05
ทำหน้าที่แทน
รถกระบะยกสูงสีดำคันใหญ่แล่นเข้ามาจอดยังไร่ส้มในเวลาเกือบเก้าโมงเช้าเพราะวันนี้เขามีตรวจดูความเรียบร้อยของไร่เพราะอีกไม่กี่วันส้มแปลงนี้ต้องเก็บส่งขายให้ลูกค้า
“เป็นไงบ้าง?”
“เป็นอย่างที่พ่อเลี้ยงคิดไว้จริง ๆ ครับ ส้มแปลงนี้โดนทั้งแมลงและหนอนเจาะทำให้เสียหายไปเกือบครึ่ง” ไกรสรซึ่งเป็นผู้จัดการไร่เอ่ยขึ้นหลังจากเดินดูส้มหลายต้นที่มีสภาพถูกแมลงและหนอนเจาะจนเสียหายไม่น้อย
“แล้วมีแปลงไหนที่พอเก็บได้แล้วบ้าง”
“มีอีกสองแปลงถัดจากตรงนี้เลยครับ มีส่วนที่เสียหายมากน้อยต่างกัน”
“อืม พรุ่งนี้ก็เกณฑ์คนงานมาเก็บเลยเพราะลูกค้าเร่งมาแล้ว”
“ครับพ่อเลี้ยง” ไกรสรรับคำก่อนจะเดินแยกออกไปโดยมีธาราเดินไล่ดูต้นส้มที่ถูกปลูกไว้เป็นแถวยาวจนสุดตา
“แม่เลี้ยงเอ่อ...คุณตะวันคะมีคนมาหาค่ะ” ส้มแป้นเอ่ยขึ้นในขณะที่เดือนตะวันกำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัวเพื่อจะเตรียมเอาไปให้ธาราที่ออฟฟิศในไร่ตามคำสั่งของเขา เงยหน้าขึ้นมาพลางขมวดคิ้วแต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมวางมือจากสิ่งที่ทำอยู่เดินตามสาวใช้ออกไป
“คุณหนู!”
'พี่ใบตอง' เดือนตะวันฉีกยิ้มหวานอย่างดีใจที่เห็นหญิงสาวที่อายุมากกว่าอยู่ตรงหน้าซึ่งก็คือใบตองพี่เลี้ยงที่ดูแลเธอมาตั้งแต่ที่เธอเข้าไปอยู่ที่บ้านของพงศกรใหม่ ๆ ทั้งคู่โผเข้ากอดกันด้วยความดีใจเพราะไม่ได้เจอกันมาราวหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่ที่เดือนตะวันต้องขึ้นมาที่เชียงใหม่เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว
“พี่ใบตองคิดถึงคุณหนูมากเลยนะคะ มาอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้างคะทำหน้าเศร้าแบบนี้หรือว่ามีใครทำอะไรคุณหนูคะ?” ใบตองรัวคำถามใส่ด้วยความเป็นห่วงเพราะอยู่ด้วยกันมานานทำให้ย่อมรู้ดีว่าหญิงสาวที่เธอฟูมฟักดูแลมาอย่างดีนั้นมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
ไหนจะนัยน์ตากลมสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยความสุขในคราก่อนแปรเปลี่ยนเป็นโศกเศร้าแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มก็ตาม
'ไม่มีใครทำอะไรหรอกแล้วพี่ใบตองมาได้ยังไงคะ?' เดือนตะวันใช้ภาษามือในการสื่อสารเพราะใบตองนั้นเข้าใจได้เป็นอย่างดีเพราะคอยดูแลเธอมาตั้งแต่เล็ก ๆ
“คุณผู้ชายท่านเป็นห่วงคุณหนูที่ต้องมาอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวก็เลยคุยกับคุณน้ำทิพย์แล้วส่งพี่ใบตองมาค่ะ พี่ใบตองเป็นห่วงคุณหนูมากเลยนะคะแล้วนี่คุณหนูกำลังทำอาหารอยู่เหรอคะ?” เมื่อเพิ่งสังเกตว่าตอนนี้เดือนตะวันใส่ผ้ากันเปื้อนสีขาวอยู่ก็เดาออกได้อย่างง่ายดายเพราะปกติแล้วหญิงสาวเป็นคนที่ชอบทำอาหารและขนมเป็นชีวิตจิตใจ
'ใช่ค่ะ'
“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่ใบตองไปช่วยค่ะ”
'แล้วกระเป๋าละคะพี่ใบตองนอนที่ไหน?'
