03
ฐานะแม่เลี้ยงของไร่
@ไร่ธารธารา
ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงรถตู้คันสีขาวก็เคลื่อนเข้ามาในเขตไร่ส้มขนาดใหญ่ก่อนจะขับเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ทรงสวย ถ้าหากคิดไม่ผิดก็คงจะเป็นบ้านของธารา เพราะส่วนมากเขาจะอาศัยอยู่ที่ไร่มากกว่าโรงแรม
“ไปจ้ะ” เดือนตะวันหลุดออกจากภวังค์ห้วงความคิดเมื่อได้ยินเสียงของน้ำทิพย์เธอพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินลงจากรถเมื่อประตูรถเปิด ดวงตากลมโตสีน้ำตาลกวาดมองบริเวณรอบ ๆ พร้อมกับเหล่าสาวใช้ที่ออกมายืนต้อนรับราวห้าคน
“ช่วยยกกระเป๋าหลังรถขึ้นไปไว้ที่ห้องให้ด้วยนะแล้วเข้าไปพบฉันที่ห้องรับแขกทุกคนเลย” น้ำทิพย์เอ่ยขึ้นหลังจากเดินลงมาจากรถทำให้เหล่าสาวใช้พากันไปช่วยยกกระเป๋าหลังรถ แต่ทว่าหญิงสาวต่างวัยสองคนที่กำลังจะเดินเข้าไปในบ้านต้องหยุดนิ่งไปเมื่อได้ยินเสียงของสาวใช้คนหนึ่ง
“ให้เอาไปไว้ห้องไหนคะคุณผู้หญิง?”
“เธอนี่ถามแปลกนะก็เอาไปไว้ห้องตาธารน่ะสิ”
“แต่พ่อเลี้ยงบอกให้เอาไปไว้ที่ห้องรับรองนะคะ” เดือนตะวันที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไปเพราะธาราคงจะไม่อยากร่วมเตียงกับเธอจริง ๆ เขาคงรังเกียจเธอมาก
“แต่ฉันสั่งให้เอาไปไว้ในห้องของตาธาร”
“ได้ค่ะ” สาวใช้คนดังกล่าวรีบยกกระเป๋าเดินทางของเดือนตะวันขึ้นไปไว้ชั้นบนตามคำสั่งของน้ำทิพย์
“ไปจ้ะหนูตะวัน” น้ำทิพย์จูงมือลูกสะใภ้เข้าไปในบ้านก่อนจะตรงไปยังห้องนั่งเล่นทำให้สาวใช้ที่เหลือเดินตามเข้าไป
“เอาล่ะเมื่อมากันครบแล้วฉันจะแนะนำให้รู้จัก นี่หนูเดือนตะวันจะมาอยู่ที่นี่ในฐานะแม่เลี้ยงของไร่ ฉันจะประกาศไว้ตรงนี้ว่าให้ปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับตาธารหรือแม้กระทั่งฉัน” เดือนตะวันนิ่งอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าน้ำทิพย์จะประกาศแบบนี้ต่อหน้าสาวใช้ในบ้านก่อนที่เธอจะหันไปส่งยิ้มให้กับทุกคนที่นั่งอยู่บนพื้นพร้อมโค้งศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทักทาย แต่ทว่ากลับได้รับสายตาของสาวใช้บางคนที่มองมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“มีอะไรก็แยกย้ายกันไปทำเถอะถ้าป้าบัวสายมาบอกให้เข้ามาหาฉันด้วย”
“ค่ะคุณผู้หญิง” เหล่าสาวใช้รับคำก่อนจะพากันออกจากห้องไปทำหน้าที่ของตัวเองโดยมีเดือนตะวันและน้ำทิพย์ที่ยังนั่งอยู่ในห้อง
“คิดมากเหรอ?” น้ำทิพย์ที่สังเกตเห็นใบหน้าสวยเริ่มฉายแววความกังวลก็เอ่ยขึ้น
'ค่ะ ที่จริงตะวันอยู่ห้องรับรองก็ได้นะคะจะได้ไม่รบกวนพี่ธารด้วย' เพราะการที่เขาบอกสาวใช้ว่าให้เธอไปนอนที่ห้องรับรองมันก็ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่อยากอยู่ร่วมห้องกับเธอและเธอก็ไม่กล้าพอที่จะทำแบบนั้น
“มันไม่ใช่การรบกวนจ้ะ ในเมื่อหนูกับตาธารแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้วถึงแม้จะยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายแต่ตอนนี้คนอื่นก็รับรู้ว่าหนูคือแม่เลี้ยงของไร่ธารธาราฉะนั้นมันจะไม่มีคำว่ารบกวนเด็ดขาด”
