01
ภรรยาที่ไม่เต็มใจ
@โรงแรมเชียงดาว
ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมหรูอันดับต้น ๆ ของเชียงใหม่ถูกจัดเป็นงานมงคลสมรสของลูกชายคนโตของเจ้าของโรงแรม และยังเป็นว่าที่ผู้บริหารคนใหม่ที่จะเข้ามารับตำแหน่งต่อจากผู้เป็นพ่อ
ธารา กิตติอนันต์ ซึ่งเป็นเจ้าบ่าวของงานยืนนิ่งในชุดสูททักซิโด้แบบปกแหลมสีดำ ใบหน้าคมคายหล่อเหลาเรียบนิ่งไร้ซึ่งรอยยิ้มทว่าก็ไม่ได้ดูดุดันจนเกินไป ส่วนข้างกายเขามีเจ้าสาวแสนสวยสวมใส่ชุดแต่งงานเกาะอกสีขาวบริสุทธิ์ ผมสีน้ำตาลถูกดัดเป็นลอนงามยาวถึงกลางหลัง ศีรษะถูกคลุมด้วยเวลสีขาวบาง ๆ อย่าง เดือนตะวัน บุรีรัตน์ ที่ยืนยิ้มรับเหล่าแขกเหรื่อที่เดินเข้ามาร่วมแสดงความยินดีหลังจากเดินลงจากเวทีเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า ถึงแม้ใบหน้าสวยหวานรูปไข่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างสวยงามจะยิ้มแย้ม แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันที่เธอควรจะยินดีและมีความสุขมากที่สุด
“ยินดีกับทั้งคู่ด้วยนะ หล่อสวยสมกันมาก” แขกผู้ใหญ่ต่างทยอยกันเข้ามาแสดงความยินดีกับทั้งคู่ทำให้ธารายิ้มบาง ๆ พร้อมยกมือขึ้นไหว้เช่นเดียวกับทางเดือนตะวันที่ได้แต่ยิ้มรับตลอดทั้งงาน
“ยินดีด้วยนะเว้ย ยินดีด้วยนะครับตะวัน” เสียงของภามิน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขาที่เดินเข้ามาพร้อมกับว่าที่ภรรยาคนสวยเอ่ยขึ้นทำให้ธาราถอนหายใจออกมา ซึ่งการกระทำของเจ้าบ่าวทำให้เดือนตะวันรับรู้ได้ว่าเขาคงจะเบื่อหน่ายเต็มทน แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มรับบาง ๆ
“ยินดีด้วยนะคะพี่ธาร คุณตะวัน” มิลลิกานางแบบสาวสวยชื่อดังที่ควงแขนมากับว่าที่เจ้าบ่าวก็เอ่ยแสดงความยินดีกับทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มอดจะชื่นชมกับความเหมาะสมของทั้งคู่ไม่ได้
เดือนตะวันยิ้มรับพร้อมโค้งศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการขอบคุณ เธอไม่เคยเห็นตัวจริงของมิลลิกามาก่อน แต่ก็เห็นอยู่ตามโทรทัศน์หรือตามนิตยสารอยู่บ่อยครั้ง เพราะมิลลิกาเป็นนางแบบชื่อดังอีกอย่างมิลลิกายังเป็นว่าที่เจ้าสาวของภามินเพื่อนสนิทของธาราอีกด้วย
“ขอบคุณครับ” ร่างสูงยิ้มรับกับคำแสดงความยินดีของแฟนสาวของเพื่อนรัก
“คุณตะวันสวยมากเลยนะคะเห็นในการ์ดเชิญว่าสวยแล้วตัวจริงยิ่งสวยเลยค่ะ ใช่ไหมคะเฮีย?” มิลลิกาเอ่ยชมออกมาจากใจจริงเพราะเธอไม่เคยเห็นเดือนตะวันมาก่อนจะเห็นครั้งแรกก็จากการ์ดแต่งงานที่ได้รับ
