“เรามีประชุมที่นี่...เหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ คุณหญิงบอกว่าเป็นคนรู้จักและเป็นงานใหญ่...ดูจากชื่อบริษัทแถมเจ้าของไปติดต่อเองก็น่าจะใหญ่จริงๆนั่นแหละค่ะ...เข้าไปกันเถอะค่ะคุณลูกจันทร์”
ลีลา เลขาคนสนิทของลูกจันทร์บอกขึ้น เมื่อวันนี้มีนัดเข้ามาคุยเรื่องจัดงานเลี้ยงบริษัทที่คุณหญิงสายใจเป็นคนติดต่อมาเอง ตอนนี้ทั้งสองกำลังยืนอยู่หน้าบริษัทอันใหญ่โต ซึ่งลูกจันทร์นั้นไม่เคยลืมที่นี่ได้เลยเพราะมันเป็นที่สุดท้ายที่เธอได้เจอกับสตีฟ
“พี่ลีลาช่วยเข้าไปคุยแทนลูกจันทร์ได้ไหมคะ?”
“คะ? เอ่อ ไม่ได้สิคะ คุณหญิงบอกว่าต้องให้คุณลูกจันทร์เข้าประชุมด้วยตัวเอง เพราะเป็นงานใหญ่”
“.................”
และลูกจันทร์ก็ต้องเดินเข้าไปในบริษัทของสตีฟอย่างเลี่ยงไม่ได้
ส่วนสตีฟที่รู้อยู่ก่อนแล้วกำลังรอการมาของลูกจันทร์อย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเขาเริ่มแน่ใจขึ้นเรื่อยๆแล้วว่าจาคอปนั้นน่าจะเป็นลูกชายของเขา
ก๊อก ก๊อก...
ผลั๊วะ!
“มาแล้วเหรอ ไปกันเถอะ”
“เอ่อ...”
นีน่าถึงกับตกใจเมื่อเธอเคาะประตูยังไม่เสร็จแต่มันดันถูกเปิดออกมาอย่างกะทันหันพร้อมเจ้าของห้องเดินออกมา ก่อนที่เขาจะเดินนำเธอออกไปโดยไม่สนใจท่าทางค้างเติ่งของเธอเลยสักนิดจนนีน่าอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
“ผมต้องการคุยกับเจ้านายคุณสองคน ส่วนคนอื่น รบกวนออกไปเดี๋ยวนี้”
พอเดินเข้ามาในห้องประชุม สตีฟไม่พูดพร่ำทำเพลงไล่ทุกคนออกไป เหลือแค่ลูกจันทร์ที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาแถมยังไม่มองเขาอีก และพอทุกคนเดินออกไปจนหมด สตีฟก็เดินมายืนตรงหน้าของเธอ
“ไม่เจอกันนานเลยนะ...ผมหวังว่าคุณจะยังจำผมได้”
เขาพูดขึ้นพร้อมกับมองคนที่เอาแต่นั่งเงียบด้วยความรู้สึกหลากหลาย เวลา 3 ปีที่ไม่ได้เจอกันลูกจันทร์กลับไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
“ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องจำหรือว่าลืมคุณนี่ ฉันมาที่นี่เพราะเรื่องงาน ถ้าเกิดไม่คิดจะพูดเรื่องงานฉันคงต้องขอตัว”
ไม่พูดเปล่าแต่เธอยังลุกขึ้น แต่นั่นถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมากเพราะดันกลายเป็นยืนเผชิญหน้ากับเขาเสียอย่างนั้น พลันหัวใจดวงน้อยที่เคยนิ่งสงบมานานกลับเต้นรัวขึ้นมาอีกครั้ง
บ้าจริง! ทำไมถึงเป็นแบบนี่อีก!
ลูกจันทร์อดก่นด่าตัวเองในใจไม่ได้ที่ยังคงใจเต้นแรงให้กับคนอย่างสตีฟอยู่อีก
“ทำไม? หรือกลัวว่าผมจะรู้เรื่องเด็กคนนั้น”
“.....................”
และพอได้ยินแบบนั้น ลูกจันทร์ถึงกับพูดไม่ออก ร่างกายแข็งทื่อเมื่อสุดท้ายเรื่องที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นกำลังเกิดขึ้นแล้ว
“เขาเป็นลูกผมใช่ไหม?”
“ไม่! ถ้าไม่คุยเรื่องงานงั้นฉันขอตัว”
หมับ!
“บอกความจริงมา จาคอปคือลูกชายผมใช่ไหม?”
ลูกจันทร์ที่กำลังจะเดินหนีออกไปถูกสตีฟจับแขนเอาไว้แน่น จากนั้นเขาก็ถามออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ก็บอกว่าไม่ใช่!”
ลูกจันทร์เองก็ยืนยันเสียงแข็ง ก่อนจะหันกลับมามองสตีฟ สองตาจ้องเขาเขม็งอย่างเอาเรื่อง นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามปีเลยก็ว่าได้ที่เธอได้จ้องมองเขาใกล้ๆแบบนี้
“พิสูจน์สิ แล้วผมจะเชื่อว่าเขาไม่ใช่ลูกของผม”
“เรื่องอะไรฉันจะต้องทำแบบนั้นด้วย อย่ามาคิดไร้สาระ เขาจะเป็นลูกคุณได้ยังไงกัน”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำเอง แค่ตรวจดีเอ็นเอก็รู้แล้ว”
“ก็ลองสิ ฉันจะได้แจ้งจับคุณเข้าคุก”
ลูกจันทร์จ้องเขาอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะสะบัดแขนออกแล้วเดินกลับออกมา ทำเอาพวกที่ยืนอยู่นอกห้องถึงกับมองตามอย่างไม่เข้าใจ ลีลารีบวิ่งตามเจ้านายไปทั้งๆที่สตีฟพึ่งเดินเข้าไปในห้องเพียงไม่กี่นาทีทำให้เธอสับสนว่าการเจรจาธุรกิจครั้งนี้จบเร็วเกินคาดจริงๆ
“เอ่อ บอสคะ...”
ส่วนนีน่าก็เดินเข้าไปในห้องประชุมด้วยท่าทางลังเล เมื่อรอได้พักใหญ่ๆแต่สตีฟก็ยังไม่เดินออกมาสักที
“ยกเลิกตารางงานช่วงบ่ายทั้งหมด”
สตีฟที่ยืนทำหน้าเครียดสั่งขึ้น ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไป เขาเดินไปที่ลิฟต์แล้วกดลงไปชั้นใต้ดินซึ่งเป็นที่จอดรถ
“เฮ้อ ไม่น่ามาเลยจริงๆ...ว๊าย! คุณ...”
ขณะที่ยืนรอรถอยู่ประตูทางออกชั้นใต้ดิน อยู่ดีๆลูกจันทร์ก็ถูกกระชากแขนอย่างแรงจนเธอแทบปลิว ก่อนจะหันมามองคนที่ทำแบบนั้นกับเธอ และก็เป็นสตีฟที่ตามลงมา
“ไปกับผม”
“ไม่! ปล่อยนะคุณ! ฉันบอกให้ปล่อยไง! นี่!”
สตีฟไม่สนใจลากลูกจันทร์ไปที่รถของเขา ก่อนจะจับเธอยัดเข้าไปด้านในพร้อมบังคับไม่ให้ออกมา แล้วเขาก็ขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับก่อนจะขับรถออกไปทันทีโดยมีลีลา เลขาของลูกจันทร์มองตามอย่างมึนงงเมื่อดันมาทันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
“นี่ชักจะเริ่มแปลกๆแล้วนะ...หรือว่าสองคนนั้นรู้จักกันมาก่อน”
เธอได้แต่มองตามอย่างสงสัย
“พาฉันมาที่นี่ทำไม?...”
ลูกจันทร์มองคฤหาสน์ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เมื่อเขาพาเธอมาที่บ้านของเธอโดยไม่ยอมพูดหรืออธิบายอะไรออกมาเลยตั้งแต่ขึ้นรถกันมา
“ลงไปสิ”
สตีฟบอกขึ้น
“ไม่ ฉันยังมีงานต้องทำต่อ...นี่คุณ! จะไปไหน คุณ โอ๊ย!”
