#วันต่อมา
@ Patson
มิลนิกส์ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วล้วงหยิบลิปสติกส์รุ่นแมทสีแดงตุ่นแบรนด์ดังจากกระเป๋าสะพายข้าง ขึ้นมาเปิดฝาทาบนริมฝีปากจิ้มลิ้มให้ทั่ว หวังกลบเกลื่อนรอยแผลตรงริมฝีปากล่างให้มิด
“ยังเห็นอยู่อีก” เอียงใบหน้าซ้ายขวามองบาดแผลตรงกระจกเหนือศีรษะอย่างหงุดหงิดและรู้สึกอายทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์หลายชั่วโมงก่อน
“เฮ้ออ!”
ใบหน้าเรียวน่ารักแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางอ่อน ๆ ธรรมชาติบูดบึ้ง พ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ พลางปิดกระจกอย่างแรงระบายอารมณ์คุกรุ่นที่เป็นอยู่ คว้าแฟ้มเอกสารและกระเป๋าสะพายข้างเปิดประตูลงจากรถพอร์ชสีขาวสุดหรู สาวเท้าเดินบนรองเท้าผ้าใบตรงไปที่ลิฟต์ตัวใหญ่ของโรงจอดรถ
“สวัสดีค่ะน้องมิล” เลขาสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้กล่าวสวัสดีลูกสาวเจ้าของบรัษัท ซึ่งมิลนิกส์ฝึกงานที่บริษัทพ่อตัวเอง ในตำแหน่งรองหัวหน้าฝ่ายวิศวกรออกแบบและพัฒนาอุปกร์ด้านคอมพิวเตอร์ได้ราว ๆ หนึ่งเดือน
“สวัสดีค่ะพี่พัชชา”
“ท่านประธานรออยู่ข้างในนะคะ”
มิลนิกส์กลอกตาไปด้านข้างอย่างใช้ความคิด ก่อนส่งยิ้มให้เลขาสาวพลางหยักหน้ารับทราบ สาวเท้าเดินผลักประตูเข้าห้องทำงานตัวเอง
“สวัสดีค่ะแด๊ด” สองมือพนมไหว้ผู้เป็นพ่อ
“ปากไปโดนอะไรมาน้องมิล” แพททริคหยัดกายลุกขึ้นจากเก้าอี้เต็มความสูงสาวเท้าเดินเข้ามาหาลูกสาวพลางโน้มใบหน้าหล่อพิจารณาบาดแผลเล็ก ๆ บนริมฝีปากบาง ทำเอาหัวใจดวงน้อยของมิลนิกส์สั่นระรัว กลัวผู้เป็นพ่อดาดเดาสาเหตุของบาดแผลออก
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ แด๊ดมีอะไรด่วนหรือเปล่าคะ? ถึงมาหามิลถึงที่ห้องทำงาน” ประคับประคองสีหน้าให้เป็นปกติ เบี่ยงตัวเดินออกจากสายตาจับผิดของผู้เป็นพ่อมาที่โต๊ะทำงาน
“อือ แด๊ดมีงานใหม่ให้หนูทำ”
“งานใหม่?”
“ครับ” ตอบรับน้ำเสียงอ่อนโยนพลางหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับลูกสาว
“ดูแลระบบรถยนต์ไร้คนขับรุ่นใหม่ล่าสุดให้กับบริษัท K กรุ๊ป”
“K กรุ๊ป!?” เสียงสูงทวนถามผู้เป็นพ่อสีหน้าตกใจอย่างเปิดเผย เรื่องบังเอิญหรือเวรกรรมที่เธอต้องทำงานให้บริษัทของคนที่เกลียดชังเข้าไส้
“ครับ หนูติดปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“อ๋อ..เออ..เปล่าค่ะ” ส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้ผู้เป็นพ่อพร้อมกับส่ายหน้าปฎิเสธ ท่าทางเลิ่กลั่กแลดูมีพิรุธ มือบางทั้งสองข้างใต้โต๊ะทำงานถูไถกันไปมาบ่งบอกว่าเธอกำลังโกหก
“แน่ใจ?”