“อืม แต่ถึงยังไงในสายตาเฮียมิลก็สวยที่สุดอยู่แล้ว”
“บ้า...อายพี่ธารกับคุณตะวันบ้างสิคะ” ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแดงก่ำด้วยความเขินอายทำให้ภามินหัวเราะในลำคอเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูคนรัก ซึ่งการกระทำของทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว แต่ทว่าทั้งคู่กลับรู้สึกแตกต่างกันออกไป
หากเจ้าสาวของเขาในวันนี้เป็นผู้หญิงที่เขารักคงจะทำให้เขามีความสุขมากกว่านี้ ส่วนทางด้านเดือนตะวันก็มองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่ข้างในกลับรู้สึกอิจฉาเพราะถ้าหากคนที่เธอรักเขารักเธอตอบแบบนี้มันคงจะมีความสุขไม่น้อย
“มิลเริ่มหิวแล้วค่ะ เฮียคุยกับพี่ธารไปก่อนนะคะเดี๋ยวมิลจะไปหาอะไรทานสักหน่อย”
“เดี๋ยวเฮียไปด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ นาน ๆ จะได้เจอกันทีอยู่คุยกันไปก่อนนะคะเดี๋ยวมิลไปกับคุณตะวันก็ได้ค่ะ ไปด้วยกันไหมคะคุณตะวัน” ประโยคหลังนางแบบสาวเอ่ยถามกับเจ้าสาวคนสวยที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าทำให้เดือนตะวันมองหน้าเจ้าบ่าวของตัวเอง แต่ทว่าเขากลับยืนนิ่งไม่ได้สนใจเธอเลยพยักหน้าเป็นคำตอบให้แก่มิลลิกา
“ถ้างั้นมิลยืมตัวเจ้าสาวก่อนนะคะพี่ธารเดี๋ยวพามาคืนค่ะ”
“ครับ” ธาราตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนที่เดือนตะวันกับมิลลิกาจะเดินห่างออกไปยังโซนอาหารและเครื่องดื่ม
“วันแต่งงานทั้งทีทำหน้าให้มันมีความสุขหน่อยสิวะ” ภามินเอ่ยออกมาพร้อมยื่นมือไปหยิบแก้วไวน์ที่พนักงานเดินเสิร์ฟมาสองแก้วก่อนจะยื่นให้กับเพื่อนรักตรงหน้า
“ถ้าเจ้าสาวเป็นคนอื่นกูคงยิ้มออกกว่านี้” ธาราเอ่ยตอบออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ถ้าหากเจ้าสาวของเขาเป็นคนอื่นคงจะทำให้เขายิ้มรับแขกได้บ้างแต่นี่ไม่ใช่
“มึงพูดแบบนี้ถ้าตะวันมาได้ยิน เขาจะเสียใจเอานะเว้ย อีกอย่างยังไงต่อไปมึงกับตะวันก็ต้องใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันมึงก็เปิดใจหน่อยเถอะ”
“แต่คนที่กูอยากแต่งไม่ใช่ตะวันแต่เป็น...” ธาราเงียบไปเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนคุยกับกลุ่มเพื่อนอยู่อีกด้านของงาน ซึ่งเธอเองก็มองมาก่อนจะยกยิ้มส่งให้แล้วหันไปคุยกับเพื่อนต่อ
“แต่เป็นพี่สาวของเขาใช่ไหมที่มึงหมายถึง” ภามินเอ่ยขึ้นเมื่อมองตามสายตาของเพื่อนรักไปก่อนจะเห็นฟ้าฝนซึ่งเป็นพี่สาวคนละแม่ของเดือนตะวันและเป็นผู้หญิงที่ธารานั้นมีใจให้ยืนคุยกับกลุ่มเพื่อนอยู่
“...”
