#หนึ่งชั่วโมงต่อมา
“ฟู่~” มิลนิกส์ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบริเวณกรอบหน้าเรียว พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทั้งร้อนทั้งเหนื่อย เมื่อต้องจัดโต๊ะเก้าอี้ทั้งผับให้เป็นระเบียบเรียบร้อยดังเดิม หลังจากเช็ดทำความสะอาดเสร็จ
“พี่คะ?” เมื่อฉุกคิดอะไรออก เธอทำเสียงเล็กเสียงน้อยขานเรียกพร้อมโบกมือให้การ์ดละแวกนั้นด้วยรอยยิ้มสดใสต่างจากหลายนาทีก่อน
“อะไรครับ”
“มันทำยังไงคะ มิลทำไม่เป็นเลย ช่วยสอนมิลหน่อยสิ” ชูไม้กรวดขึ้นพลางกะพริบตาปริบ ๆ แววตาออดอ้อน ใช้หน้าตาที่ผู้เป็นแม่และผู้เป็นพ่อให้มาหว่านเสน่ห์ ทำเอาการ์ดคนดังกล่าวขมวดคิ้วงุนงงเล็กน้อยกับท่าทางที่เปลี่ยนไปอันรวดเร็วของหญิงสาว
“เออ...นายไม่ให้ช่วยครับ”
“มิลไม่ได้ขอให้ช่วยค่ะ มิลแค่อยากให้สอนเฉย ๆ มิลไม่เคยทำ” จิ๊ปากขึ้นอย่างน่ารักน่าเอ็นดูพลางแสร้งส่งแววตาน่าสงสารให้กับการ์ดคนดังกล่าว
ใบหน้าเรียวน่ารักของมิลนิกส์สามารถทำให้การ์ดร่างใหญ่คล้อยตามได้ไม่ยาก จนเผลอยิ้มปริ่มออกมาอย่างลืมตัว จ้องมองใบหน้าหญิงสาวตาไม่กะพริบราวกับถูกต้องมนต์สะกด
“นะคะ~” ขยิบตาให้หนึ่งที ก่อนแอบยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เมื่อการ์ดคนดังกล่าวกำลังหลงกล
“ครับ”
“หึ” เค้นเสียงในลำคอเบา ๆ อย่างพึงพอใจ แล้วส่งต่อไม้กรวดให้กับการ์ดตรงหน้า
“....”
มิลนิกส์สบโอกาสครั้นภาคินออกจากผับใช้มารยาหญิงกับเหล่าการ์ดของภาคินให้เข้ามาช่วยเหลือเธอ อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งถูพื้นขั้นตอนสุดท้าย
“นายกลับมาแล้วครับ” การ์ดที่ดูต้นทางวิ่งเข้ามาแจ้งข่าว ทำให้การ์ดคนอื่น ๆ ลนลานอย่างหนักกลัวถูกลงโทษเพราะขัดคำสั่ง จึงพากันแยกย้ายทันควัน
“ดึกปานนี้ยังจะกลับมาอีก!” มิลนิกส์เก็บโทรศัพท์เครื่องหรูในมือพลางเด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้รีบจับไม้ถูพื้นทำทีว่ากำลังเช็ดทำความสะอาด
“น้องไหนว่าเจ็บข้อเท้าไง!”
“หายแล้วค่ะ” โพล่งขึ้นเสียงสูงพร้อมกับยิ้มเจื่อน ๆ หากย้อนไปครึ่งชั่วโมงก่อน เธอแสร้งสะดุดขาโต๊ะล้มทำทีข้อเท้าพลิกเดินไม่ได้จึงวอนขอให้เหล่าการ์ดที่ยังอยู่ดูแลผับช่วยเหลือ
“…”
เมื่อผู้เป็นนายเดินผ่านเหล่าบรรดาการ์ดต่างโค้งศีรษะทำความเคารพอย่างเช่นเคยทำ
“เสร็จเร็วไปนะครับนาย ก่อนเราออกไปเด็กนั่นยังเงอะๆ งะๆ เช็ดโต๊ะอยู่เลย” เทวาเอียงศีรษะเข้าหาผู้เป็นนายแล้วกระซิบแสดงความคิดเห็น
ภาคินเพียงชำเลืองหางตามองลูกน้องคนสนิทเท่านั้น โดยไม่ต่อบทสนทนา
มิลนิกส์หยุดชะงักมือ เมื่อเท้าของใครบางคนเดินมาขวางทาง เธอเงยหน้าขึ้นมอง ทำให้สบปะทะเข้ากับแววตาคมกริบแสนจะเยือกเย็นของเจ้าของผับ จนขนอ่อนตามร่างกายลุกซู่โดยอัตโนมัติ คล้ายยืนอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ
“มีอะไร?”
