“ถ้างั้นพรุ่งนี้ชวนมากินข้าวที่บ้านเราดีไหม พ่ออยากรู้จัก”
“พลอยขอโทรถามก่อนนะคะว่าพี่เขาสะดวกหรือเปล่า”
“อะไรกัน พ่อชวนมากินข้าวจะไม่ยอมมาเหรอ แบบนี้ก็ต้องพิจารณากันหน่อยสิ” ฉัตรภพเอ่ยเย้าลูกสาว
“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย พลอยก็แค่... บอกพ่อก่อน เผื่อพี่เค้าไม่ว่างไงคะ” ยิ่งเธอแก้ตัวให้ ก็ยิ่งทำให้ผู้เป็นพ่อหรี่ตามองลูกสาวอย่างสนใจ
ลูกสาวคนเดียวของเขาคงมีคนรักแล้วจริง ๆ ยิ่งรับรู้แบบนี้ ในใจก็ยิ่งอดเป็นห่วงไม่ได้ เรื่องคู่ครองเป็นเรื่องสำคัญ คนเป็นพ่อไม่อาจวางใจให้ลูกเลือกและตัดสินใจคนเดียว
อย่างน้อยก็อยากทำความรู้จักกับผู้ชายคนนั้นก่อน นิสัยใจคอเป็นยังไง และจะดูแลลูกสาวของเขาได้ไหม
“พลอยบอกละกันนะ ว่าเราสองคนจะสะดวกมาบ้าน วันไหน”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูขอนัดก่อนนะ พี่เชนจะได้มีเวลาเตรียมตัวเผื่อพ่อจะสอบสวนเยอะ ต้องเตรียมหาคำตอบดี ๆ”
“ทำไมกลัวพ่อไม่ให้ผ่านหรือไง” ฉัตรภพหัวเราะออกมาเมื่อเห็นแววตาสดใส กระตือรือร้นของ ลูกสาว
“ผ่านอยู่แล้ว พลอยมั่นใจ” หญิงสาวหัวเราะออกมาเขินๆ ที่เผลอลืมตัวรีบแก้ต่างให้ชายหนุ่มทันที ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องหันไปสนใจฉัตรภพ
“พ่อก็ไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้วค่ะ วันหยุดก็พักงานบ้าง ดูสิพลอยเป็นลูกที่แย่มากเลยปล่อยให้พ่อทำงานงก ๆ คนเดียว เป็นห่วงนะคะ”
“รู้ตัวก็ดีแล้ว รีบแต่งงานจะได้มีลูกเขยมาช่วยงานพ่อไวๆ เข้าใจไหม”
“พลอยก็ช่วยพ่อได้ ไม่ต้องถึงมือลูกเขยหรอกค่ะ” หญิงสาวหัวเราะออกมาเบาๆ
“งั้นพลอยไปอาบน้ำนอนดีกว่า พ่อก็พักผ่อนได้แล้ว กู๊ดไนท์นะคะ” หญิงสาวกลับออกไปด้วยใบหน้าแช่มชื่นต่างจาก ขามาลิบลับ ฉัตรภพได้แต่มองตามหลังไปจนประตูปิดลง ก่อนจะถอนหายใจออกมา
นั่นก็เพื่อน นี่ก็ลูกสาว คนเป็นพ่อก็อยากให้ลูกได้เจอคนที่ดี และสามารถดูแลแก้วตาดวงใจของเขาได้ ก็คงต้องลองคุยและดูท่าทีคนรักของกรรณิการ์
ไม่รู้ว่าไอ้หนุ่มคนนั้นจะเป็นคนยังไง หากเห็นแล้วว่าไม่สามารถดูแลลูกสาวเขาได้ ก็คงต้องยอมขัดใจให้หมั้นหมายกับขุนพล ซึ่งเขามั่นใจว่าชายหนุ่มรักลูกสาวของเขาจริง
วันหยุดสิ้นเดือน ในที่สุดกรรณิการ์ก็นัดหมายราเชนให้มากินข้าวที่บ้านเธอตามคำชักชวนของฉัตรภพได้ หลังจากชวนไปแล้ว แต่ราเชนติดงานไม่สามารถเลื่อนนัดลูกค้าได้ เธอจึงต้องรอจนถึงวันหยุดตรงกัน
ทีแรกกรรณิการ์ไม่กล้าเอ่ยปากชวนราเชนด้วยซ้ำ กลัวจะถูกมองว่ามัดมือชกเขาให้มาหาผู้ใหญ่ จนผ่านไปหนึ่งอาทิตย์เธอก็รวบรวมความกล้าเอ่ยปากชวนเขาจริงจัง
ราเชนไม่มีท่าทีตกใจ หรือกังวลใด ๆ ให้เธอเห็น เพียงพยักรับและบอกว่าจะหาของไปฝากพ่อเธอ แค่นั้นกรรณิการ์ก็ยิ้มมีความสุขทั้งวัน ดีใจที่ราเชนไม่ปฏิเสธ และยังเต็มใจจะไปตามคำชักชวนของเธอ
รถยนต์เคลื่อนเข้าไปจอดตรงโรงจอดรถในบ้าน ก่อนทั้งคู่จะเปิดประตูลงมา
