“แล้วเรามาทำอะไรที่นี่อีกวะเนี่ย...ไม่มีใครเห็นใช่ไหม?”
หลายวันถัดมา สตีฟที่กำลังยืนด้อมๆมองๆอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่เอาแต่มองซ้ายมองขวาเพราะกลัวว่าจะมีคนมาเห็นเข้า เมื่อเขาทำแบบนี้มาเกือบๆอาทิตย์แล้ว พอจะเลิกคิดถึงเรื่องเด็กคนนั้น เขาก็ทำไม่ได้เลยได้แต่มายืนแอบดูอยู่อย่างนี้
“ใครล่ะ?...หน้าคุ้นๆนะเรา”
และเขาก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีคนเดินเข้ามาเรียก และพอหันไปมองสตีฟก็ต้องเลิกลัก
“เอ่อ คุณลุง...สวัสดีครับ เอ่อ ผมสตีฟ...ลูกชาย...”
สตีฟรีบเอ่ยแนะนำตัวออกมาด้วยเสียงตะกุกตะกัก เมื่อเป็นอดีตท่านนายกรัฐมนตรีอย่าง พลเอกพิชัย บิดาของลูกจันทร์เดินเข้ามาถาม เพราะออกมาเดินเล่นนอกบ้านแล้วเจอกับสตีฟเข้า
“อ้อ นี่ลูกชายของคุณดวินกับคุณหญิงแสนศิริสินะ ถึงว่าหน้าคุ้นๆ ว่าแต่มีธุระอะไรล่ะเข้าไปในบ้านก่อนไหม?”
“...................”
และสตีฟก็เดินตามท่านพิชัยเข้าไปในบ้าน สองตาของเขาเอาแต่กวาดมองหาจาคอป จนท่านพิชัยอดสงสัยกับท่าทีแปลกๆนั่นไม่ได้
“มีอะไรรึเปล่า หืม?”
ท่านพิชัยหันไปถามก่อนจะเดินเข้าบ้าน
“ครับ? เอ่อ พอดีผมเคยเจอหลานชายของคุณลุง...แล้วรู้สึกถูกชะตาน่ะครับ แกไม่อยู่บ้านเหรอครับ?”
“อยู่สิ นอนอยู่ แต่เดี๋ยวน่าจะตื่นแล้วล่ะ เข้าไปในบ้านกันเถอะไป”
“ครับ”
จากนั้นสตีฟก็เดินตามท่านพิชัยเข้าไปในบ้าน เมื่อท่านพิชัยนั้นพึ่งสึกออกมาหลังจากบวชนานนับปี แต่พอรู้ว่าลูกสาวคนโตหอบหลานชายอายุ 2 ขวบกลับบ้านก็เลยทนบวชต่อไม่ไหวเมื่อหัวใจมันตื่นเต้นที่มีหลานมาอยู่ด้วย
“อ่าว สตีฟนี่...มาทำอะไรที่นี่เหรอ?”
พอเดินเข้าไปในห้องรับแขกคุณหญิงสายใจที่เดินจูงมือหลานชายเดินลงบันไดมาเจอเข้าถามขึ้นอย่างรู้สึกแปลกใจที่เจอสตีฟที่นี่ เพราะหลังๆมานี้เธอรู้สึกว่าเจอเขาบ่อยเหลือเกิน
“สวัสดีครับคุณป้า...สวัสดีครับตัวเล็ก”
สตีฟยกมือขึ้นสวัสดีคุณหญิงสายใจแต่สองตากลับเอาแต่มองร่างเล็กของจาคอป ที่มองเขาอย่างรู้สึกสงสัย ทำเอาสตีฟยิ่งรู้สึกว่าเด็กตรงหน้านั้นช่างเหมือนเขาเหลือเกิน หัวใจที่เคยสงบมาตลอด 36 ปีกำลังเต้นระรัว
“เอ่อ พอดีผม...จะจัดงานเลี้ยงบริษัท เลยอยาก...เอ่อ รู้ข้อมูลน่ะครับ”
คำแก้ตัวข้างๆคูๆของสตีฟทำเอาสองสามีภรรยาถึงกับมองหน้ากันอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา ก่อนจะพากันเดินไปนั่งที่โซฟารับแขกแทน
“ป้าว่าเรื่องจัดเลี้ยงคงต้องปรึกษาลูกจันทร์ ป้าเองก็วางมือมานานแล้ว อาจมีข้อมูลไม่ครบน่ะ”
“อ้อ ครับ”
“เดี๋ยวป้าให้ลูกจันทร์ติดต่อกลับไป...ว่าแต่มีเรื่องอะไรอีกไหม?...”
คุณหญิงสายใจถามขึ้นพร้อมกับมองท่าทีแปลกๆของสตีฟไม่วางตา
“ครับ? เอ่อ ไม่มีแล้วครับ”
“อืม งั้นถ้าลูกจันทร์กลับมาป้าจะบอกให้ติดต่อไปหรือจะให้คนติดต่อไปที่บริษัทเลยก็ได้...ป้าว่าน่าจะเร็วและได้ข้อมูลละเอียดกว่าด้วย”
และนั่นคือสิ่งที่ทำให้คุณหญิงสายใจสงสัยเพราะปกติจัดงานเลี้ยงบริษัทแต่ละที่ไม่เคยมีผู้บริหารหรือประธานบริษัทเข้ามาติดต่อเองเลยสักครั้งแล้วยิ่งมาหาที่บ้านยิ่งไม่เคยมีมาก่อน ขนาดพวกคุณหญิงคุณนายยังแค่โทรมาจองเสียด้วยซ้ำ
“แล้ว...เด็กคนนี้...เอ่อ ใคร...เป็นพ่อ...เหรอครับ?”
