02
หน้าที่ภรรยา
แกร๊ก~
เดือนตะวันใช้เวลาทำธุระส่วนตัวราวครึ่งชั่วโมงก่อนจะเดินออกมาด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวสีขาวห่อหุ้มร่างกายอย่างหมิ่นเหม่เพราะเธอลืมหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำเข้าไปด้วย เท้าเรียวเดินเข้าไปยังห้องแต่งตัวก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้าออกเพื่อหาชุดนอนมาสวมใส่
'นี่มันอะไร?' ทันทีที่เปิดประตูออกก็ต้องเอ่ยออกมาเมื่อทั้งตู้เสื้อผ้ามีเพียงแค่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาวกับชุดนอนสายเดี่ยวผ้าลื่นสีเลือดนกที่ห้อยอยู่เท่านั้น
เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือหมายจะหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวออกมาสวมใส่ แต่ก็ต้องชะงักกลางอากาศเมื่อฉุกคิดได้ว่าทั้งตู้มีเพียงแค่สองชุดนี้ ถ้าหากเธอใส่ชุดคลุมอาบน้ำแล้วธาราจะใส่ชุดอะไร สุดท้ายเธอจึงเลือกหยิบชุดนอนผ้าลื่นสีเลือดนกตัวบางเซ็กซี่ออกมาสวมใส่อย่างไม่มีทางเลือก
หญิงสาวเดินออกมาหลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ร่างสูงเดินกลับเข้ามาในห้องพอดีทั้งคู่ชะงักไปเมื่อเผลอสบตากันโดยไม่ได้ตั้งตัว
หญิงสาวหลบสายตาหลังจากดึงสติกลับมาได้ ก่อนจะเดินตรงไปยังเตียงนอนสีขาวที่ประดับด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจ แล้วหยิบกระดาษโน๊ตพร้อมปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเขียนข้อความลงบนนั้น เพราะถ้าหากใช้ภาษามืออย่างเดียวคนตรงหน้าอาจจะไม่เข้าใจนัก ถึงแม้เธอจะรู้ว่าเขาใช้ภาษามือในชีวิตประจำวันอยู่แล้วก็ตามเพราะเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่คิดว่าการเขียนน่าจะเหมาะสมกว่า
'พอดีในตู้มันมีแค่ชุดนี้ค่ะ' สายตาคมไล่อ่านตัวอักษรบนกระดาษโน๊ตสีขาวที่ถูกยื่นมาตรงหน้าก็ทำให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่านี่คงเป็นแผนการของแม่เขาเป็นแน่ที่สั่งให้คนเอาชุดแบบนี้มาไว้ที่ห้อง
“ช่างเถอะ ถ้าง่วงก็นอนเลยเดี๋ยวพี่จะไปอาบน้ำก่อน”
'ให้ตะวันช่วยถอดเสื้อให้ไหมคะ?' ก่อนที่ธาราจะเดินเข้าห้องน้ำไปร่างเล็กตรงหน้าก็ทำท่าทางขึ้นมา แม้จะไม่เข้าใจนักแต่ก็พอจะเดาออก
“หมายถึงจะช่วยถอดเสื้อให้พี่ใช่ไหม?”
'ใช่ค่ะ' เดือนตะวันพยักหน้าเป็นคำตอบ
“งั้นก็มาสิ ไหน ๆ ก็แต่งงานมาเป็นเมียพี่แล้วก็มาทำหน้าที่เมียที่ดีหน่อย” ร่างสูงยืนนิ่งในขณะที่สายตาจดจ้องไปที่ใบหน้าหวานรูปไข่นวลใสที่ไร้เครื่องสำอางแต่งเติม
เดือนตะวันก้มหลบสายตาคมที่มองมา ก่อนที่เท้าเรียวจะก้าวเข้าไปหาร่างสูงของสามีหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล ค่อย ๆ ไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวทีละเม็ดด้วยมือสั่น ๆ
พรึบ!
