องมามีเมียใบ้พูดไม่ได้แบบเธอ!” แต่ละถ้อยคำที่เขาเอ่ยออกมามันเหมือนมีดคม ๆ ที่กรีดลงหัวใจของเธอทีละนิดจนเจ็บปวด แต่นอกจากเขาจะไม่รู้สึกผิดแล้วยังพ่นวาจาร้ายกาจออกมาทำร้ายเธอซ้ำ ๆ ราวกับเธอไม่มีหัวใจไม่มีความรู้สึก
แม้เขาจะใจร้ายกับเธอถึงเพียงนี้ แต่ทำไมนะเธอยังเลือกที่จะอดทนทั้งที่ความจริงแล้วเธอสามารถโทรบอกที่บ้านเลยก็ได้ว่าเขานั้นใจร้ายกับเธอมากขนาดไหน
หรืออาจจะเป็นเพราะเธอรักเขา รักถึงขนาดยอมทุกอย่างแม้เขาจะทำร้ายจิตใจมากขนาดไหนก็ยอม
“ถ้าเธออยากทำหน้าที่เมียนักงั้นก็ทำมันทุกอย่างต่อไปนี้เธอต้องทำงานทุกอย่างที่เมียควรจะทำรวมทั้งเอาข้าวกลางวันไปส่งให้พี่ที่ไร่ทุกวัน” พูดจบร่างสูงก็หยัดกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปทันที