บทนำ
โรงพยาบาล เค
ติ้ง~
มิลนิกส์สาวเท้าออกจากลิฟต์ตัวใหญ่ เดินตรงไปที่รถสปอร์ตคันหรูสีขาวของตัวเอง หลังเสร็จจากช่วยเหลือพี่ชายที่ถูกผู้เป็นอาคาดโทษ ด้วยการให้พี่ชายอำพรางตัวเข้าเยี่ยมคนรักที่ประสบอุบัติเหตุสาหัส ตบตาเหล่าบรรดาการ์ดบริเวณหน้าห้องไอซียู
Rrrrr Rrrrr
หยุดมือที่กำลังจะเปิดประตูรถเมื่อเสียงริงโทนจากสายเรียกเข้าดังขึ้นในกระเป๋าสะพายไหล่ เธอหยิบล้วงโทรศัพท์เครื่องหรูจากกระเป๋าสะพายขึ้นมา บนหน้าจอสี่เหลี่ยมปรากฏรายชื่อของเพื่อนคนสนิท นิ้วเรียวจึงกดรับสายทันที
“ว่า?” ยกหน้าจอสี่เหลี่ยมแนบใบหูเล็กพลางเปิดประตูรถก้าวเท้าขึ้นไปนั่งบนเบาะคนขับ
“งานกูตกในรถมึงไหม ดูให้หน่อย”
“อือ” เอี้ยวหลังพลางกรวดตามองเบาะรถด้านหลัง ซึ่งตรงตำแหน่งที่ปลายสายเคยนั่งอยู่ “ซองสีน้ำตาลปะ?”
“เออ”
“เจอล่ะ” เอื้อมมือหยิบซองสีน้ำตาลมาวางบนเบาะข้างคนขับ
“เอามาให้กูที่คอนโดหน่อย”
“ให้ฉันวนรถกลับไปอีกเนี่ยนะไอ้ยู! พรุ่งนี้ค่อยเอาไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้งานด่วน กูต้องแก้วันนี้ให้เสร็จ มึงจะใจดำปล่อยให้เพื่อนโดนหัวหน้าด่าเหรอวะมิล” ปลายสายทำเสียงอ้อน ๆ น่าสงสาร
“ลำไย!” สบถออกมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง เป็นฝ่ายกดวางสายก่อน ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อย่างขี้เกียจกลับไปที่คอนโดเพื่อนชายคนสนิท แล้วล้วงหยิบแป้งพับจากกระเป๋าสะพายขึ้นมาตบเบา ๆ บนใบหน้าหน้าเรียวสวย
“...”
“ขับเร็วกว่านี้”
“ครับ” เทวาตอบรับผู้เป็นนายที่นั่งหน้าตึงเครียดอยู่เบาะด้านหลังเสียงเรียบ ๆ เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วอีกเท่าตัว เมื่อถึงจุดหมายจึงหักเลี้ยวพวงมาลัยเข้าโรงจอดรถชั้น วีไอพี
เอี๊ยด! โครมคราม!
ภาคินจับประคองเบาะรถเอาไว้ทันทีที่รถชนเข้ากับอะไรสักอย่าง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันพลางกัดฟันแน่นจนสันกรามปูดนูนด้วยความหงุดหงิด
“รถคันหน้าถอยออกมาตัดหน้ารถเรากะทันหันครับ ทำให้ผมเบรกไม่ทัน นายเป็นยังไงบ้างครับ?”
“น่ารำคาญ!” ภาคินสบถออกมาเสียงเย็นแทนการตอบคำถามของลูกน้องคนสนิท พลางจัดระเบียบชุดสูทสีดำของตัวเอง
“รีบไปจัดการ”
“ครับนาย”
มิลนิกส์เปิดประตูออกมาสำรวจดูร่องรอยด้านข้างรถที่ถูกชน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เทวาเดินลงมาพอดี “ถลอกเลยอะ เพิ่งไปทำสีมาเมื่อวานเอง”
“ก่อนจะถอยรถออกมาดูกระจกหรือเปล่าครับ”
มิลนิกส์ตวัดสายตามองไปตามเสียงตำหนิของชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาดูดีใช้ได้อย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
“ถ้าเห็นว่ารถกำลังมาจะถอยออกไปให้รถตัวเองโดนชนไหมล่ะ?” มิลนิกส์เท้าสะเอวเลิกคิ้วยอกย้อนกลับชายร่างสูงกว่าอย่างไม่เกรงกลัว เธอมั่นใจก่อนถอยรถออกมา เธอมองดูกระจกตรงคอนโซลรถและกระจกสองฝั่งข้างเป็นอย่างดี ไม่มีรถคันไหนขับเพ่นพ่านเข้ามา เธอก้มเก็บลิปสติกที่ล้วงจากกระเป๋าสะพายข้างไม่กี่วินาทีก็บังคับพวงมาลัยถอยหลังจนถูกชน ดีที่ชนไม่แรงมากเธอจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ
“งั้นแสดงว่าลูกตาคุณคงมีปัญหาแล้วแหละครับ ถึงไม่เห็นว่ามีรถกำลังมา” เทวาตอกกลับด้วยประโยคร้ายกาจเสียงราบเรียบอย่างใจเย็น ทำเอามิลนิกส์ควันออกหูทันควัน
“เฮ้ย! นี่ด่ากันเลยเหรอ!” นิ้วเรียวชี้หน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง
“ผมไม่ได้ด่าครับ ผมพูดความจริง”
“ถ้าลูกตาฉันไม่ดี ลูกตานายเองก็คงบอดเหมือนกันนั่นแหละ ถึงมองไม่เห็นรถฉัน!ที่กำลังถอยออกมา” มิลนิกส์กระแทกเสียงพูดอย่างมีน้ำโห
“ขับรถเร็วไม่ระวังเองหรือเปล่า ถึงได้บ้วยความผิดให้คนอื่นอะ!”