'อ๊ะ~' หญิงสาวสะดุ้งน้อย ๆ ด้วยความตื่นตกใจเมื่อถูกท่อนแขนแกร่งโอบรัดเอวบางแล้วดึงเธอเข้ามาจนแนบชิด
“ตกใจอะไรเราเป็นผัวเมียกันแล้วเรื่องแค่นี้มันเป็นเรื่องปกตินะแล้วไอ้มือสั่น ๆ นี่ด้วย เป็นคนเสนอตัวอยากช่วยเองแล้วจะสั่นทำไม” ธาราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบในขณะที่สายตาหลุบมองใบหน้าสวยที่อยู่ระดับเดียวกับแผงอกของเขาพอดิบพอดี
'...' หญิงสาวได้แต่ยืนตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนแกร่งแต่กระนั้นก็บังคับมือไม้ไม่ให้สั่นจนกระทั่งปลดกระดุมถึงเม็ดสุดท้ายทำให้เห็นมัดกล้ามกำยำเปลือยเปล่าทางด้านในเล็กน้อย
“ปลดกระดุมเสร็จแล้วก็ช่วยถอดด้วยสิ ทำหน้าที่ให้มันดี ๆ หน่อย” ธาราดันตัวร่างเล็กให้ออกห่างเล็กน้อยเพื่อให้เธอได้ถอดเสื้อให้เขาได้สะดวก ซึ่งเดือนตะวันเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย
มือเรียวจับสาบเสื้อเชิ้ตสีขาวให้แยกออกจากกันโดยที่ร่างสูงเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีทำให้เห็นมัดกล้ามกำยำบ่งบอกถึงการดูแลตัวเองเป็นอย่างดีของเจ้าของร่างและนี่เป็นครั้งที่สองที่เธอได้เห็น ใบหน้าสวยหวานก็พลันแดงก่ำขึ้นมาอย่างเขินอายจนกระทั่งเสื้อเชิ้ตสีขาวหลุดออกจากร่างกายกำยำ
'เสร็จแล้วค่ะ'
“ถ้าเธออยากทำหน้าที่เมียที่ดีนักต่อไปพี่ก็จะให้เธอทำทุกอย่างที่เมียพึงจะต้องทำ แต่อย่างเดียวที่เธอไม่ต้องทำคือหน้าที่บนเตียงเพราะพี่จะไม่มีวันนอนกับเธอ”
'อึก!' หญิงสาวยืนสะอึกในขณะที่เจ้าของคำพูดเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อยแล้วหลังจากทิ้งคำพูดส่งท้ายอย่างเจ็บแสบไว้ให้เธอเป็นการย้ำชัดว่าหน้าที่นั้นเขาจะมอบให้คนที่คู่ควรกับเขาที่ไม่ใช่ผู้หญิงที่พูดไม่ได้อย่างเธอ
ซ่า~
ธารายืนนิ่งในสภาพเปลือยเปล่าภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำที่กำลังไหลรดลำตัว เพราะต่อไปนี้ชีวิตเขาคงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
พ่อเลี้ยงหนุ่มใช้เวลาไม่นานนักก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่มีชุดคลุมอาบน้ำสีขาวห่อหุ้มลำตัว สายตาคมมองร่างเล็กของภรรยาที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงเพียงนิดก่อนจะจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปนอนบนเตียงพร้อมนอนตะแคงข้างหันหลังให้กับภรรยาหมาด ๆ ไร้ซึ่งการนอนกอดหรือแตะต้องอย่างที่ควรจะเป็น
ทันทีที่แสงสว่างจากโคมไฟดับลงเหลือเพียงแค่แสงไฟสีนวลบนหัวเตียงเท่านั้นที่เปิดอยู่ เดือนตะวันก็ค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวนอนตะแคงมองแผ่นหลังของสามีหนุ่มที่นอนนิ่งอยู่ข้าง ๆ ท่อนแขนเรียวยกขึ้นหมายจะเข้าไปกอดเอวสอบของเขา แต่ก็ต้องชะงักค้างกลางอากาศเพราะไม่กล้าพอที่จะทำแบบนั้น
'แค่นี้พี่ธารเขาก็รำคาญจะแย่แล้วตะวัน' เธอได้แต่บอกตัวเองในใจถึงแม้เขาจะยังทำตัวเหมือนเดิมกับเธอ แต่เธอก็รับรู้ได้ว่ามันเป็นการกระทำที่ไม่เต็มใจเลยสักนิด
เดือนตะวันนอนมองแผ่นหลังแกร่งของสามีอยู่อย่างนั้นด้วยนัยน์ตาเศร้าโศกก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุดเมื่อได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอของสามีบ่งบอกว่าเขาเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว
วันต่อมา...