แต่ลูกจันทร์ไม่ยอมลงจากรถโดยเอางานขึ้นมาอ้างจนกระทั่งเห็นสตีฟเดินลงจากรถตรงเข้าไปในบ้านของเธอนั่นแหละลูกจันทร์จึงต้องรีบตามลงไปเมื่อไม่อยากให้ลูกชายของเธอได้เจอกับสตีฟอีก แต่ก็เหมือนทุกอย่างไม่เข้าข้างเธอ เมื่อร่างเล็กของจาคอปกำลังเดินตรงมาหาสตีฟเมื่อได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาในบ้าน
“อ่าว สตีฟ เดี๋ยวนี้มาบ่อยนะเรา มาหาเจคอีกละสิ”
“ครับ...”
คุณหญิงสายใจที่เดินตามหลานชายออกมาถึงกับเปิดยิ้มกว้าง เพราะสตีฟเล่นมาหาจาคอปแทบทุกวันจนกลายเป็นเรื่องปกติไปเรียบร้อยแล้ว
“อ่าว ลูกจันทร์ นี่มาด้วยกันเหรอ? หรือพึ่งประชุมกันเสร็จล่ะ”
คุณหญิงสายใจหันไปเจอบุตรสาวที่เดินหน้าตื่นเข้ามาเลยอดถามขึ้นไม่ได้ เมื่อเธอรู้ว่าวันนี้ทั้งสองมีนัดประชุมด้วยกัน
“คะ? เอ่อ ค่ะ...พอดีเขาแค่แวะมาส่งน่ะค่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
ลูกจันทร์รีบบอกโดยมองไปที่สตีฟที่อุ้มลูกน้อยของเธอขึ้นมาอย่างทะนุถนอมพร้อมกับหยอกล้อเล่นสนิทสนมกันจนเธออดแปลกใจไม่ได้
“แปลกใจล่ะสิ ก็สตีฟเล่นมาแทบทุกวัน แถมชอบมีของฝากมาให้จนเจ้าตัวเล็กติดแจเลยล่ะ ดูสิ ยิ่งกว่าพ่อลูกอีก”
คุณหญิงสายใจที่เห็นสีหน้าท่าทางของลูกจันทร์อดพูดออกมาไม่ได้ เมื่อลูกจันทร์นั้นทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลา แถมยังต้องไปค้างที่ต่างจังหวัดบ่อยๆทำให้ไม่รู้เรื่องที่สตีฟเข้านอกออกในบ้านของเธอเป็นว่าเล่น ส่วนสตีฟก็หันมามองลูกจันทร์อย่างเป็นต่อ
“พ่อลูกอะไรกันคะคุณแม่ พ่อของเจคน่ะต่างกับเขาราวฟ้ากับเหวเลยล่ะค่ะ”
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ลูกจันทร์เอ่ยถึงพ่อของจาคอปออกมาให้คุณหญิงสายใจได้รับรู้บ้าง ส่วนสตีฟก็ได้แต่กัดกรามแน่นกับสิ่งที่ได้ยิน เมื่อยังไงเขาก็แน่ใจว่าจาคอปนั้นเป็นลูกของเขา
“คุณแม่ช่วยพาเจคไปเล่นที่อื่นได้ไหมคะ พอดีลูกจันทร์อยากคุยงานกับเขา เอ่อ สตีฟน่ะค่ะ...เรื่องงานเลี้ยง...”
“อ้อ คุยยังไม่จบเหรอ? ได้สิ ไปกันเถอะเจค เดี๋ยวคุณยายพาไปกินขนมอร่อยๆนะครับ”
พอได้ยินแบบนั้นคุณหญิงสายใจรีบเดินไปอุ้มหลานชายมาจากสตีฟ แต่ดูท่าจาคอปจะกอดคอของสตีฟเอาไว้แน่น จนสตีฟอดยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับ เด็กไม่รู้เรื่องหรอกครับ...ถ้าอยากคุยก็เชิญเลย ผมไม่ถือ”
สตีฟบอกออกมาพร้อมกับกอดร่างเล็กที่ดูออดอ้อนของจาคอปเอาไว้อย่างอ่อนโยนจนคุณหญิงสายใจอดยิ้มไม่ได้
ถ้าสองคนนี้เป็นพ่อลูกกันจริงๆคงดี...