“เร็วดีหนิ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียว ใช้เวลาทำความสะอาดครึ่งหนึ่งของตัวผับเสร็จได้ภายในสามชั่วโมง”
มิลนิกส์เบ้ปากพลางไหวไหล่แสร้งน้อมรับคำชมอย่างทะนงตน ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก ประโยคดังกล่าวของภาคินพูดเพราะต้องการกระแนะกระแหนเธอ
“ไอ้พวกที่เหลือเข้ามา” ภาคินถ่ายทอดคำสั่งโดยที่สายตายังจดจ้องใบหน้าน่ารักของหญิงสาวร่างเล็กนิ่ง
เหล่าบรรดาการ์ดรีบวิ่งเข้ามาก้มหน้าเรียงแถวกันตามคำสั่งของผู้เป็นนาย แต่ละคนต่างหวั่นกลัวถูกผู้เป็นนายจับได้ จนมือไม้สั่นเทาแสดงพิรุธออกมาให้สังเกตเห็น
ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!
มิลนิกส์เบิกตากว้างชะงักนิ่งอึ้งไปทันที เมื่อจู่ ๆ ภาคินก็ปล่อยหมัดหนัก ๆ ใส่ใบหน้าของเหล่าบรรดาการ์ดคนละหมัดอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จนหน้าหงาย เม็ดเลือดสีสดต่างผุดซึมขึ้นมุมปากกันทุกคน โดยเจ้าตัวไม่แม้จะพูดหรือแสดงความโกรธออกมาให้เห็น ซึ่งแต่ละคนเคยถูกเธอหลอกล่อให้ช่วยเหลือทำความสะอาด
“กล้าขัดคำสั่งกู! ใครเป็นเจ้านายพวกมึง!” ภาคินตะเบ็งเสียงดังใบหน้าหล่อเปลี่ยนเป็นดุร้าย ทำเอามิลนิกส์สะดุ้งเฮือกกับน้ำเสียงเหี้ยมที่เปล่งออกมาจากร่างสูง จนหัวใจดวงน้อยสั่นรัวขึ้นมาด้วยความประหม่าอย่างหักห้ามไม่อยู่ เขาต้องรู้เรื่องแล้วเป็นแน่
“นะ...นายครับ” เหล่าบรรดาการ์ดต่างตอบอย่างพร้อมเพรียงกันเพราะหวาดกลัวต่อความเหี้ยมโหดของผู้เป็นนายที่ไม่เคยปรานีใคร โดยเฉพาะลูกน้องที่กล้าฝ่าฝืนคำสั่ง
“ก็รู้หนิ แต่พวกมึงก็ยังกล้าขัดคำสั่งกู!” ควักกระบอกปืนที่เหน็บตรงเอวด้านหลังขึ้นมาจ่อศีรษะการ์ดคนแรก สร้างความตื่นตระหนกให้แก่มิลนิกส์อยู่ไม่น้อยจนเก็บสีหน้าไม่อยู่
“เรื่องเล็กแค่นี้คิดจะฆ่าจะแกงกันเลยเหรอ?”
“จะเล็กหรือใหญ่ยังไงก็ขัดคำสั่งอยู่ดี ถ้าปล่อยไว้อีกหน่อยคงได้ใจ สู้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไม่ดีกว่าเหรอ?”
“ยะ...อย่าฆ่าพวกผมเลยนะครับนาย” การ์ดคนแรกเว้าวอนขอด้วยน้ำตาพลางยกมือไหว้ โดยที่ปลายกระบอกปืนยังจ่อตรงหน้าผาก
“ไว้ชีวิตพวกผมเถอะนะครับ” เหล่าบรรดาการ์ดต่างพร้อมใจกันขอความเมตตาจากผู้เป็นนาย เพราะทราบความผิดของตัวเองดี
“ฉันหลอกใช้พวกเขาเองแหละ อย่าทำอะไรพวกเขาเลย” มิลนิกส์เชิดอกยอมรับผิด เธอทนเห็นเหล่าการ์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเพราะเธอเป็นต้นเหตุไม่ได้
“ยอมรับผิดคิดว่าฉันจะไว้ชีวิตพวกมัน?” ภาคินเลิกคิ้วขึ้นถามแววตาเจ้าเล่ห์
“ก็พวกเขาไม่ผิด”
“งั้นพวกมันก็คงฉลาดน้อยถึงถูกเธอหลอกเอาได้ง่าย ๆ”
“จะให้ฉันทำอะไรก็ว่ามา?”