“นี่ก็เพิ่งเก้าโมงเช้าเอง ไม่รู้ว่าพลอยชวนพี่เชนมาเช้าเกินไปหรือเปล่า” หญิงสาวยิ้มเอียงอายออกมา เมื่อถึงบ้านเร็วกว่าที่คิด
“ไม่หรอกครับ วันหยุดพี่ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว มาเร็วแบบนี้ พลอยจะได้มีเวลาอยู่กับคุณพ่อนานๆไง”
“ขอบคุณนะคะ”
“หือ... ขอบคุณพี่ทำไม พี่สิต้องขอบคุณเรา อุตส่าห์ชวนพี่มากินข้าวที่บ้าน อีกอย่างจะได้ขออนุญาตคุณพ่อของพลอย ขอคบลูกสาวท่านอย่างเป็นทางการ แต่ไม่รู้ว่างานนี้พี่จะได้กินข้าว หรือลูกปืนก่อนกัน...แต่บอกไว้ก่อนนะพี่ไม่กลัวอยู่แล้ว ชอบลูกสาวเค้าขนาดนี้ สั่งให้ทำไร...ไม่มีถอย”
“พี่เชนอ่ะ” เมื่ออีกฝ่ายก้มหน้าลงมากระซิบกระซาบเบา ๆ พร้อมคำพูดหวานหู และสายตาเปล่งประกายวิบวับ ทำเอากรรณิการ์เขินอาย แทบก้าวขาไม่ออก ยังไงก็ไม่ชินกับความหวานของผู้ชายนิ่งๆ มาดเข้มคนนี้สักที
“ไปเถอะ พาพี่ไปสวัสดีคุณพ่อก่อน” ชายหนุ่มพูดออกมายิ้มๆ ก่อนจะยื่นมือมาแตะแขนเธอเบาๆ ให้นำทางเข้าบ้าน
“เอ่อ.. ค่ะ”
กรรณิการ์เดินนำหน้าเขาเข้าไปในบ้าน ใบหน้าอมยิ้มอย่างมีความสุข จะดีแค่ไหนนะ ถ้านี่คือบ้านของพวกเรา มีทั้งพ่อและราเชนคนที่เธอรักทั้งคู่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ทำกิจกรรมในบ้านร่วมกัน กินข้าวด้วยกันทุกวัน คงจะมีความสุขที่สุด
กรรณิการ์กลับออกมาพร้อมราเชน หลังจากกินข้าวเที่ยงร่วมกับฉัตรภพเรียบร้อยแล้ว เพราะพรุ่งนี้เธอมีงานจะต้องเข้าไปทำที่บริษัท จึงไม่พักค้างคืนที่บ้าน
ระหว่างทางขับรถกลับมาด้วยกัน เธอพยายามเลียบเคียงถามชายหนุ่มว่าคุยอะไรกับฉัตรภพ ราเชนอมยิ้มแต่ไม่ยอมเล่าให้เธอฟัง บอกเพียงว่าไม่มีอะไร กรรณิการ์จึงไม่กล้าเซ้าซี้ถามต่อ ทั้งที่อยากรู้ใจจะขาด
เมื่อเช้าพวกเธอเดินเข้าไปในบ้าน ฉัตรภพก็ออกมาต้อนรับ นั่งคุยกันในห้องรับแขกสักพัก ก่อนจะหันมาบอกเธอให้ลงไปดูในห้องครัว กำลังทำอาหารเผื่อขาดเหลืออะไร หรืออยากได้เมนูอาหารเพิ่ม และให้อยู่ช่วยแม่ครัวไปก่อน ฉัตรภพของคุยกับราเชนเป็นการส่วนตัว
กรรณิการ์รู้ว่าจะต้องเป็นเรื่องของเธอแน่นอน ไม่รู้ว่าฉัตรภพถามหรือทดสอบอะไรราเชนไปบ้าง ถามยังไงชายหนุ่มก็ไม่แย้มพรายให้เธอรู้สักนิด ทำให้หญิงสาวกระวนกระวายด้วยความอยากรู้
หลังจากเธอกับราเชนไปพบฉัตรภพกลับมา เขาก็ทำตัวปกติเหมือนเดิม ยังคอยรับส่ง และแวะมากินข้าวเป็นเพื่อนเธอทุกวัน ทำให้กรรณิการ์สรุปเอาเองว่า คงไม่มีอะไร ฉัตรภพคงแค่พูดคุยซักประวัติกันธรรมดา หรือบางทีราเชนอาจจะพูดเรื่องขอคบกับเธอ เหมือนที่เคยพูดทีเล่นทีจริงไว้
กรรณิการ์ จึงหมดความสนใจเรื่องที่ฉัตรภพกับราเขนพูดคุยกัน เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไร ประจวบกับเธอต้องทำงานทุกวัน ต่อเนื่องจนถึงวันหยุด ทำให้ไม่ได้กลับไปหาฉัตรภพนานหลายอาทิตย์ เหนื่อยกายบ้าง แต่เรื่องของหัวใจกลับกระชุ่มกระชวยเบิกบาน ราเชนยังคงดูแลเทคแคร์เธอดีเหมือนเดิม บาทีก็เหมือนจะหวานมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