“ป้าอรุณเหรอคะ”
หญิงสาวในชุดนอนน้อยชิ้นที่นอนอยู่บนพื้นไม้แข็งๆ ที่มีเพียงผ้าห่มปูรองความแข็งนั้นเอาไว้ กำลังบิดตัวไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยล้าที่หลับมาหลายชั่วโมง
ปากก็เอ่ยพูดด้วยความเคยชินเพราะในทุกๆ เช้าที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เธอก็มักจะมีแม่บ้านมาคอยดูแลอย่างใกล้ชิดถึงเตียงนอน
โดยที่สายตายังคงหลับสนิทไม่ยอมเปิดลืมขึ้นมา เพราะยังรู้สึกหนักเปลือกตาอยู่มากจนขยับมันให้เปิดออกมาไม่ไหว
ช่างเป็นเช้าที่ค่อนข้างแปลกๆ ด้วยเธอนั้นหลับไปตั้งแต่หัวค่ำแต่ทำไมสายจนแดดร้อนเกินกว่าเครื่องปรับอากาศจะทำงานไหว เธอถึงยังลืมตาตื่นขึ้นมาไม่ไหว
แต่ก็ช่างมันเถอะเพราะอีกประเดี๋ยวเธอก็จะลุกขึ้นได้เอง และออกไปทำงานที่ท่าเรือและโกดังตามปกติ
“ช่วยเตรียมอาหารเช้าให้ด้วยนะคะ หนูจะเอาไปกินบนรถ”
นับทรายยังคงสั่งแม่บ้านของเธอต่อไป เพราะยังได้ยินเสียงตะกุกตะกักดังอยู่ไม่ไกล
แม่บ้านคงกำลังทำความสะอาดห้องน้ำให้พร้อมใช้งานในตอนเช้าวันใหม่ เหมือนกับวันอื่นๆ ที่ผ่านมา
“แล้วก็ช่วยบอกคนรถให้ด้วยว่าให้เตรียมตัวให้พร้อม”
มีเสียงลมแรงๆ แทรกเข้ามาในทุกๆช่วงคำพูดของเธอ ทำให้เธอนั้นเดาได้เลยว่า ป้าอรุณแม่บ้านของเธอกำลังเปิดประตูออกไปจากห้อง
เธอเลยรีบสั่งคำสุดท้ายก่อนที่ป้าอรุณจะปิดประตูลงแล้วลงไปเตรียมอาหารเช้าให้กับเธอ
แต่ทว่าเสียงลมนั้นกลับไม่เงียบลงเลยแม้ว่าเสียงตะกุกตะกักจะหายไปแล้วก็ตาม
แถมลองฟังดูดีก็มีเสียงคล้ายคลื่นทะเลดังมาอีกด้วย ราวกับว่าเธอกำลังนอนอยู่ริมทะเล
“ป้าอรุณ ป้าอรุณ”
ดวงตากลมสวยเปิดลืมขึ้นในทันทีด้วยความตกใจ พร้อมกับปากก็ร้องเรียกหาคนใกล้ตัวที่คิดว่าจะตื่นขึ้นมาเจอ
แล้วทุกอย่างก็ว่างเปล่า เธอตื่นมาไม่เจอใครเลย และรอบตัวก็แปลกตาไปหมดอีกด้วย
ที่นี่มันไม่ใช่ห้องนอนของเธอ มันเป็นห้องอะไรก็ไม่รู้ที่มีแต่ไม้ล้อมเอาไว้รอบๆ กับตะปูที่ถูกตอกเอาไว้อย่างหยาบๆ
“ที่นี่มันที่ไหนกันเนี้ย”
นับทรายค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วค่อยๆ ตั้งสติ ไม่โวยวายอะไรออกมา
เธอนึกย้อนเหตุการณ์ไปก่อนที่จะหลับเพื่อหาความจริงว่าในตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอ และที่นี่มันคือที่ไหนบนโลกใบนี้
แต่ยิ่งนึกก็ยิ่งมืดแปดด้านไปหมด เพราะก่อนจะหลับไปทุกอย่างรอบตัวก็ยังดูปกติอยู่
“พ่อคะ พ่อ”
เมื่อคิดอะไรไม่ออก เธอจึงเอ่ยเรียกหาคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ
เพราะพ่อของเธอน่าจะอยู่แถวนี้ พ่อไม่เคยปล่อยให้เธอคลาดสายตา
“คุณภากร”
แต่ยิ่งเรียกก็ยิ่งเงียบ ไม่มีใครตอบกลับเธอมาเลยสักคน
มีเพียงเสียงลมและคลื่นทะเลที่ดังชัดขึ้นในทุกขณะตอบกลับมาแทน
ใจดวงเล็กถึงกับสั่นคลอนอยู่ในอกเมื่อความเดียวดายเข้าถามหา น้ำใสๆ เริ่มเอ่อตรงขอบตาเมื่อหนทางมันเริ่มจะมืดมน แต่เพราะถูกสั่งสอนมาแบบลูกผู้ชายเธอเลยจำต้องเก็บเอาทุกความรู้สึกหลบซ่อนเอาไว้แล้วแสดงความเข้มแข็งออกมาแทน
นับทรายตั้งสติอีกครั้งแล้วเริ่มสำรวจไปรอบๆ ห้องที่ทำจากไม้นี้ พยายามฟังเสียงรอบๆ ตัว พยายามหาช่องเล็กๆ เพื่อมองไปรอบๆ
“ใครอยู่ข้างนอก ฉันถามว่าใครอยู่ข้างนอกนั้น”
แล้วก็เหมือนจะมีโอกาสขึ้นมาเมื่อเธอนั้นได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ๆ