“ค่ะ”
แพททริคพยักหน้ารับโดยไม่คิดเซ้าซี้เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาความกับลูกสาว แล้วกล่าวต่อ
“บ่ายนี้คุณภาคินนัดแจงรายละเอียดกับทางเราด้วยตัวเอง ลูกว่างใช่ไหม?”
“ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะคะแด๊ด?” หงุดหงิดทุกทีที่เอ่ยถึงไอ้คนขี้เก๊ก หนำซ้ำยังต้องทำงานร่วมกันอีก ในขณะที่สมองประมวลผลถึงประโยคของหมอนั่นอย่างรู้สึกตหงิด ๆ “เจอกันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงนะ”
“แด๊ดเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ช่วงบ่ายนี้ลูกว่างนะ”
“ไม่ค่ะ ไม่ว่าง!” มุ่ยหน้ากอดอกพลางเอ็นหลังพิงกับผนักโซฟาอย่างงอแง
“โอเคครับ เดี๋ยวแด๊ดให้เลขาเลื่อนนัดออกไปให้ก็แล้วกัน” ด้วยความสงสัยจึงถามออกไป “ว่าแต่ลูกสาวพ่อทำไมทำหน้างั้นล่ะ มีอะไรในใจหรือเปล่าครับ?”
“เปล่าหนิค่ะ” ปฏิเสธผู้เป็นพ่ออย่างขอไปที ทว่ากลับฉุดคิดได้บางอย่าง
“แด๊ดค่ะ! บ่ายนี้หนูไปคุยรายละเอียดงานก็ได้ค่ะ”
“เปลี่ยนใจเร็วไปไหมครับลูกสาว” แพททริคขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจอารมณ์ของลูกสาว ริมฝีปากหนายังคงประดับด้วยรอยยิ้มละมุนบาง ๆ
มิลนิกส์เพียงส่งยิ้มเหย ๆ ให้ผู้เป็นพ่อแทนคำตอบ หากไม่มีคลิปของพี่ชายเธอคงปฏิเสธงานนี้และไม่ขอยุ่งเกี่ยวใด ๆ กับไอ้คนขี้เก๊ก
“...”
บริษัท K กรุ๊ป
“พี่คะห้องทำงานผู้บริษัทอยู่ไหนคะ?” มิลนิกส์เดินเข้ามาถามพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ติดต่อสอบถามและประสานงานประชาสัมพันธ์
“ชั้น30สิบห้องสุดทางเดินค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ส่งยิ้มสุภาพให้พนักงานสาวพลางโค้งศีรษะลาตามมารยาท แล้วสาวเท้าเดินตรงไปที่ลิฟต์ตัวใหญ่ของบริษัท
“ไอ้บ้านั่น!คิดจะทำอะไรอีกนะ” บ่นกับตัวเองในลิฟต์สมองคาดเดาไปต่าง ๆ นานา
ติ้ง~
ไม่นานบานประตูลิฟต์ก็เปิดออกเมื่อถึงชั้นเป้าหมาย มิลนิกส์สาวเท้าเดินทันทีตรงไปยังห้องทำงานของประธานหนุ่ม
“นายรออยู่ข้างในครับ”
มิลนิกส์กลอกตาขึ้นบนพลางจิ๊ปากด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายทันที เมื่อเจอกับลูกน้องคนสนิทของภาคิน ซึ่งเธอไม่ถูกชะตาพอ ๆ กับเจ้านาย
“ขยันดีเนอะข้าวเที่ยงก็ไม่กิน”
เทวาปราดตามองหญิงสาวร่างเล็กชุดนักศึกษารัดรูปแวบหนึ่ง แล้วเดินเลี่ยงไปทันทีโดยไม่ต่อบทสนทนา