“ไอ้ธารกูรู้ว่าความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้แต่ก็อยากให้มึงรีบตัดใจเพราะยังไงมึงกับฟ้าฝนก็ไม่มีทางลงเอยกันได้” เขารู้ว่าความรู้สึกของคนเรามันห้ามหรือบังคับให้รักหรือไม่รักใครไม่ได้ แต่เขาอยากจะเตือนธาราเอาไว้เพื่อให้รีบตัดใจเสียตั้งแต่ตอนนี้เพราะยังไงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เป็นอื่นไม่ได้นอกจากน้องเขยกับพี่เมีย
“แต่กูไม่ได้อยากแต่งกับตะวัน กูไม่ได้รักเธอสักนิด” ร่างสูงของเจ้าบ่าวเอ่ยออกมาเสียงเรียบก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นกระดกจนหมดแก้วแล้วกวักมือเรียกพนักงานเข้ามาก่อนจะเปลี่ยนแก้วใหม่โดยมีสายตาของภามินได้แต่มองอยู่เงียบ ๆ
ทางด้านเจ้าสาวอย่างเดือนตะวันก็ได้แต่ยืนนิ่งมองมิลลิกาที่กำลังตักผลไม้ขึ้นมาสองจานเล็กก่อนจะยื่นให้กับเธอ
“ฉันตักให้ค่ะ”
'ขอบคุณค่ะ' เดือนตะวันโค้งศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการขอบคุณ เพราะมิลลิกาเองก็คงรู้แล้วว่าเธอนั้นพูดไม่ได้ก่อนจะรับจานผลไม้ตรงหน้ามาถือไว้
“เจ้าสาวของพ่อเลี้ยงธาราก็สวยดีนะหน้าหวานสมกับเป็นลูกคุณหนู”
เสียงพูดคุยของแขกที่มาร่วมงานที่ยืนจับกลุ่มคุยกันดังขึ้นโดยไม่ได้สังเกตว่าหญิงสาวที่พูดถึงนั้นยืนอยู่ไม่ไกล
“ก็สวยดีแต่ว่าเป็นใบ้มันก็ยังไงอยู่นะ เห็นหน้าของพ่อเลี้ยงธารารึเปล่าล่ะดูเหมือนไม่มีความสุขไม่เหมือนคนที่แต่งงานเลยนะ”
“ก็มีเมียใบ้ใครมันจะไปยิ้มมีความสุขได้กันล่ะ แต่งงานอยู่กันไปก็เหมือนพูดคุยคนเดียวก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่คนเดียวหรอกนะ”
“ก็อย่างว่าแหละที่แต่งก็เพราะทางผู้ใหญ่รู้จักกัน”
“เห็นว่าเจ้าสาวนี่เป็นลูกเมียน้อยของคุณพงศกรใช่รึเปล่า?”
“เห็นว่าใช่นะมีวงในเขาพูด ๆ กันมาอีกที”
เสียงพูดคุยของแขกกลุ่มนั้นดังพอที่จะทำให้เดือนตะวันและมิลลิกานั้นได้ยินหากแต่เป็นมิลลิกาเองที่แทบทนไม่ไหวนี่ถ้าเป็นงานของเธอแขกปากดีพวกนั้นได้ถูกเธอถอนหงอกกลางงานไปแล้ว
“คุณตะวันอย่าไปคิดมากเลยนะคะคนมีปากก็สักแต่จะพูดกัน” เมื่อเห็นหน้าว่าที่เจ้าสาวนิ่งไปก็อดจะสงสารไม่ได้ นี่เดือนตะวันต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้มากี่ครั้งกันนะ ถ้าเป็นเธอจะทนได้เหมือนหญิงสาวตรงหน้านี้ไหม
'ไม่เป็นไรค่ะ' หญิงสาวยิ้มออกมาพลางส่ายหน้าเป็นการบอกว่าไม่เป็นไรเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้ยินคำพูดแบบนี้ลับหลังเธอมาตลอดและเธอไม่อาจจะแย้งได้เพราะมันคือความจริงอย่างที่เขาพูดมา
เธอเป็นลูกสาวของพงศกร นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและหน้าตาทางสังคม แต่เธอก็เป็นลูกที่เกิดจากเมียนอกสมรสหรือที่ใคร ๆ ก็ต่างเรียกว่าเมียน้อย จึงไม่แปลกที่หลายคนจะต่างพูดจาดูถูกกันลับหลังเธออยู่ตลอดในเวลาที่ไปออกงานกับครอบครัว
มิลลิกาหาเรื่องอื่นพูดคุยกับเดือนตะวัน เมื่อเห็นในตาหวานที่แฝงไปด้วยความโศกเศร้าอย่างน่าสงสาร จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงฤกษ์ยามส่งตัวเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเข้าห้องหอ ซึ่งห้องที่ใช้เป็นเรือนหอในวันนี้ก็คือห้องพักในโรงแรมชั้นบนสุด ส่วนคนที่มาส่งตัวเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก็มีแต่ครอบครัวของทั้งคู่และเพื่อนสนิทแค่นั้น
เจ้าบ่าวและเจ้าสาวนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นพรมสีขาวในห้องพักของโรงแรมที่ถูกจัดเป็นห้องหอในค่ำคืนนี้ โดยมีผู้ใหญ่ทั้งสี่คนนั่งอยู่บนขอบเตียงก่อนจะอวยพรเพื่อส่งตัวทั้งคู่เข้าห้องหอตามขนบธรรมเนียมประเพณี