คุณหญิงสายใจอดคิดขึ้นไม่ได้ เมื่อเธอรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่เห็นจาคอปออดอ้อนสตีฟแบบนี้ เพราะคิดว่าบางทีหลานของเธออาจโหยหาความอบอุ่นจากคนเป็นพ่อก็ได้ถึงได้ติดสตีฟแจขนาดนี้
ส่วนลูกจันทร์เองก็มองภาพตรงหน้าอย่างสะท้านในอก ถ้าวันนั้นเขาไม่ผลักไสไล่ส่งเธอโดยขาดความรับผิดชอบแบบนั้น วันนี้ภาพตรงหน้าอาจเป็นภาพที่เธอมองแล้วมีความสุขที่สุดในชีวิตก็เป็นได้ แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่มีคือสงสารและเสียใจที่ทำให้ลูกชายของเธอโหยหาคนเป็นพ่อมากมายขนาดนี้
“งั้นแม่ไปเตรียมอาหารก่อนนะ คุณพ่ออยากทานแกงส้มชะอมไข่น่ะ”
พอเห็นว่าจาคอปคงไม่ยอมออกห่างจากสตีฟ คุณหญิงสายใจเลยต้องยอมแพ้แล้วเอ่ยขอตัวไปทำอาหารให้สามีทาน ปล่อยให้ลูกจันทร์ที่บอกจะคุยงานกับสตีฟได้แต่เดินนำเขาไปที่ห้องประชุมเล็กในบ้านของเธอ
“เจค มาหาคุณแม่มา”
“อื้อ!!”
พอเดินเข้ามาด้านใน ลูกจันทร์รีบเอื้อมมือไปอุ้มลูกชายคืนจากสตีฟ แต่ดูท่าจาคอปจะไม่อยากอยู่กับเธอเมื่อเอาแต่เบี่ยงหนีแถมกอดคอสตีฟแน่น
“เจค!”
“พอเถอะคุณ! จะขึ้นเสียงทำไม?”
สตีฟรีบเอ่ยห้ามเมื่อเห็นว่าลูกจันทร์เริ่มเสียงดังใส่จาคอป
“คุณจะเข้ามายุ่งกับชีวิตฉันอีกทำไม!? เป็นคุณที่ไล่ฉันออกจากชีวิตคุณแล้วจะกลับเข้ามาอีกทำไมห๊ะ!!”
ลูกจันทร์ที่หมดความอดทนตะโกนถามพร้อมด้วยสองตาแดงก่ำ เธอก้าวผ่านความเสียใจมามากพอแล้ว และเธอก็ไม่อยากจะกลับไปยังจุดนั้นอีกครั้งแล้ว เธอมีความสุขกับลูกชายของเธอก็ดีอยู่แล้ว เขายังจะเข้ามาทำลายทุกอย่างในชีวิตเธออีก
“ฮึก! แงๆๆๆ แงๆๆๆๆ”
และจาคอปที่เห็นว่ามารดาเสียงดัง ตกใจจนร้องไห้ออกมาก่อนจะเอื้อมมือมาให้มารดาอุ้ม ลูกจันทร์ที่เห็นลูกร้องถึงกับตกใจเมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าทำผิดลงไป เธอเอื้อมมือไปโอบเอาลูกน้อยมาอุ้มอย่างรู้สึกขอโทษและเริ่มปลอบประโลม ทำเอาสตีฟที่เห็นภาพตรงหน้าอดที่จะรู้สึกเสียใจไม่ได้ ถ้าวันนั้นเขาไม่ผลักไสไล่ส่งเธอ เขาเองก็จินตนาการไม่ออกเลยจริงๆว่าวันนี้จะเป็นยังไง เพราะถ้าเกิดเขารู้ว่าเธอท้องกับเขา ไม่มีวันที่เขาจะปล่อยให้เธอได้เลี้ยงลูกตามลำพังอย่างแน่นอน
ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ
และเสียงโทรศัพท์ของสตีฟก็ดังขึ้น เขาเอื้อมมือไปเอามันมากดรับสายพร้อมกับจ้องมองสองแม่ลูกที่กอดปลอบกันอยู่
“แน่ใจนะ...ส่งเอกสารมาให้ฉันด้วย...อืม...ขอบใจมาก...อืม...”