“เอาเป็นว่าหนูอย่าคิดมากเลยนะ ไม่ว่ายังไงหนูก็เป็นลูกสะใภ้ของแม่แล้วและแม่เชื่อว่าตาธารจะดูแลหนูเป็นอย่างดี”
“ขออนุญาตค่ะ” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นก่อนจะเดินถือถาดน้ำเปล่าเข้ามาเสิร์ฟ
“หนูขึ้นไปนอนพักผ่อนก่อนไหมเดี๋ยวแม่จะให้คนพาขึ้นไปดูห้องแล้วเดี๋ยวตอนเย็นค่อยตื่นมาทานข้าวเย็นด้วยกัน”
'ได้ค่ะ'
“เดี๋ยวพาแม่เลี้ยงขึ้นไปที่ห้องด้วยนะถ้าแม่เลี้ยงต้องการอะไรก็หาให้ด้วย”
“ค่ะคุณผู้หญิง” ส้มจี๊ดรับคำก่อนจะเดินออกไปรอข้างนอกทำให้เดือนตะวันลุกขึ้นพร้อมโค้งตัวลงเล็กน้อยเป็นมารยาทก่อนจะเดินออกไป
“นี่เป็นห้องของพ่อเลี้ยงค่ะ คุณเอ่อ...แม่เลี้ยงต้องการอะไรเพิ่มอีกไหมคะ?” ส้มจี๊ดเอ่ยขึ้นหลังจากพาเดือนตะวันขึ้นมายังชั้นสองของบ้านและยืนอยู่หน้าห้องพักของธารา
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมยิ้มน้อย ๆ เพราะหากเธอใช้ภาษามือในการสื่อสารคนที่นี่คงจะไม่เข้าใจส่วนสมุดโน๊ตกับปากกาประจำตัวก็อยู่ในกระเป๋าเดินทางเธอจึงทำได้แค่เพียงส่ายหน้าปฏิเสธและส่งยิ้มให้เท่านั้นก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง
ดวงตากลมโตกวาดมองห้องนอนใหญ่ที่ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราตกแต่งโทนสีเทาขาว มันให้ความสุภาพอบอุ่นตามนิสัยของเจ้าของห้อง ก่อนที่เท้าเรียวจะเดินเข้าไปในห้องนอนที่กั้นอยู่ เธอมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบของตัวเองที่วางอยู่หน้าตู้เสื้อผ้านิ่ง ครั้นจะจัดการเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ก็ไม่กล้าที่จะทำเพราะกลัวจะถูกเจ้าของห้องต่อว่าเอาได้
ก๊อก~ ก๊อก~
“มีเอกสารมาให้เซ็นครับ” พายุยกมือขึ้นเคาะประตูห้องทำงานของผู้เป็นเจ้านายก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องพร้อมวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงาน
“ตอนนี้คุณผู้หญิงมาส่งคุณตะวันถึงที่บ้านแล้วนะครับ คุณผู้หญิงฝากมาบอกนายว่าเย็นนี้ให้รีบกลับบ้านครับท่านมีเรื่องจะพูดด้วย”
“อืม” มือหนาส่งเอกสารที่เซ็นเสร็จคืนให้กับพายุซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทที่เขาไว้วางใจให้ทำหน้าที่แทนในตอนที่ไม่อยู่เปรียบเสมือนมือขวาของเขา พายุโค้งศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับออกไปเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หญิงสาวคนหนึ่งเดินยิ้มหวานเข้ามาพอดี
“โอ๊ย! หลบไปสิเห็นไหมว่าฉันรีบไปหาพ่อเลี้ยง!” น้ำชาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจก่อนจะเดินผ่านหน้าพายุเข้ามาในห้องทำงานของธาราด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มที่ธารานั้นเรียกหาเธอ
“พ่อเลี้ยงมีอะไรจะให้น้ำชารับใช้เหรอคะ? หรือว่าพ่อเลี้ยงต้องการปลดปล่อย...”
