“ให้ผมตามไปจัดการเด็กนั่นไหมครับ?” เทวากล่าวถามผู้เป็นนายที่ยังคงเงียบ เมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์ตัวใหญ่ใบหน้าหล่อของภาคินยังคงเคร่งขรึม
“ยังไม่ต้อง สืบประวัติให้กูก็พอ” ภาคินสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ปลายลิ้นดันกระพุ่งแก้มข้างที่ถูกตบสองสามครั้ง ในหัวเอาแต่คิดถึงยัยเด็กอวดดีไม่หยุด ไม่ใช่เพราะหลงเสน่ห์แต่อย่างใดกลับแค้นใจเสียมากกว่า เขาเกลียดชังนักเด็กอวดดี หากไม่รีบยัยเด็กนั่นคงตายด้วยน้ำมือเขาตรงนั้น
“ครับ” เทวาน้อมรับคำสั่ง แล้วเอียงศีรษะแอบมองเสี้ยวหน้าของผู้เป็นนายเล็กน้อยอย่างสงสัย โดนเด็กผู้หญิงตบหน้าหล่อ ๆ จนเป็นรอยแดง หนำซ้ำยังแสดงกิริยาหยาบคายราวกับผู้ชายออกมา แต่ผู้เป็นนายกลับทำได้เพียงตอกกลับไปเล็ก ๆ น้อย ๆ และ ข่มกั้นอารมณ์โทสะเพียงเท่านั้น
แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นก็แซบซ่ากล้าพอตัว และเป็นผู้หญิงคนแรกที่กล้าต่อปากต่อคำกับผู้ชายร่างกำยำน่าเกรงขามอย่างผู้เป็นนาย ที่ทั้งเย็นชา ทั้งโหดเหี้ยม และ ความอดทนค่อนข้างต่ำ โดยไม่เกรงกลัวถูกจับบี้ให้แหลกคามือ
“หัวร้อนแต่ก็ยังนิ่ง ฮึ ๆ (คิดในใจ=สมกับฉายาเจ้าป่ายิ้มยากจริง ๆ) ”
“ได้ยิน”
เทวารีบดึงหน้ากลับทันควัน เมื่อดันเผลอพูดความคิดในหัวประโยคแรกออกไป ทำให้ผู้เป็นนายที่ยืนอยู่ข้างหน้าใกล้เพียงช่วงแขนได้ยินจนได้
“นายได้ยินด้วยเหรอครับ?” ถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
ภาคินเหลือบหางตามองลูกน้องคนสนิทเพียงนิดโดยไม่ตอบคำถาม ขณะเดียวกันประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดีเมื่อถึงชั้นเป้าหมาย จึงสาวเท้าก้าวเดินไปข้างหน้าทันทีอย่างไม่รีรอลูกน้องคนสนิท ทำให้เทวารีบสาวเท้าเดินตามออกไปด้วยความชินชา เพราะบ่อยครั้งที่ผู้เป็นนายมักใช้ความเงียบแทนคำตอบ
แกร๊ก
“พี่คิน” หญิงสาวหน้าตาน่ารักสวมชุดกาวฉีกยิ้มเดินเข้าหาภาคิน ที่เปิดประตูห้องพักพื้นผู้ป่วยพิเศษเข้ามาพร้อมกับลูกน้องคนสนิท แต่กลับต้องหุบยิ้มในเวลาต่อมาด้วยความผิดหวัง เมื่อภาคินเดินผ่านไปดูอาการน้องสาวที่นอนเป็นเจ้าหญิงนินทราได้หนึ่งปีเต็มบนเตียงผู้ป่วย โดยไม่หยุดทักทายหรือสนทนากับเธอ
“ทำไมขิมถึงซัก?” ภาคินมีสีหน้าหวั่นวิตกต่างจากอารมณ์ก่อนหน้านั้น เพราะเป็นห่วงน้องสาว ซึ่งขิมคือน้องสาวเพียงคนเดียวต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนินทรา สาเหตุมาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง จนสมองกระทบกระเทือนเสียหายอย่างหนัก