“แม่ขอให้ลูกทั้งสองมีแต่ความสุขกับชีวิตคู่หากมีปัญหาอะไรไม่เข้าใจกันก็เปิดใจคุยกันตรง ๆ อย่าหนีปัญหาหรือปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนแบกรับไว้เพียงลำพังนะ” น้ำทิพย์เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม เธอยินดีรับเดือนตะวันมาเป็นลูกสะใภ้โดยที่ไม่นึกรังเกียจหรืออคติที่หญิงสาวนั้นพูดไม่ได้หรือแม้แต่จะเป็นลูกเมียน้อยอย่างที่คนอื่นกล่าวหา เพราะมั่นใจว่าหญิงสาวนั้นเป็นคนดีที่เธอไว้ใจให้มาเป็นคู่ชีวิตของลูกชายคนโตอย่างธารา
“ต่อไปนี้หนูจะมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้วนะ ถ้าหนูมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจอย่าลืมว่ายังมีพ่อที่พร้อมจะอยู่ข้าง ๆ หนูเสมอ” น้ำเสียง รอยยิ้ม และสัมผัสอบอุ่นบนฝ่ามือที่ยื่นมาลูบศีรษะทุยเบา ๆ ทำให้เดือนตะวันเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อด้วยหยาดน้ำตาเอ่อคลอเบ้า ที่ผ่านมาพงศกรดูแลเธออย่างดีมาโดยตลอดไม่ได้ปฏิบัติกับเธอด้อยกว่าฟ้าฝนที่เป็นพี่สาวเลยสักนิด
'อึก...' หญิงสาวสะอื้นเบา ๆ ด้วยความตื้นตันที่อย่างน้อยก็ยังมีพ่อที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอมา
“พ่อฝากดูแลน้องด้วยนะธาร มีอะไรก็พูดคุยกันดี ๆ พ่อมั่นใจว่าลูกสาวพ่อจะทำหน้าที่ภรรยาได้ดีไม่น้อยกว่าคนอื่น” พงศกรเอ่ยบอกกับลูกเขยที่นั่งอยู่บนพื้นพรมข้าง ๆ ลูกสาว เขามั่นใจว่าเดือนตะวันจะทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดีไม่แพ้หญิงอื่น
“ครับ” ธารารับคำสั้น ๆ เพราะสุดท้ายเขาก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของเดือนตะวัน
“น้าขอให้ทั้งคู่มีความสุขกับชีวิตคู่นะลูก ถ้าตะวันมีอะไรไม่สบายใจก็กลับไปบ้านเราได้ทุกเมื่อเลยนะ” พิมพ์จันทร์ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงหรือแม่แท้ ๆ ของฟ้าฝนเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเพราะไม่ได้เกลียดชังหรือมีอคติกับลูกสาวของสามีอย่างในละคร
“ผมว่าปล่อยให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเขาพักผ่อนกันดีกว่าเราออกไปกันเถอะ” อรรณพเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น หลังจากทุกอย่างผ่านไปด้วยดีทำให้ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะหยัดกายลุกจากเตียงแล้วพากันเดินออกไปทำให้ทั้งธาราและเดือนตะวันค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้นพรมที่นั่งอยู่
“พี่ขอให้ตะวันมีความสุขมาก ๆ นะกับชีวิตคู่ ฝนฝากพี่ธารดูแลน้องสาวเพียงคนเดียวของฝนด้วยนะคะ” ฟ้าฝนที่ยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
'ขอบคุณค่ะพี่ฝน' เดือนตะวันใช้ภาษามือเป็นการเอ่ยขอบคุณพี่สาวซึ่งฟ้าฝนหรือแม้แต่คนในครอบครัวก็ต่างเข้าใจกันดีเพราะคุ้นเคยไปกับทักษะที่สามนี้แล้ว
“...ครับ” ธารารับคำอย่างสั้น ๆ พร้อมมองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของฟ้าฝนด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ซึ่งทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของเจ้าสาวทั้งหมด
“ถ้างั้นพี่ไปก่อนนะอย่าลืมมีหลานให้พี่อุ้มเร็ว ๆ ล่ะ” ฟ้าฝนบอกทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับประตูห้องที่ถูกปิดลงและล็อกให้อย่างดี
“เข้าไปอาบน้ำก่อนเถอะจะได้พักผ่อน” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาพร้อมกับถอดเสื้อสูทสีดำตัวนอกออกแล้ววางพาดไว้ที่พนักโซฟาปลายเตียงก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียงห้องพร้อมกับซองบุหรี่ในมือ โดยมีสายตาของเดือนตะวันมองตามไปอย่างหลากหลายความรู้สึก