สตีฟคุยโทรศัพท์ไม่กี่นาทีก็กดวาง เมื่อสิ่งที่เขารอคอยมาเกือบอาทิตย์กำลังถูกรายงานออกมา เขาตอบรับด้วยหัวใจเต้นรัวทั้งๆที่พอจะรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว แต่เพื่อความแน่ใจเขาเลยแอบตรวจดีเอ็นเอระหว่างเขากับจาคอป
“น้องเขยของคุณโทรมา...ผมขอให้เขาทำงานผิดกฎหมายอย่างหนึ่งให้...”
สตีฟบอกขึ้นเมื่อกดวางสายไปเรียบร้อยแล้ว ทำเอาลูกจันทร์ถึงกับมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ เพราะแค่นั้นก็รู้แล้วว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“รู้ใช่ไหมว่าเป็นเรื่องอะไร...”
“คุณมัน...”
“เขาเป็นลูกของผม...เจคเป็นลูกชายของผม”
“................”
สตีฟบอกออกมาพร้อมกับมองจ้องลูกจันทร์ เธอกล้าปิดบังเขามาได้ยังไงตั้ง 3 ปี เธอยอมเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวทั้งๆที่พ่อของลูกเธอยังมีชีวิตอยู่แถมไม่เคยรับรู้ด้วยซ้ำว่าเขามีลูก
“ใช่ เขาเป็นลูกคุณ...แล้วจะมาพูดตอนนี้เพื่ออะไร? อยากรับผิดชอบ? หรือรู้สึกผิด? ฉันขอบอกเลยว่าฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณเลยสักอย่าง ไม่ต้องการความรับผิดชอบในฐานะอะไรก็ไม่ต้องการ ขอแค่อย่ามายุ่งกับเราก็พอ”
“.....................”
สตีฟมองลูกจันทร์ด้วยความรู้สึกหลากหลาย เมื่อ 3 ปีก่อนนั้นเขายอมรับว่าทั้งโกรธ ทั้งรังเกียจที่เธอทำตัวแบบนั้น แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกผิดที่ตัดสินเธอทั้งๆที่รู้จักกันแค่ไม่นาน ถ้าเป็นเมื่อ 3 ปีก่อนเขาคงคิดว่าเธอต้องไปเอาลูกออกอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เธอกลับทำให้เขารู้สึกผิดที่คิดแบบนั้นกับเธอ เมื่อลูกจันทร์ไม่บอกเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแถมยังเลี้ยงดูลูกชายของเขามาอย่างดีเสียด้วยนี่สิที่ทำให้เขาเสียใจ พอเธอพูดว่าขอร้องไม่ให้เขามายุ่งกับเธอและลูก สตีฟถึงกับละอายกับสิ่งที่ทำลงไป
“ฉันขอร้อง ออกไปจากชีวิตของเราเถอะ เราอยู่กันได้โดยไม่ต้องมีคุณ แค่ใช้ชีวิตของคุณต่อไปเหมือนกับไม่เคยมีเราสองคน...”
และสตีฟก็ต้องหันหลังเดินกลับออกมาโดยไร้คำพูดใดใด ส่วนลูกจันทร์พอสตีฟเดินออกไปเธอถึงกับปล่อยน้ำตาออกมาพร้อมกับกอดร่างเล็กของลูกชายเอาไว้แน่น และยิ่งเธอร้องไห้ดังมากขนาดไหนจาคอปก็ร้องออกมาดังมากขึ้นเรื่อยๆจนสุดท้ายลูกจันทร์ต้องกลั้นสะอื้นหยุดร้องไห้ เมื่อเธอร้องลูกชายก็ร้องตามไม่หยุดเหมือนกัน