เทวาสะอึกที่ใจกับประโยคต่อมาของหญิงสาวชุดนักศึกษาจนพูดโต้เถียงไม่ออก ราวกับกำลังถูกต้อนให้จนมุม แต่ในขณะเดียวกัน....
“อย่าเสียเวลากับเด็กก้าวร้าวไอ้เทวา” ภาคินเปิดประตูก้าวขาลงจากรถคันหรู หลังจากนั่งฟังบทสนทนาของลูกน้องคนสนิทและหญิงสาวคู่กรณีอยู่นาน สาวเท้ามายืนหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาวร่างเล็กหน้าตาสะสวยแต่ท่าทางกลับหยิ่งยโส
“มีสิทธิ์อะไรมาว่า!!”
ภาคินหลุบนัยน์ตาสีดำมองสบปะทะกับร่างเล็กที่มีส่วนสูงเท่าอกแกร่งแววตานิ่งยากจะคาดเดา สร้างอารมณ์ฉุนเฉียวให้แก่มิลนิกส์อยู่ไม่น้อย หมั่นไส้ในท่าทางใจเย็นของร่างสูงที่ทำราวกับต้องการยียวนกวนประสาท ต่างจากเธอที่ร้อนรุ่มดั่งไฟคล้ายคนบ้าอยู่เพียงผู้คนเดียว
มิลนิกส์สู้สบปะทะกับสายตาเรียบนิ่งของภาคินที่โน้มใบหน้าหล่อดูดีเข้ามาใกล้โดยไม่เอียงศีรษะหลบ ทว่าใบหน้าหวานกลับร้อนผ่าวก้อนเนื้อข้างซ้ายเต้นถี่รัวแรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับจะพุ่งออกมาให้ได้ เมื่อได้มองสำรวจใบหน้าหล่อใกล้ ๆ ผิวเนียนใสไร้ที่ติราวกับผู้หญิง บ่งบอกว่าร่างสูงคงบำรุงมาเป็นอย่างดี
“...สิทธิ์ของความเป็นผัวในอนาคตของเธอมั้ง” ภาคินพ่นวาจาร้ายกาจในเวลาต่อมาพลางหลุบตามองกลางร่องเสื้อนักศึกษา ทำให้มิลนิกส์ต้องยกมือขึ้นมาปิดทันควัน
เพียะ!
ใบหน้าหล่อหันไปตามแรงตบของมือบางที่ฟาดเข้ามาบนแก้มสากอย่างเต็มแรง ภาคินดันปลายลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มข้างที่โดนตบย้ำ ๆ พลางปาดนิ้วแกร่งตรงมุมปากอย่างข่มกั้นอารมณ์โกรธ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าเขามาก่อนเธอคือคนแรก..
ทำเอาเทวาถึงกับเบิกตากว้างตกใจ หวาดกลัวผู้เป็นนายแทนหญิงสาวร่างเล็กชุดนักศึกษา
“ปากหมา!” ตวาดด่าไปด้วยแรงอารมณ์ เกิดมาไม่เคยเจอผู้ชายที่หยาบคายเท่าไอ้ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้ามาก่อน “ไอ้ขี้เก๊ก!”
มิลนิกส์ชูนิ้วกลางให้ภาคินอย่างห้าวเป้ง เพราะความหมั่นไส้และเกลียดขี้หน้าอย่างถึงที่สุด ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ก่อนหมุนตัวหวังเดินกลับไปขึ้นรถ โดยไม่แม้จะเอ่ยปากขอโทษขอโพยทว่า..
หมับ!
ข้อแขนกลับถูกกระชากจนเซถลาไปตามแรงยักษ์ เผชิญหน้ากับเจ้าของใบหน้าหล่อที่ใกล้เพียงคืบนิ้ว
“ตัวเล็กเท่าลูกหมาอย่าซ่าให้มากนัก!”
“อ๊ะ!” มิลนิกส์เปล่งเสียงออกมาพลางนิ่วหน้าเมื่อถูกผลักค่อนข้างแรง จนเธอแทบล้มหงายหลังดีที่ทรงตัวเอาไว้ได้ ในขณะที่ภาคินสาวเท้าเดินจากไปขึ้นรถพร้อมกับลูกน้องคนสนิท ท่าทางแลดูเกรี้ยวกราดมากอยู่ไม่น้อย
---------------------------
เปิดมาก็ปะทะคารมกันเลยเนอะ