“นอนที่นี่ค่ะ...”
“คุณผู้หญิงโทรมาบอกป้าบัวสายไว้แล้วว่าจะมีคนมาพักที่บ้านเดินตามมาทางนี้” ส้มแป้นที่ยืนอยู่ทางด้านหลังเอ่ยขึ้นเมื่อพอจะได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่
“ถ้างั้นคุณหนูเข้าไปก่อนนะคะเดี๋ยวพี่ใบตองเอากระเป๋าไปเก็บแล้วจะตามไปค่ะ”
'ได้ค่ะ'
ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงกว่าเมนูอาหารมื้อกลางวันที่เธอตั้งใจทำเพื่อจะนำไปให้ธาราที่ไร่ก็เสร็จสรรพโดยมีใบตองช่วยเป็นลูกมือเหมือนอย่างตอนที่เธออยู่บ้านที่กรุงเทพฯ
เดือนตะวันจัดอาหารที่ทำทั้งหมดใส่ปิ่นโตสีขาวเสร็จสรรพก็ยิ้มออกมาก่อนจะมองดูนาฬิกาที่แขวนผนังบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาสามสิบนาทีพอดี
'พี่ใบตองคะรถพร้อมหรือยังคะ?' เพราะเธอให้ใบตองบอกคนขับรถให้เตรียมรถไว้รอเพื่อจะเอาอาหารกลางวันไปให้สามีหนุ่มที่ไร่
“รถมารอแล้วค่ะ มาค่ะเดี๋ยวพี่ใบตองช่วย” ใบตองตอบก่อนจะเป็นฝ่ายยื่นมือเข้าไปยกปิ่นโตสีขาวมาถือไว้แล้วเดินตามร่างเล็กของคุณหนูตัวเองออกไปนอกบ้านที่มีรถกระบะสีดำจอดรออยู่
“คุณหนูให้พี่ใบตองไปด้วยไหมคะ?”
'ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวตะวันก็มาแล้วแค่เอาข้าวกลางวันไปให้พี่ธารที่ไร่เองค่ะ' ท่าทางการใช้ภาษามือที่คล่องแคล่วทำให้คนขับรถที่มายืนรอเปิดประตูให้นั้นถึงกับเข้าใจว่าสิ่งที่ได้ยินมาว่าแม่เลี้ยงของไร่นั้นพูดไม่ได้คือเรื่องจริง
“โอเคค่ะ งั้นพี่ใบตองรออยู่ที่นี่นะคะ”
'ค่ะ'
“เชิญครับ” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่เอ่ยขึ้นพร้อมทำหน้าที่เปิดประตูให้ เดือนตะวันหันไปส่งยิ้มให้กับพี่เลี้ยงคนสนิทก่อนจะเดินขึ้นไปบนรถก่อนที่ประตูรถจะปิดลง
ใบตองยืนส่งจนกระทั่งรถแล่นออกไปจนสุดสายตาก่อนจะเดินกลับไปยังห้องพักเพื่อจัดของแล้วรอเวลาเดือนตะวันกลับมา
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลมองปิ่นโตสีขาวในมือด้วยรอยยิ้มเพราะอาหารมื้อนี้เธอตั้งใจทำมาให้ธาราเป็นพิเศษ ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีรถกระบะสีดำก็เคลื่อนเข้ามาจอดหน้าออฟฟิศในไร่ก่อนที่ชายชุดดำจะลงจากรถมาเปิดประตูให้พลางบอกทางเสร็จสรรพเพราะเธอยังไม่เคยมาที่นี่