“สมองเสียการทำงานไปชั่วขณะ แต่ตอนนี้ขิมปลอดภัยดีแล้วค่ะพี่คิน” แพรวาอธิบาย เธอคือนักศึกษาแพทปี 4 ฝึกงานอยู่ที่โรงพยาบาล เค ซึ่งเธอและขิมเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก หนำซ้ำยังเป็นคู่หมั่นของภาคิน
ภาคินไม่ได้ต่อบทสนทนากับคู่หมั่นสาว มือหนาลูบผมน้องสาวที่นอนแน่นิ่งคล้ายกับคนนอนหลับธรรมดาอย่างอ่อนโยน แววตาคมกริบเต็มไปด้วยความสงสาร ทำราวกับว่าในห้องพักพื้นผู้ป่วยไม่มีใครอื่นนอกจากเขาและน้องสาว
“พี่คินทานข้าวมาหรือยังคะ?” แพรววาเอ่ยถามออกไปด้วยรอยยิ้มฝึดฝืนเพื่อทำลายความเงียบ แต่แววตาคู่สวยกลับเต็มไปด้วยความน้อยใจ เจอกับคู่หมั้นหนุ่มเมื่อไหร่เขาก็ทำหมางเมินใส่เธอคล้ายกับไม่อยากเสวนา
“ฉันอยากอยู่กับขิมสองคน” ภาคินกล่าวเจตนาของตัวเองออกไปน้ำเสียงเย็นเชิงขับไล่มากกว่าขอร้อง โดยไม่แม้จะเงยหน้าสบตากับคู่หมั้นสาว
ทำเอาแพรววาที่ราวกับถูกคู่หมั้นหนุ่มหักหน้าจุกแน่นกลางอกหนักกว่าเก่า เธอกัดปากล่างเบา ๆ อย่างข่มกลั้นความรู้สึก เขาไม่แม้จะสนใจคำถามของเธอ เธอหลงรักเขาตั้งแต่ยังเยาว์วัย ทว่าเขากลับไปแม้จะชายตามองมาที่เธอเลยด้วยซ้ำ
“ค่ะ” แพรววาตอบรับอย่างจำนน
“ผมด้วยใช่ไหมครับนาย” เทวากล่าวถาม
“หูมึงหนวกหรือไง ถึงไม่เข้าใจประโยคของกู” ภาคินตวัดสายตาดุจ้องมองลูกน้องคนสนิทตาเขม็ง ทำให้เทวารีบก้มหน้าหลบสายตาอำมหิตของผู้เป็นนายทันที
“ขอโทษครับนาย”
“...”
คอนโด ยู
แกร๊ก
“เปิดช้า” มิลนิกส์แหวใส่เพื่อนชายคนสนิททันทีที่บานประตูถูกผลักออกมา
“ไม่กี่วิเองปะวะมิล ทำใจร้อนไปได้”
มิลนิกส์จิ๊ปากใส่อย่างหมั่นใส้
“อะ..เอาไป!” พาดเอกสารในซองกระดาษสีน้ำตาลให้กับเพื่อนชายคนสนิทบนแผงอกแกร่งอย่างแรง
“เจ็บนะโว้ย! ให้ดี ๆ ไม่เป็น?”
“เอามาให้ก็บุญแล้วไหม!”
“เออ! ขอบคุณครับคุณหนูมิล”
“ไม่ต้องมาประชด!”
“หึ ว่าแต่ใครไปทำอะไรให้คุณหนูมิลโมโหมาครับ หน้านี่บึ้งอย่างกับตูดลิงมาเลย”
“หมามั้ง!” ได้ยินประโยคคำถามจากเพื่อนชายคนสนิท เธอก็ยิ่งเกลียดไอ้คนปากหมาเข้าไส้
“หมาที่ไหนจะกล้ามีเรื่องกับคุณหนูมิลนิกส์ลูกสาวมาเฟียใหญ่ครับเนี่ย” ยูพูดแซวด้วยท่าทางทะเล้นพลางเหล่ตามองจับผิด
“ไม่อยากพูดถึง! ไปละ” มิลนิกส์ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ แล้วหมุนตัวเดินไปทันที โดยไม่รอคำร่ำลาจากเพื่อนชายคนสนิท ยูยิ้มมองตามหลังเพื่อนสาวพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนเดินกลับเข้าห้องตัวเอง
—————————
น้องมิลกับพี่ภาคิน อิ ๆ