สตีฟถามขึ้นอย่างไม่คิดรักษามารยาท เมื่อเขานั้นอยากรู้เหลือเกินว่าจะเป็นอย่างที่เขาคิดหรือเปล่า
“อยากรู้ไปทำไม? หรือรู้ว่าใครกันคือพ่อของเจ้าตัวเล็กนี่?”
เป็นท่านพิชัยที่นั่งฟังอยู่นานถามขึ้น เมื่อเขาเองก็สงสัยตั้งแต่เห็นสตีฟยืนด้อมๆมองๆอยู่หน้าบ้านแล้ว แถมมาเจอคำพูดตะกุกตะกักตอบแบบขอไปทีเขายิ่งสงสัย
“เอ่อ ผมแค่เห็นว่าน่ารัก และก็รู้สึกถูกชะตาด้วย...แล้ว...พ่อเขาล่ะครับใครกัน?”
สตีฟยังไม่ลดความพยายาม
“เราก็ไม่รู้หรอก ตอนมีหลานเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ”
คุณหญิงสายใจบอกออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง เมื่อตอนนี้คงรู้กันไปทั่วแล้วว่าลูกสาวคนโตของเธอหอบลูกชายกลับบ้านเกิด และจะว่าไปท้องกับชาวต่างชาติก็คงไม่ใช่ เมื่อหลานของเธอนั้นหน้าตาไทยแท้แน่นอนเลยทีเดียว
ส่วนสตีฟ ยิ่งได้ยินแบบนั้นเขายิ่งแน่ใจแล้วว่าเด็กคนนี้อาจเป็นลูกชายของเขาก็เป็นได้ ก่อนเขาจะเริ่มเข้าใกล้และเดินไปทักทายจาคอป จากนั้นแค่ไม่นานจาคอปก็เริ่มเล่นกับสตีฟอย่างสนิทสนมจนเสียงหัวเราะดังเล็ดลอดออกมานอกห้องรับแขกจนคนที่พึ่งเดินเข้ามาในบ้านต้องหยุดชะงักกับเสียงหัวเราะชอบใจของลูกชายตัวน้อยของเธอ
“ใครมาเหรอ? ดูท่าเจคจะชอบใจ หัวเราะดังเชียว”
ลูกจันทร์หันไปถามคนรับใช้ที่เดินถือกระเป๋าตามเธอเข้ามา
“คุณสตีฟน่ะค่ะ ลูกชายของคุณหญิงแสนศิริค่ะ”
“................”
และลูกจันทร์ก็ต้องหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินว่าเป็นสตีฟที่ทำให้จาคอปหัวเราะดังขนาดนั้น
“ไม่ต้องบอกนะว่าฉันกลับมาแล้ว”
“ค่ะ...”
เธอหันไปบอกคนรับใช้ ก่อนจะเดินเลี่ยงขึ้นไปบนบ้านแทนที่จะเข้าไปทักทายบิดามารดาและลูกชายเหมือนอย่างที่เคยทำ
ส่วนในห้องรับแขก พอได้ยินเสียงหัวเราะและท่าทางมีความสุขของหลานชาย ทั้งคุณตาคุณยายก็ลืมความสงสัยกันไปเสียสนิทเพราะสตีฟกับจาคอปดูเข้ากันได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ปกติแล้วจาคอปจะไม่ให้ใครแตะต้องหรือเล่นด้วยง่ายๆ แต่สตีฟกลับทำได้ในเวลาแค่ไม่กี่นาที
“เหนื่อยเลยล่ะสิ เจคน่ะ ถึงจะตัวเล็กแต่แรงเยอะใช่เล่น ถ้าวันไหนเกิดคิดถึงก็แวะมาเล่นกับแกก็ได้นะ กำลังจะหัดให้พูดภาษาไทยด้วย พอดีพี่เลี้ยงของเขาเป็นคนอังกฤษ เลยพูดไทยไม่ได้น่ะ”
สตีฟเล่นกับจาคอปจนมืดค่ำ ก่อนจะขอตัวกลับเมื่อจาคอปเริ่มงอแงหิวข้าวแล้วโดยมีท่านพิชัยเดินมาส่งที่รถ
“ครับ ผมจะมาอีกแน่นอน...”
สตีฟตอบรับออกมาโดยไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของเขานั้นอยู่ในสายตาของพลเอกพิชัยทั้งหมด ประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันใหญ่โตแต่กลับสละเวลาอันมีค่ามาเล่นกับเด็กตัวเล็กๆจนมืดค่ำแถมยังบอกจะมาอีกยิ่งทำให้ท่านพิชัยสงสัยกับทุกอย่างที่สตีฟทำ และสิ่งแรกที่เขาคิดสงสัยและอยากหาคำตอบคือลูกสาวคนโตของเขากับสตีฟเคยรู้จักหรือมีความสัมพันธ์กันมาก่อนหรือไม่ และเขาคงต้องเริ่มหาคำตอบนั้นแล้ว