แสงแดดที่สาดส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามากระทบใบหน้าเกลี้ยงเกลาปลุกให้หญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมาทักทายเช้าวันใหม่ด้วยความงัวเงีย คิ้วสวยขมวดชนกันยุ่งเมื่อตื่นขึ้นมากลับไม่เห็นสามีหนุ่มนอนอยู่ข้าง ๆ ทำให้เดือนตะวันหยัดกายลุกขึ้นโดยไม่ลืมที่จะหันมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่บ่งบอกว่าตอนนี้เวลาหกโมงเช้าก่อนจะเหวี่ยงขาลงจากเตียงแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำเพราะคิดว่าธาราอาจจะกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ในนั้น
ก๊อก~ ก๊อก~
มือเรียวยกขึ้นเคาะบานประตูเมื่อไม่ได้ยินเสียงน้ำดังออกมาเธอยืนรออยู่เพียงครู่เมื่อไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจึงถือวิสาสะผลักประตูออกปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อกแล้วก็ไร้เงาของคนที่กำลังตามหา
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเดือนตะวันเดินออกจากห้องพักที่ใช้เป็นห้องหอเพียงลำพังพร้อมกับชุดเดรสสีชมพูอ่อนชุดใหม่ที่พนักงานนำมาให้เมื่อเช้า ใบหน้าสวยหวานไร้รอยยิ้มแห่งความสุขอย่างที่หญิงสาวที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานจะมี
“อ้าวหนูตะวันออกมาพอดีเลย...” เสียงของน้ำทิพย์ที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้เดือนตะวันที่ปิดประตูห้องพอดีหันกลับไปมองจากใบหน้าฉายแววความโศกเศร้าฉีกยิ้มออกมาเพราะไม่ต้องการให้ใครเป็นกังวล
'อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณแม่' หญิงสาวใช้ภาษามือเอ่ยทักทายกับหญิงวัยกลางคนที่ยังคงความสะสวยราวกับหญิงสาววัยสามสิบต้น ๆ ที่เดินเข้ามา
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ แล้วนี่พี่ธารยังไม่ออกมาอีกเหรอ?” น้ำทิพย์เอ่ยถามถึงลูกชายที่วันนี้ยังไม่เห็นหน้าหรืออาจจะทำหน้าที่สามีจนตื่นสาย
“หรือว่ายังไม่ตื่นนอนอีก”
'เอ่อ...มะ ไม่ใช่ค่ะ' หญิงสาวใช้ภาษามือในการบอกกล่าวกับอีกคนซึ่งน้ำทิพย์เองก็เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะตั้งแต่เดือนตะวันเข้ามาอยู่กับพงศกรทำให้ได้เรียนรู้วิธีสื่อสารของเธอตั้งแต่นั้นมาจนพอเข้าใจได้บ้าง