เธอเอ่ยทักในทันที เพราะเกรงว่าถ้าช้าไปกว่านี้คนที่เดินผ่านมาอาจหายไปไหนก็ได้
“ผมเซลครับ คุณผู้หญิงมีอะไรให้รับใช้หรือเปล่าครับ”
เซลน้องชายคนซาลที่รับหน้าที่มาคอยเฝ้าหญิงสาวเอ่ยตอบออกไป พร้อมกันนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งที่อยู่หน้าบ้านไม้หลังเล็กที่กักขังหญิงสาวเอาไว้
“ที่นี่คือที่ไหน”
นับทรายไม่รอช้าที่จะตั้งคำถามออกไป ด้วยเธออยากรู้ใจจะขาดว่าเธออยู่ที่ไหน
เธอจะได้หาทางกลับบ้านได้ถูก หรือไม่ถ้าโดนลักพาตัวมาก็จะได้หาทางขอความช่วยเหลือกลับไปที่บ้าน
“ที่นี่คือเกาะครับ”
เซลตอบออกไปสั้นๆ แล้วก็เงียบไป ไม่พูดจาอะไรมากไปกว่านั้น
เพราะเขาถูกฝึกมาให้พูดได้แค่นั้นกับคนแปลกหน้าอย่างเธอ
“เกาะ เกาะอะไร เกาะตรงไหน”
หญิงสาวพยายามเข้าไปให้ใกล้กับต้นเสียงที่เธอคุยอยู่มากที่สุดแล้วตะโกนถามออกไปด้วยความใจร้อน
เธออยากรู้ใจจะขาดแล้วว่าในตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน และทำไมถึงมาอยู่ที่นี่
“เซล นายยังอยู่ตรงนั้นไหม ช่วยบอกฉันที่ได้ไหมว่าที่นี่มันเกาะอะไรกัน”
ความเงียบไร้เสียงพูดคุยด้วยกลับมาหาเธออีกครั้งราวกับอยู่คนเดียว
แต่เธอยังพอรับรู้ได้ว่าคนชื่อเซลที่พูดคุยกับเธอยังอยู่ตรงนั้น เพราะเธอได้ยินเขาถอนหายใจเบาๆ ออกมา
ทำเอาเธอตวาดเสียงดังออกไปอีกเมื่อเขาไม่ยอมตอบคำถามเธอสักที กล้าดียังไงให้เธอมารอคำตอบนานแบบนี้
“เซล เซล”
นับทรายเห็นว่าผู้ชายคนนั้นเอาแต่เงียบเธอก็โมโหแทบจะพังไอ้บ้านไม้บ้าๆ ที่ล้อมเธอเอาไว้ออกไป
แต่มันก็แข็งแรงเกินกว่าจะใช้แรงหญิงสาวตัวบอบบางอย่างเธอพังออกไปได้
“เซลฉันรู้ว่านายยังอยู่ตรงนั้น ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหม ฉันขอร้องล่ะนายบอกฉันมาเถอะ แล้วฉันจะให้ทุกอย่างที่นายต้องการ”
เมื่อการตะคอกใส่แบบข่มขู่ดูจะไม่ได้ผล เธอก็หันมาใช้ไม้อ่อนหยิบยื่นข้อเสนอให้กับเขาแทน
ใครๆ ก็ต้องเห็นแก่ได้กันทั้งนั้น งานนี้ได้ผลแน่นอน เพราะเธอเคยใช้มุกแบบนี้ซื้อข่าวจากพวกมาเฟียฝ่ายตรงข้ามได้ผลมานักต่อนักแล้ว
เซลเอาแต่นั่งเงียบไม่โต้ตอบอะไร เพราะถ้าหญิงสาวไม่ได้ต้องการอะไรเขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปวุ่นวายกับเธอ เพราะถ้าเธอหนีไปได้เขาตายแน่ๆ
“ไอ้ผู้ชายปอดแหก อย่าให้ฉันออกไปจากตรงนี้ได้นะ ฉันจะฆ่านายคนแรกเลย”
เสียงหวานตะโกนดังออกมาอีกครั้งเมื่อทุกอย่างมันไม่เป็นดั่งที่คิด ข้อเสนอที่คิดมาอย่างดีพังไม่เป็นท่าอีกแล้ว
ที่นี่มันคือที่ไหนกัน ทำไมมันนำพาแต่ความดวงตกมาให้กับเธอ อย่าให้เธอออกไปจากบ้านไม้โง่ๆ หลังนี้ได้นะ เธอจะเผาให้เป็นจุณเลยคอยดู
“โธ่โว้ย”
การเดินทางมาแบบไม่ได้สติตลอดทางที่ไม่รู้ว่าไกลแค่ไหนกว่าจะมาถึงตรงนี้ เธอและคนในบ้านต้องโดนวางยานอนหลับแน่ๆ
อาจไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวที่ถูกขังอยู่บนเกาะ พ่อของเธอก็อาจจะถูกขังอยู่แถวนี้ด้วยก็เป็นได้ เพราะพ่อกำลังมีศัตรูคอยจ้องจะโค่นล้มอยู่ พวกมันอาจเล่นงานท่านด้วยวิธีนี้
คนในบ้านอาจมีใครเป็นหนอนบ่อนไส้ เธอจะต้องออกจากที่นี่ไปให้ได้แล้วช่วยผู้เป็นพ่อ แล้วไปจัดการกับไอ้คนที่มันเป็นสาเหตุของเรื่องนี้ให้จงได้
คนอย่างนับทรายจะไม่มีวันยอมแพ้ แม้ต้องขุดดินลงไปลึกเป็นเมตรเพื่อหาทางออกไปก็ตาม