“ฉันมีเรื่องจะให้เธอทำ” สายตาคมมองใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางของน้ำชานิ่งนัยน์ตาฉายแววความร้ายกาจออกมา
เดือนตะวันตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายสามโมงเย็นหลังจากที่ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟาที่เธอเผลอหลับไปเมื่อชั่วโมงก่อนแล้วหยัดตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นก่อนจะตัดสินใจลงไปข้างล่าง
เธอเดินลงมาชั้นล่างแต่กลับไม่เห็นใคร มีแต่เสียงพูดคุยที่ดังออกมาจากอีกฝั่งก็ไม่รอช้าที่จะเดินไปดูก็เห็นน้ำทิพย์ยืนทำอาหารอยู่ในนั้น
“อ้าวหนูตะวันตื่นแล้วเหรอลูก?” น้ำทิพย์ที่หันมาเห็นลูกสะใภ้ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องครัวก็เอ่ยขึ้นทำให้เดือนตะวันพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้อง
“นี่หนูตะวันที่ฉันบอกส่วนนี่ป้าบัวสายเป็นแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่” น้ำทิพย์เอ่ยแนะนำก่อนที่หญิงสาวจะยกมือขึ้นไหว้หญิงชราที่ยืนอยู่
“สวัสดีค่ะ นอกจากหน้าตาสะสวยแล้วกิริยามารยาทยังอ่อนหวานอีกนะคะ” บัวสายเอ่ยชมด้วยรอยยิ้มอย่างเอ็นดูเธอรู้จากน้ำทิพย์แล้วว่าเดือนตะวันนั้นพูดไม่ได้ซึ่งเธอก็ทำความเข้าใจและไม่ได้ตั้งแง่
'ขอบคุณค่ะ' เดือนตะวันเผลอใช้ภาษามือในการสื่อสารอีกครั้งก่อนจะยิ้มแหย ๆ ออกมาเพราะรู้ตัวว่าตัวเองเผลอตัวไป
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าเองก็จะได้ฝึกฝนเรียนรู้ไปด้วย” เพราะการที่หญิงสาวมาเป็นแม่เลี้ยงของที่นี่ก็เท่ากับว่าทุกคนจะต้องเรียนรู้และฝึกฝนให้เข้าใจกับการใช้ชีวิตอยู่และสื่อสารของอีกฝ่ายไปด้วย
'ทำอาหารกันอยู่เหรอคะ? ขอตะวันช่วยด้วยนะคะ'
“คุณตะวันหมายถึงอยากช่วยทำอาหารแบบนั้นหรือเปล่าคะ?” บัวสายเอ่ยออกมาแม้จะไม่เข้าใจในภาษามือมากนัก แต่ก็พอจะเดาได้อยู่บ้าง
'ใช่ค่ะ' เดือนตะวันพยักหน้าให้เป็นคำตอบ
“แล้วคุณตะวันทำอาหารเป็นเหรอคะ?”
“ลูกสะใภ้ฉันนี่ทำอาหารเก่งที่สุดแล้วนะ ทั้งขนมหวานทั้งอาหารต้องยกนิ้วให้หนูตะวันเลยล่ะ” ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ตอบน้ำทิพย์ก็เอ่ยขึ้นเพราะทุกครั้งที่ไปบ้านพงศกรก็มักจะได้ทานกับข้าวหรือแม้แต่ขนมฝีมือของเดือนตะวันอยู่บ่อยครั้งเพราะหญิงสาวนั้นชอบทางด้านนี้
“ดีเลยค่ะ ถ้างั้นเชิญคุณตะวันเข้ามาเลยค่ะ” เดือนตะวันช่วยบัวสายทำอาหารมื้อเย็นอยู่เกือบสองชั่วโมง แต่ทว่าเธอไม่ได้เหนื่อยหรืออึดอัดแม้แต่น้อย เพราะทำในสิ่งที่ชอบอีกอย่างบัวสายเองก็ไม่ได้ตั้งท่ารังเกียจที่เธอพูดไม่ได้ทำให้เธอนั้นค่อนข้างไม่เกร็งมากนักเวลาอยู่กับผู้ใหญ่ที่ไม่สนิท