เท้าเรียวเดินเข้ามาภายในออฟฟิศที่เงียบงันไร้เสียงมีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่เปิดทำงานอยู่ เธอกวาดตามองไปรอบ ๆ แต่ทว่ากลับไม่เห็นใครอาจจะเป็นเพราะเวลานี้พนักงานออกไปทานข้าวกลางวัน หญิงสาวเลือกที่จะเดินเข้าไปด้านในสุดซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เธอคิดไว้เมื่อเห็นชื่อของสามีหนุ่มแปะอยู่หน้าประตูห้อง
ก๊อก~ ก๊อก~
“เข้ามา” เมื่อได้รับอนุญาตจากคนทางด้านในใบหน้าสวยก็ประดับด้วยรอยยิ้มหวานก่อนจะเปิดประตูเข้าไปแต่ก็ต้องชะงัก
“อ้าวนี่ภรรยาพ่อเลี้ยงหรือเปล่าคะ?” ในห้องไม่ได้มีเพียงแค่ธาราแต่ยังมีหญิงสาวอีกคนที่แต่งตัวเซ็กซี่พร้อมใบหน้าที่แต่งด้วยเครื่องสำอางจัดจ้านแตกต่างจากเธออย่างสิ้นเชิงนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาที่โซฟา
“อืม”
“สวัสดีค่ะ น้ำชานะคะเป็นคนสนิท...อุ้ย เป็นคนดูแลพ่อเลี้ยงทุกอย่างค่ะ” น้ำชาแสร้งยกมือขึ้นมาปิดปากอย่างมีจริตทำให้เดือนตะวันได้แต่มองภาพตรงหน้านิ่ง ๆ แต่นัยน์ตานั้นเจ็บปวด เธอรู้ว่าธาราเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับพื้นที่ส่วนตัว แต่เธอคนนี้กลับทำแบบนั้นได้มันหมายความว่าอย่างไรกัน
“แล้วนั่นอาหารกลางวันของพ่อเลี้ยงเหรอคะ? แต่ว่าวันนี้ฉันทำมาให้พ่อเลี้ยงแล้วสิคะ พ่อเลี้ยงไม่เห็นบอกก่อนเลยว่าภรรยาจะทำมาให้แล้วตอนนี้พ่อเลี้ยงก็ทานไปเยอะแล้วด้วยสิคะเนี่ย” นัยน์ตากลมสีน้ำตาลจ้องมองเมนูอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกที่ถูกทานเข้าไปแล้วด้วยสายตาหลากหลายความรู้สึก
'...' เดือนตะวันยืนนิ่งพยายามกักกั้นหยาดน้ำตาไม่ให้รินไหลออกมาเพื่อประจานความอ่อนแอของตัวเอง
“เดี๋ยวน้ำชาจะเอาไปใส่จานให้นะคะถ้าพ่อเลี้ยงอยากทานอีก” น้ำชาหยัดกายลุกเดินเข้าไปแย่งปิ่นโตออกมาจากมือเรียวทำให้เดือนตะวันได้แต่กำมือแน่น
“ไม่”
“ไม่ทานเหรอคะแต่ว่าแม่เลี้ยง...”