“เดินมาจูบฉัน จูบจนกว่าฉันจะพอใจ”
“ฮะ?” คิ้วเรียวทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันยุ่ง จะให้เธอเป็นฝ่ายรุกก่อนได้อย่างไรเธอเป็นผู้หญิงนะ หนำซ้ำยังท่ามกลางสายตาผู้ชายมากมายอีก
“กล้าแลกไหมล่ะ?” แสยะยิ้มร้ายมุมปากอย่างเหนือกว่า
มิลนิกส์กัดริมฝีปากล่างแน่นจนห้อเลือดจ้องสบตากับเจ้าของร่างสูงอย่างคิดไม่ตก
“หนึ่ง...สอง...สาม...” ภาคินเริ่มนับเมื่อเห็นแววตาลังเลของหญิงสาวจอมอวดดี หวังกดดันให้เธอตัดสินใจได้เร็วขึ้น
มิลนิกส์ละทิ้งความอายปล่อยไม้ถูพื้นในมือ สาวเท้าเดินไปข้างหน้าจ้องสบตากับภาคินแววตาแน่วแน่อยากเอาชนะแม้ต้องเสียหน้า สองเท้าเล็กหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร่างสูง ตวัดเรียวแขนกอดรัดลำคอแกร่งกร้านพลางเขย่งปลายเท้าขึ้น ทาบริมฝีปากบางกับริมฝีปากหยักได้รูปทันที ท่ามกลางสายตาอึ้งช็อกของเหล่าบรรดาการ์ด
“พอใจยัง?” ผละเรียวปากออกใบหน้าใกล้กับใบหน้าหล่อเพียงคืบนิ้ว ก่อให้เกิดความเขินอายจนแก้มใสเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อราวกับลูกตำลึงสุกงอม
“ปากทาบปากทำให้ฉันพอใจไม่ได้หรอกนะ”
มิลนิกส์ตาโตพร้อมสะดุ้งตัว เมื่อท่อนแขนแกร่งเกี่ยวรัดเอวคอดกิ่ว ดันเข้ามาประชิดแนบแน่นกับหน้าท้องอันแข็งแกร่ง
“เรื่องมาก!”
“จะทำไม่ทำ?”
มิลนิกส์แยกเขี้ยวใส่คนเจ้าเล่ห์ แล้วกลั้นใจหลับตาเขย่งปลายเท้าประกบจูบกับริมฝีปากหยักได้รูปอีกครั้ง เรียวลิ้นเล็กสอดใส่โพรงปากกว้างได้อย่างง่ายดาย เมื่อร่างสูงเปิดปากรอ เธอตวัดเรียวลิ้นนุ่มเกี่ยวพันกับเรียวลิ้นสากอย่างเก้ ๆ กัก ๆ
“อื้ม~” มิลนิกส์ส่งเสียงออกมาเบา ๆ เมื่อถูกร่างสูงที่มีประสบการณ์มากกว่าใช้ลิ้นเกี่ยวตวัดตอบโต้อย่างชำนาญ จนเธอเคลิบเคลิ้มเผลอไผลไปกับสัมผัสที่เร่าร้อน จนลืมไปชั่วขณะว่าไม่ได้อยู่ตามลำพังกันสองคน
ซึ่งแน่นอนว่าเหล่าบรรดาลูกน้องของภาคินไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมอง จูบอันแสนหวานของผู้เป็นนาย แม้กระทั่งลูกน้องคนสนิทอย่างเทวา
“อะ!” ใบหน้าเรียวน่ารักบิดเบ้ เปล่งเสียงเบา ๆ ด้วยความเจ็บในวินาทีต่อมา เพราะถูกฟันคมขบกัดริมฝีปากล่างอย่างแรง จนได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทั่วโพรงปากฉุดรั้งให้เธอได้สติ
“จองไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยจัดการทีหลัง”
มิลนิกส์หม่นคิ้วเข้าหากันอย่างหงุดหงิดกับประโยคสองแง่สองง่ามของร่างสูง และ สายตากะลิ้มกะเหลี่ยที่โลมเลียมองร่างกายเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เจอกันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงนะ” ภาคินกระตุกยิ้มมุมปากแววตาคมกริบเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ นิ้วแกร่งเช็ดเม็ดเลือดบนริมฝีปากบางให้อย่างนุ่มนวล ก่อนผละตัวออกห่างแล้วเดินผ่านไป ปล่อยทิ้งให้มิลนิกส์ยืนนิ่งงันอยู่คนเดียวอย่างนั้น
“...”
---------------------------------
ได้ทีแล้วฉวยโอกาสกับน้องใหญ่เลยนะพี่ภาคิน
ฝากกดถูกใจ หรือ คอมเม้นด้วยนะคะเพื่อเป็นกำลังใจให้กัน