“นี่อย่าบอกแม่นะว่าเมื่อคืนตาธารออกจากห้องหอน่ะ”
'ไม่ใช่ค่ะ เพียงแต่ว่าตะวันตื่นมาก็ไม่เห็นพี่ธารแล้วค่ะ ตะวันก็ไม่รู้ว่าพี่ธารไปไหน' เดือนตะวันก้มหน้าหลบสายตาของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าเพราะกลัวจะถูกตำหนิที่ทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่ดีพอ ขนาดนอนอยู่ด้วยกันทั้งคืนแต่พอสามีลุกหายไปตอนไหนเธอยังไม่รู้เลย
“เอาล่ะ มันไม่ใช่ความผิดของหนูแม่เข้าใจว่าหนูคงเหนื่อยมากเดี๋ยวเรื่องนี้แม่จัดการเอง” น้ำทิพย์กุมมือของลูกสะใภ้เอาไว้เพราะเรื่องนี้เดือนตะวันไม่ใช่คนผิด แต่หากจะหาคนผิดจริง ๆ คงต้องเป็นลูกชายของเธอเสียมากกว่า
“ไปทานข้าวเช้ากับแม่ดีกว่าแม่ให้คนจัดเตรียมไว้ที่ห้องอาหารแล้ว”
'ค่ะ'
@ไร่ธารธารา
ครืด~ ครืด~
ร่างสูงที่นั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานในออฟฟิศของไร่ละสายตาจากเอกสารในมือมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่วางสั่นอยู่บนโต๊ะเมื่อเห็นชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ครับแม่”
(ตาธารนี่ลูกกลับไร่ไปก่อนแบบนี้ได้ยังไง ไหนจะครอบครัวของหนูตะวันที่ยังอยู่ แล้วจะตัวหนูตะวันอีก รู้ไหมว่าสิ่งที่ลูกทำมันเสียมารยาทนะ) ธาราถอนหายใจออกมาเพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าที่น้ำทิพย์โทรมาคงไม่พ้นเรื่องนี้
“ที่ไร่มีงานด่วนครับผมเลยต้องรีบกลับมาเคลียร์”
(งานมันจะด่วนอะไรนักหนานี่ลูกเพิ่งจะแต่งงานนะแล้วทำไมไม่พาหนูตะวันกลับไปด้วย ทำแบบนี้เหมือนไม่เห็นหัวผู้หลักผู้ใหญ่เลยนะธาร)
“ผมขอโทษครับ ผมเห็นว่ามันยังเช้าอยู่เลยไม่อยากปลุกน้อง แต่ผมก็บอกรถทางโรงแรมไว้แล้วนะครับว่าให้มาส่งตะวันที่ไร่” เขาได้สั่งเลขาเอาไว้แล้วว่าถ้าหากเดือนตะวันอยากจะมาที่ไร่ก็ให้รถที่โรงแรมพามาส่ง
(นี่แปลว่าลูกจะไม่มารับน้องเหรอ นี่แม่ยอมลูกมากแล้วนะธารเรื่องทะเบียนสมรสไม่อยากจดแม่ก็ให้เวลาตามที่ลูกขอแล้วเรื่องที่แม่ขอทำให้แม่บ้างไม่ได้เลยหรือไง)
“แม่ครับ...”