มิลนิกส์จิ๊ปากตามหลังเจ้าของร่างสูงอย่างหมั่นไส้ ก่อนสาวเท้าเดินเข้าห้องทำงานของประธานหนุ่มทันที โดยไม่แม้จะเคาะประตูเพื่อเป็นการอนุญาต
แกร๊ก ~
“ไม่มีมารยาท”
มิลนิกส์ชะงักฝีเท้าทันทีที่เสียงเย็นของร่างสูงตรงโต๊ะทำงานเอ่ยขึ้นอย่างตำหนิ โดยที่ใบหน้าหล่อยังก้มมองแฟ้มเอกสารบนโต๊ะ
“เฉพาะนาย”
ภาคินช้อนตาขึ้นมองร่างเล็กที่กำลังเดินตรงเข้ามาด้วยแววตาคมดุ ไม่พอใจกับคำต่อล้อต่อเถียงของเธอ ทำราวกับว่าอายุอานามเท่าเทียมกัน ทว่าบาดแผลเล็ก ๆ บนริมฝีปากบางที่เขาเป็นคนสร้างไว้ ทำให้ต้องหลุบตามองมันนิ่ง ๆ
มิลนิกส์ที่รู้ตัวว่าถูกมองก็รีบเม้มริมฝีปากเข้าหากันทันที
“ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องจ้างบริษัทฉันก็ได้นะ ไม่ง้อ!”
“นั่งลง” ทำทีเมินเฉยต่อประโยคก้าวร้าวของเด็กสาว
“ไม่นั่ง! มีอะไรก็พูดมา”
“นั่งลง” เจ้าของใบหน้าหล่อกดเสียงต่ำสั่งอีกครั้ง บ่งบอกถึงอารมณ์โทสะที่สะกดกลั้นเอาไว้กำลังจะขาดผึ่ง เมื่อเด็กสาวยังคงแสดงความหยิ่งยโสไม่เลิก
ทำเอามิลนิกส์ที่ถูกกดดันผ่านสายตาของภาคิน จำใจต้องกระแทกตัวนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยใบหน้าบึ้งตึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เซ็นซะ”
มิลนิกส์มองเอกสารที่ถูกเลื่อนมาวางตรงหน้า จากนั้นก็หยิบขึ้นมาอ่านรายละเอียด หัวคิ้วเรียวหม่นเข้าหากันเป็นปม ทุกตัวอักษรบนกระดาษเอสี่ที่ได้อ่าน
“เป็นพนักงานทำความสะอาดที่ผับ 3 เดือนเนี่ยนะ จะบ้าหรือเปล่า!ฉันไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะ ไหนจะงานที่นายจ้างบริษัทฉันอีก”
“ก็เลือกเอา ระหว่างทำงานที่ผับฉันแค่ 3 เดือนกับปล่อยคลิปพี่ชายเธอพร้อมเสียเงินหมื่นล้าน”
มิลนิกส์กัดปากล่างแน่นจนห้อเลือด จ้องมองเจ้าของใบหน้าหล่อแววตาเดือดดาลกับข้อเสนอ เธอเป็นถึงลูกสาวมาเฟียใหญ่แต่กลับให้ไปทำความทำความสะอาด
“หึ” เค้นเสียงในลำคอเบา ๆ เมื่อเด็กสาวยอมเซ็นสัญญา เธอก็แค่ลูกไก่ในกำมือ เขาจะทำอะไรก็ได้ แม้เป็นถึงลูกหลานมาเฟียใหญ่อันดับต้น ๆ ของประเทศเขาก็ไม่กลัว
“แค่ทำความสะอาดเท่านั้นนะ”
ภาคินแสยะยิ้มร้ายกาจมุมปากแทนคำตอบ ทว่าแววตาคมกริบกลับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ราวกับคิดอะไรอยู่ในหัว
---------------------------------