“อย่าเรียกคำนี้ให้ฉันได้ยินอีก” เสียงเข้มเอ่ยออกมาบ่งบอกชัดเจนว่าเธอไม่เหมาะสมกับคำว่าแม่เลี้ยงของไร่
“ขอโทษค่ะ พ่อเลี้ยงแต่งงานแล้วน้ำชาเลยคิดว่าควรจะเรียกคำนั้น แต่ถ้าพ่อเลี้ยงไม่ชอบงั้นเรียกเหมือนเดิมก็ได้ค่ะ” น้ำชารีบเอ่ยออกมาอย่างเอาอกเอาใจเพราะกลัวว่าจะทำให้ธารานั้นไม่พอใจเอาได้
“ถ้าพ่อเลี้ยงไม่ทานแล้วจะทำยังไงดีคะภรรยาพ่อเลี้ยงอุตส่าห์ทำมาให้แบบนี้น่าเสียดายนะคะ”
“จะเสียดายทำไมในเมื่อไม่กินก็ทิ้งไปหรือเธออยากจะเอาไปให้หมามันกินก็แล้วแต่” แต่ละถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยออกมาไม่ต่างจากมีดคม ๆ ที่บาดก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของเธอให้แหลกสลายทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนบอกให้เธอทำอาหารมาให้ แต่ทว่ากลับทำราวกับสิ่งที่เธอทำมันไร้ค่าไร้ความหมายทำราวกับเธอเป็นหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึก
“พ่อเลี้ยงขาพูดแบบนี้คนทำเสียใจแย่เลยนะคะ” น้ำชาแสร้งเอ่ยออกมาอย่างเห็นอกเห็นใจ แต่ทว่าแววตาที่มองมานั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกเย้ยหยันและสะใจเสียมากกว่า
“...”
“ถ้างั้นต่อไปคุณตะวันไม่ต้องเป็นห่วงพ่อเลี้ยงแล้วนะคะเพราะหน้าที่ตอนกลางวันฉันจะเป็นคนดูแลพ่อเลี้ยงเองค่ะ” เธอไม่ได้แปลกใจที่น้ำชาจะรู้จักชื่อของเธอ แต่ทว่าหัวใจดวงน้อยถูกบีบรัดอย่างรุนแรงเมื่อมองใบหน้าคมคายเรียบนิ่งซึ่งเขาไม่ได้ตอบปฏิเสธออกมา และเธอก็ไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่าดูแลในความหมายของน้ำชามันคืออะไร
หญิงสาวผลุนผลันเดินออกไปจากห้องทันทีด้วยความเจ็บปวด นึกเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้แค่จะพูดออกมายังทำไม่ได้เลย
ธารามองแววตาตัดพ้อเสียใจของเธอด้วยความรู้สึกวูบไหวก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างไม่สนใจ เขาบอกให้เธอทำมาก็จริง แต่เขาไม่ได้พูดว่าจะกินในสิ่งที่เธอทำมาให้
เดือนตะวันเดินตามทางลูกรังมาเรื่อย ๆ เพราะตอนที่เธอออกมาจากออฟฟิศไม่เห็นรถจอดรออยู่ ในนาทีนั้นเธอไม่สนใจอะไรอีกด้วยความเสียใจทำให้เธอเลือกที่จะเดินตามถนนลูกรังมาเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ได้คุ้นชินกับเส้นทางในไร่เลยสักนิด
ด้วยอุณหภูมิความร้อนของแดดที่สูงจัดบวกกับระยะทางที่เธอเดินมาทำให้หูอื้อตาลาย นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาพร่ามัวเธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเพียงนิดก่อนที่สติจะดับวูบไป
“อ้าวเธอมายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ?” เสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ใบตองที่กำลังเดินไปมาด้วยความว้าวุ่นใจหันไปมองก่อนจะจำได้ว่าคนที่เดินเข้ามาใหม่เป็นคนเดียวกันกับที่พาเธอไปห้องพัก