ธาราเดินเข้ามาภายในบ้านในเวลาเกือบสองทุ่มของวันเพราะใช้เวลาทั้งหมดวุ่นอยู่กับงานหลังจากที่ต้องเตรียมตัวเข้าพิธีแต่งงานเมื่อหลายวันที่ผ่านมาทำให้เขาไม่ได้เข้ามาดูงานที่ไร่
“ตาธารเข้ามานี่ แม่ให้คนไปบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าวันนี้ให้รีบกลับบ้านเพราะแม่จะอยู่ทานข้าวเย็นด้วย” น้ำทิพย์เอ่ยตำหนิลูกชายเมื่อเห็นร่างสูงของธาราเดินเข้ามาเพราะเลยเวลาทานอาหารเย็นมาเกือบยี่สิบนาที แต่ธาราเพิ่งจะย่างกายเข้ามาในบ้าน
“ผมงานเยอะครับแม่ก็เพราะมัวแต่ให้ผมเอาเวลาไปทำเรื่องอะไรก็ไม่รู้อยู่ตั้งหลายวันผมเลยต้องมานั่งเคลียร์เอกสารย้อนหลังอยู่แบบนี้ไง” เดือนตะวันบีบมือแน่นพร้อมก้มตาลงต่ำเมื่อสายตาคมตวัดมองมาที่เธอ คำพูดของเขานั้นบ่งบอกชัดเจนว่าทุกเรื่องมันเกิดขึ้นจากเธอถึงแม้เขาจะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมาตรง ๆ แต่เธอก็รู้ดี
“ธารจะพูดอะไรก็หัดรักษาน้ำใจน้องหน่อย หนูตะวันเป็นเมียลูกนะจะมาพูดแบบนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา”
“เมียที่ไม่ต้องการน่ะเหรอครับจะต้องไปรักษาน้ำใจอะไรผมยอมแต่งงานด้วยแบบนี้แล้วมันยังไม่พอใจเธออีกเหรอ?” นัยน์ตาคมเข้มจ้องมองใบหน้าของภรรยาที่นั่งก้มหน้าหลบสายตาก่อนจะผลุนผลันเดินออกไปด้วยความไม่สบอารมณ์ แค่เขายอมแต่งงานกับเธอมันก็น่าจะมากพอแล้ว
“ตาธาร! ธารา!” น้ำทิพย์ตะโกนเรียกไล่หลังแต่ทว่าธาราก็ไม่แม้แต่จะหันกลับมา เพราะเขาไม่ต้องการที่จะเห็นหน้าของเดือนตะวันแค่ชื่อเขาก็ไม่อยากได้ยินแล้ว
สาวใช้ที่ยืนรอทำหน้าที่อยู่ทางด้านหลังต่างก้มหน้าลงอย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่บ่อยนักที่จะเห็นธาราเป็นแบบนี้หากเขาไม่โมโหจริง ๆ
“หนูตะวัน...” หญิงวัยกลางคนรีบหันไปทางเดือนตะวันพร้อมกับยื่นมือเข้าไปกอบกุมมือเรียวด้วยความสงสารเห็นใจและรู้สึกผิดที่ทำให้เธอต้องอยู่ในสภาพแบบนี้
'ตะวันไม่เป็นไรค่ะ' เดือนตะวันฉีกยิ้มบาง ๆ ให้แก่แม่ของสามีเพื่อบ่งบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร ทั้งที่ในใจนั้นเจ็บปวด แต่ในเมื่อเธอเลือกทางนี้แล้วก็ต้องทนให้ได้กับผลของมัน
“ถ้างั้นทานข้าวนะเดี๋ยวแม่มีเรื่องจะคุยด้วย”
'ค่ะ' มือเรียวตักข้าวเข้าปากก่อนจะข่มใจเคี้ยวถึงแม้ตอนนี้เธอจะกินอะไรไม่ลงเลยก็ตาม แต่ก็ต้องฝืนใจเพราะไม่อยากให้น้ำทิพย์นั้นเป็นห่วง แค่เรื่องราวเมื่อเช้าก็มีปัญหามากพอแล้วหากเรื่องนี้รู้ถึงหูพ่อของเธอเกรงว่าทางผู้ใหญ่อาจจะผิดใจกันเอาได้และเธอไม่ต้องการให้เรื่องมันเกิดจากเธอ