(เอาเถอะ ถ้างานมันสำคัญนักก็ทำไปส่วนเรื่องน้องเดี๋ยวแม่จะเป็นคนจัดการเอง) พูดจบน้ำทิพย์ก็กดวางสายทันทีทำให้ธาราได้แต่นั่งถอนหายใจอยู่อย่างนั้นเพราะหลังจากนี้ชีวิตของเขาคงจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
“ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจโทรหาพ่อได้ตลอดนะลูก อย่าเก็บไปคิดมากคนเดียวนะ” พงศกรลูบศีรษะทุยของลูกสาวอย่างอ่อนโยนเพราะวันนี้เขาต้องรีบกลับกรุงเทพฯ เพราะมีงานด่วนที่บริษัททำให้ไม่สามารถไปส่งลูกสาวคนเล็กที่ไร่ธารธาราได้
“ไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวฉันจะเป็นคนไปส่งหนูตะวันที่ไร่เองแล้วฉันก็ต้องขอโทษแทนตาธารด้วยที่ทำแบบนี้” น้ำทิพย์ที่เดินเข้ามาทันได้ยินบทสนทนาของเพื่อนสนิทกับลูกสาวหลังจากวางสายจากลูกชายเอ่ยขึ้น
“จะว่าไม่โกรธก็คงไม่ได้หรอกนะ แต่อย่าให้บ่อยนักแล้วกัน ยังไงตอนนี้ตะวันก็เป็นภรรยาของตาธารแล้วอย่าทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ยกลูกสาวให้ตาธารดูแล” หัวอกคนเป็นพ่อจะให้บอกว่าไม่รู้สึกโกรธเคืองก็คงไม่ได้ที่มีคนมาละเลยลูกสาวตัวเองแบบนี้ยิ่งคนคนนั้นเป็นสามีที่เพิ่งจะเข้าพิธีแต่งงานกันมาเมื่อวาน
'พ่อคะ...' เดือนตะวันกุมมือผู้เป็นพ่อเอาไว้หลวม ๆ เพราะไม่อยากให้ทางผู้ใหญ่มีปัญหากันเพราะเรื่องของเธอถึงแม้จะมั่นใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวจะไม่แตกหักกันง่าย ๆ ก็ตาม
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้ว่าลูกชายของฉันมีความรับผิดชอบและสามารถดูแลหนูตะวันได้ นายไม่ต้องเป็นห่วงไปถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นฉันจะรับผิดชอบ” เป็นอรรณพที่เอ่ยขึ้นเขาเองก็ไม่ได้พอใจกับการกระทำของลูกชายที่ไม่ต่างจากการหักหน้าผู้ใหญ่แบบนี้ แต่เขาก็มั่นใจว่าธารามีความรับผิดชอบมากพอและสามารถดูแลเดือนตะวันได้
“ฉันก็หวังให้มันเป็นแบบนั้น นายเองก็รู้ว่าฉันมีลูกสาวแค่สองคนที่เปรียบเสมือนดวงใจของฉันถ้าหากมีใครมาทำให้ลูกสาวคนใดคนหนึ่งของฉันต้องร้องไห้ฉันคงไม่ปล่อยไว้” และยิ่งเดือนตะวันแตกต่างจากฟ้าฝนที่เป็นลูกสาวคนโตเขาจึงเป็นห่วงมากกว่าอีกอย่างตั้งแต่โตมาเดือนตะวันยังไม่เคยออกไปอยู่ที่อื่นนอกจากบ้าน แล้วยิ่งแต่งงานออกไปอยู่ที่อื่นแบบนี้หัวอกคนเป็นพ่อใช่ว่าจะวางใจได้ง่าย ๆ
'คุณพ่อไม่ต้องห่วงตะวันนะคะ ตะวันดูแลตัวเองได้ค่ะ คุณพ่ออย่าลืมดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยนะคะ' หญิงสาวใช้ภาษามือในการสื่อสารกับผู้เป็นพ่อซึ่งพงศกรเองก็เข้าใจได้เป็นอย่างดีและยิ้มอ่อนโยนให้แก่ลูกสาว
“หนูก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะ นอกจากหน้าที่ภรรยาแล้วหนูก็ต้องดูแลตัวเองด้วยมีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็โทรหาพ่อได้ตลอด พ่อขอโทษที่ไม่ได้ไปส่งหนูนะ” มือหนาลูบศีรษะลูกสาวอย่างอ่อนโยนจนเธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ส่งมา
'ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อกับคุณน้าเดินทางปลอดภัยนะคะ' เธอไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้พิมพ์จันทร์ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กัน
“จ้ะ หนูดูแลตัวเองด้วยนะ”
'เดินทางปลอดภัยนะคะ' เดินตะวันยืนส่งผู้เป็นพ่อและแม่เลี้ยงพร้อมทั้งพี่สาวอย่างฟ้าฝนขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่เพื่อจะพาไปส่งที่สนามบินจนกระทั่งรถตู้คันหรูสีขาวเคลื่อนตัวห่างออกไปเรื่อย ๆ
“ไปจ้ะหนูตะวันเดี๋ยวแม่จะไปส่งที่ไร่”