“มายืนรอคุณหนูน่ะสินี่หายไปสองชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่กลับมาเสียที” อดร้อนใจไม่ได้เพราะไม่สามารถติดต่อกับเดือนตะวันได้เลยตั้งแต่ออกจากบ้านไป เพราะทุกครั้งเธอจะส่งข้อความหาคุณหนูของตัวเองและได้ข้อความตอบกลับมาตลอด แต่ครั้งนี้ไม่แม้กระทั่งอ่านข้อความ
“อย่าห่วงไปเลยคุณตะวันเธออาจจะอยู่กับพ่อเลี้ยงต่อเดี๋ยวอีกสักพักก็กลับมา” ส้มแป้นเอ่ยบอกอีกอย่างเดือนตะวันเองก็ไปกับรถของที่บ้านหากกลับมาก็ต้องเห็นรถสิ
“เข้าไปข้างในเถอะป้าบัวสายรออยู่” ใบตองหันไปทางหน้าบ้านอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเดินตามส้มแป้นเข้าไปในครัวอย่างไม่มีทางเลือกถึงแม้จะมาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลเดือนตะวันแต่ก็ต้องช่วยคนในบ้านหยิบจับตามหน้าที่
“เธอรู้สึกตัวแล้วค่ะ”
เดือนตะวันขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมาสิ่งแรกที่เธอเห็นคือใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่งที่ฉีกยิ้มส่งมาให้ก่อนที่เธอคนนั้นจะเข้ามาช่วยพยุงเธอลุกขึ้น
“ฉันชื่อธีรินนะคะตอนนี้คุณอยู่ที่บ้านของฉันค่ะ ส่วนนั่นพี่ธาดาพี่ชายของฉันที่เป็นคนช่วยคุณไว้ค่ะ” เมื่อเห็นสีหน้าเชิงคำถามของคนที่เพิ่งตื่นขึ้นมา ธีรินก็ไม่รอช้าที่จะแนะนำตัวทำให้เดือนตะวันหันไปมองร่างสูงของใครอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดี่ยว
“หากระเป๋าเหรอคะ? นี่ค่ะ” ธีรินยื่นกระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาลให้กับเจ้าของซึ่งเดือนตะวันเองก็รับไปก่อนจะค้นหาสมุดโน๊ตพร้อมปากกาประจำตัวออกมาจดข้อความใส่กระดาษ
'ฉันชื่อเดือนตะวันค่ะ เรียกตะวันก็ได้ แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ' มือเรียวยื่นกระดาษโน๊ตให้กับหญิงสาวตรงหน้าซึ่งธีรินเองก็รับมาอย่างงง ๆ ก่อนจะไล่สายตาอ่านข้อความบนกระดาษ
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ คุณพูดไม่ได้เหรอคะ”
'ค่ะ' หญิงสาวพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ฉันขอโทษนะคะ ฉัน...”
เดือนตะวันส่ายหน้าเป็นการบอกว่าเธอไม่ได้คิดอะไรทำให้ธีรินรู้สึกดีขึ้นมาจากเมื่อครู่
“ค่ะคุณตะวัน พอดีพี่ชายรินไปเจอคุณเป็นลมอยู่ทางเข้าไร่ค่ะเลยพามาที่นี่”
'ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้' หญิงสาวเขียนข้อความใส่กระดาษก่อนจะยื่นให้กับธาดาที่นั่งอยู่ไม่ไกลซึ่งเขาก็รับไปก่อนจะไล่สายตาอ่าน
“ไม่เป็นไรครับ เห็นคนเป็นลมยังไงก็ต้องช่วยอยู่แล้ว ผมว่าผมคุ้นหน้าคุณเหมือนกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”
'ไม่หรอกมั้งคะ เพราะฉันเพิ่งจะมาอยู่ที่นี่แล้วก็ยังไม่เคยออกไปไหน'
“งั้นเหรอครับ? แล้วคุณอยู่ที่ไหนครับเดี๋ยวผมจะไปส่ง”
'ฉันอยู่ที่ไร่ธารธาราค่ะ' หลังจากได้อ่านข้อความบนกระดาษโน๊ตแผ่นใหม่ธาดาก็นิ่งไป
“คุณเป็นภรรยาของพ่อเลี้ยงธาราเหรอครับ”