เงียบ

1514 คำ
“เธอตื่นได้สักพักแล้วครับนายหัว” เซลรายงานผู้เป็นเจ้านายในทันทีที่เขาเดินเข้ามาแถวบริเวณบ้านไม้ที่ใช้เป็นห้องขังตัวหญิงสาว พร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำความเคารพเล็กน้อยด้วยการก้มหัวให้ ท่าทางของเขาค่อนข้างสุขุมตามแบบฉบับที่ถูกฝึกมา ทั้งที่ลึกๆ ภายในนั้นยังมีความเป็นเด็กซุกซนตามอายุที่เพิ่งจะสิบแปดปีซ่อนอยู่ “ไปหยิบโซ่เส้นเล็กกับกุญแจมา” ชลธรทีเพิ่งจะสร่างเมาพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกว่ารับรู้ในสิ่งที่ลูกน้องนั้นรายงานมา แล้วเขาก็หันไปไขกุญแจลูกใหญ่ที่ล็อกอยู่กับโซ่เส้นใหญ่ที่ใช้ล็อกประตูห้องขังของบ้านไม้หลังเล็กให้เปิดออก อยากจะเห็นสภาพของคนที่อยู่ด้านในสักหน่อยว่าเป็นยังไง หมดฤทธิ์ยานอนหลับที่กินเข้าไปหรือยัง “แก” นับทรายที่พอได้ยินเสียงคุยกันด้านนอกก็ขยับตัวไปยืนอยู่อีกฝั่งของประตูเพื่อรอให้อีกฝ่ายมาเปิดประตูเข้ามา เพื่อที่เธอจะได้วิ่งพุ่งชนใครคนนั้นให้กระเด็นเพื่อเปิดทางพาตัวเองออกไปจากที่นี่ แต่ทว่าพอประตูเปิดออกเธอกลับต้องเอามือชี้หน้าของอีกคนแทนการวิ่งเข้าไปพุ่งชนอย่างที่ใจคิดเอาไว้ เธอจำได้ดีว่าผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามาที่แต่งกายด้วยการใส่เสื้อเชิ้ตสีดำแขนยาวแต่ไม่ติดกระดุมสักเม็ดเปิดโชว์ลอนของกล้ามท้องให้ได้เห็นเด่นชัดเต็มสองตากับกางเกงยีนสีซีดนั้นเป็นใคร เขาคือคนที่มาพบกับพ่อของเธอก่อนที่เธอจะถูกลักพาตัวมาที่นี่ ไม่รู้จักว่าเขานั้นชื่อเสียงเรียงนามอะไร แต่ว่าจดจำใบหน้าของเขาที่มันหล่อคมโดนเด่นภายใต้ผิวสีน้ำผึ้งที่ผสมผสานมากับหนวดเคราที่ถูกตัดตกแต่งทรงเป็นอย่างดีนั้น เขาอาจดูเหมือนโจรสลัดแต่ทว่าบนใบหน้ากลับมีอะไรโดดเด่นจนเธอจดจำได้ดีแม้เห็นเพียงเสี้ยววินาที เธอไม่น่าพลาดปล่อยผ่านแขกของพ่อคนนี้ไปเลย เธอน่าจะซักถามคนในบ้านถึงที่มาที่ไปของเขา ระวังตัวให้มากกว่านี้ เรื่องที่เธอถูกลักพาตัวจะได้ไม่เกิดขึ้น “เอามือลง อย่ามาชี้หน้าฉัน” น้ำเสียงดุดันของชายหนุ่มที่ไม่ใช่หนุ่มน้อยแล้วแต่เป็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเอ่ยดังออกไปเมื่อไม่ชอบให้ใครมาชี้หน้า ดวงตาคมที่เต็มไปด้วยความดุดันจ้องมองเธอที่กล้าดีมาชี้หน้าเขาอย่างไม่ละไปไหน ใจหนึ่งก็นึกอยากจะจัดการกับเธอ แต่อีกใจก็ต้องอดกลั้นเอาไว้เพราะเธอคือลูกของภากรผู้เป็นเพื่อนที่เขานั้นเคารพเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง “อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ” เขาตะคอกมาเธอก็ตะคอกกลับอย่างไม่มีกลัว คนโหดและป่าเถื่อนเธอเจอมาเยอะแล้ว เธอไม่กลัวเขาง่ายๆ หรอก “หมดฤทธิ์ยานอนหลับแล้วซินะ” ชลธรเองก็ไม่ได้สะทกสะท้านเสียงแหลมๆ ที่เธอสู้กลับมาสักเท่าไหร่ แทบจะไม่สนเลยด้วยซ้ำไปกับเสียงที่เธอปล่อยออกมา เขาหันไปรับโซ่มาจากลูกน้องแล้วเดินเข้าไปหาเธอในทันที เพื่อจัดการทุกอย่างให้มันจบๆ ไป “จะเรียกเงินเท่าไหร่ก็ว่า ฉันจะได้ให้คนเอามาให้ แล้วก็ปล่อยตัวฉันไปได้แล้วก่อนที่นายจะซวย” เธอจ้องมองเขาตาแทบไม่กะพริบด้วยกำลังรู้ดีว่าตัวเองนั้นกำลังจะมีอันตรายจากโซ่เส้นเล็กๆ ในมือของเขา สองขาก็ขยับถอยหลังไปทีละนิดเพื่อที่จะหนี ปากก็ขยับเจรจาต่อรองไปเรื่อย ๆ เพื่อที่ว่าอาจจะมีทางไหนสักทางที่ทำให้ตัวเธอเองนั้นรอดไปได้ “อ๋อเหรอ” เขาก้าวเท้าอย่างรวดเร็วแล้วเข้าประชิดตัวเธอด้วยความว่องไวไม่ให้เธอตั้งตัวได้ทัน มือหนารีบคว้าเอามือบางข้างขวาที่น่าจะเป็นข้างที่ถนัดของเธอมา แล้วมัดด้วยโซ่เส้นเล็กแล้วล็อกไว้ด้วยกุญแจดอกเล็ก โดยที่ปลายอีกด้านนั้นเซลลูกน้องของเขาได้ล็อกมันติดกับขาเตียงนอนเรียบร้อยแล้ว จัดการไม่ให้เธอหนีไปจากที่นี่ได้ในช่วงที่กำลังปรับตัวเข้ากับที่นี่ เพราะถ้าปล่อยเธอเอาไว้แบบคนปกติ คนอย่างเธอต้องวิ่งลงน้ำหนีไปแน่ๆ และเขาก็เป็นคนขี้เกียจ ไม่ได้จะขยันไปวิ่งตามจับเด็กคนนี้วันละร้อยรอบหรอกนะ มัดเอาไว้แบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว “นี่ปล่อยฉันนะ ปล่อย” มืออีกข้างที่ไม่ได้ถูกมัดพยายามแกะโซ่เส้นๆ เล็กๆ นั้นออกจากข้อมือ พร้อมกันนั้นก็มองไปยังเขาตาแทบไม่กะพริบ ความไม่พอใจกำลังสุมอยู่เต็มอก ด้วยตั้งแต่จำความได้ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเธอแบบนี้มาก่อน เธอเป็นถึงลูกสาวมาเฟีย เขาเป็นแค่โจรบ้าห้าร้อย กล้าดียังไงมาทำกับเธอแบบนี้ “คิดว่าจะอยู่ที่นี่ได้เมื่อไหร่แล้วฉันจะปล่อย” เขาหันไปมองรอบๆ บ้านไม้หลังเล็กที่มีเพียงห้องเดียวโล่งๆ ด้านล่างเป็นพื้นทรายมีเฟอร์นิเจอร์เป็นเตียงนอนเพียงตัวเดียวและก็เสื่อหนึ่งผืนอย่างสำรวจ เพื่อที่จะดูว่าเธอแอบเจาะบ้านไม้ของเขาไปบ้างแล้วหรือเปล่า พอเห็นว่าทุกอย่างดูจะเรียบร้อยดี เขาก็เตรียมที่จะกลับออกไป ด้วยมีงานต้องทำอีกหลายอย่าง “กรี๊ด กรี๊ด” พอเห็นว่าเขากำลังจะออกไป เธอก็เปล่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดัง เพราะนี่เป็นเพียงอาวุธเพียงอย่างเดียวที่เธอมี และมันก็อาจทำให้เขารำคาญจนปล่อยเธอไปได้ “เงียบ ปวดหูโว้ย” เสียงแหลมเล็กจากปากของหญิงสาวทำเอาหูของคนฟังอย่างใกล้ชิดอย่างชลธรถึงกับหูดับไปชั่วขณะ รีบยกมือขึ้นมาปิดหูพัลวัน เขาถึงกับต้องตะคอกกลับเพื่อให้เธอนั้นเงียบเสียงกรีดร้องนั้นลง “กรี๊ดดดด” นับทรายเห็นว่าเขาดูจะสะทกสะท้านกับเสียงกรีดร้องของเธอถึงขั้นกับยกมือขึ้นมาปิดหู เธอก็เลยกรีดร้องออกไปอีกด้วยพลังทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวของเธอ “เออ เชิญแหกปากให้คอแตกไปเลย” ชลธรรีบเดินออกไปในทันที โดยที่ไม่ลืมหันกลับมาล็อกประตูด้วยตัวเองอย่างแน่นหนา กักขังเธอเอาไว้ในบ้านไม้หลังเล็กๆ นั้นต่อไป เพราะคงอีกนานกว่าจะปล่อยเธอออกมาดำเนินชีวิตเหมือนคนอื่นๆ บนเกาะนี้ “อย่าเปิดประตูถ้ากูไม่ได้สั่ง” ชลธรรีบเอานิ้วเข้าไปแคะหูของตัวเองในทันทีที่ออกห่างจากประตูห้องที่กักขังหญิงสาวเอาไว้ เขาพยายามจะแคะหูเพื่อให้หูของเขานั้นหายอื้อจากการที่ถูกเสียงของเธอเข้ามาทำร้าย พร้อมกันนั้นก็ยังคงรอบคอบอยู่เสมอ แม้จะล่ามเธอเอาไว้แต่ก็ยังกำชับเวรยามให้ดูแลอย่างดี ถ้าเธอหนีไปได้ในตอนนี้ เธอไปไม่ได้ถึงไหนก็คงถูกพวกที่กำลังตามล่าเพื่อฆ่าล้างครอบครัวยิงตายแน่นอน ถึงเขาจะไม่ใจดีไม่ว่ากับใครหน้าไหนทั้งนั้น แต่ก็คงแอบมีความเมตตากับเธอบ้างอยู่นิดๆ เพราะเธอเป็นถึงลูกสาวของเพื่อนรัก ก็เลยจำต้องขังเธอเอาไว้ที่นี่ก่อนเพื่อให้เธอมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ให้ได้นานที่สุด “ครับนายหัว” นายหัวสั่งอะไรมาไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน เซลเด็กหนุ่มที่กำลังพิสูจน์ตัวเองว่าเขาพร้อมจะเป็นแนวหน้าแล้วนั้นก็ขานรับที่จะทำอย่างเต็มที่ ชลธรพอเห็นว่าเด็กหนุ่มทำงานด้วยความตั้งใจ เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาแล้วก็รีบเดินจากไป คงต้องไปพบหมอสักหน่อยเพื่อให้ดูอาการที่หูของเขากำลังเผชิญอยู่ เพื่อที่จะได้รักษาอย่างทันท่วงที เพราะดูท่าแล้วอาการค่อนข้างสาหัสอยู่เหมือนกัน “กรี๊ดดด” นับทรายพอได้ยินว่ายังมีคนอยู่ด้านนอกเธอก็กรีดร้องอย่างดังออกมาอีกเพื่อสร้างความรำคาญให้กับคนพวกนั้น เธออาจจะเหนื่อยและเจ็บคอ แต่ว่ามันอาจจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าก็เป็นได้ คนพวกนั้นอาจรำคาญ แล้วก็อาจจะปล่อยตัวเธอไปก็เป็นได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม