ก็เพราะแบบนี้ไง
‘อะไรนะคะ’
‘แค่คืนนี้และไม่ผูกมัด’
พลอยดาวรู้ว่าความหมายของคำนั้นดี แต่ไม่คิดว่าเขาจะชวนง่ายๆ หรือเพราะเขาทำให้มันเป็นเรื่องง่ายๆ เธอจึงตัดสินใจได้แทบจะในทันที
ตอนนี้กวิวัชร์รู้สึกกลายร่างเป็นสัตว์กินเนื้อที่อยากกินเจ้ากระต่ายน้อยขึ้นมาแล้วสิ
..........
โทรศัพท์มือถือเครื่องบางเฉียบส่งเสียงอยู่นานแต่เจ้าของมือถือยังจดจ่ออยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ค ซ้ำยังใส่หูฟังทำให้ไม่ได้ยินเสียง จนกระทั่งบิดาเดินเข้ามาแตะไหล่ลูกสาวเบาๆ ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัว
“มือถือดังนะลูก”
“อุ้ย ขอบคุณค่ะพ่อ”
พลอยดาวยิ้มให้พ่อแล้วรีบถอดหูฟังออก หยิบมือถือขึ้นมาดู แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มให้พ่อ “ยัยมุกโทรมาค่ะพ่อ พ่ออยากคุยกับน้องไหมคะ”
“ถ้ามุกอยากคุยกับพ่อคงโทรหาพ่อเองแหละ” พ่อยื่นมือไปลูบผมเบาๆ แล้วเดินออกมาจากห้องหนังสือที่ลูกสาวยึดเป็นห้องทำงาน
หญิงสาวเห็นพ่อหันหลังเดินออกไปแล้วจึงกดรับสายของ ‘พราวมุก’ น้องสาวฝาแฝดของเธอเอง
“ว่าไงยัยมุก”
“รับสายช้ามาก ถ้ามุกเป็นอะไรไปจะทำยังไง”
“ถ้าด่วนขนาดนั้น มุกก็โทรหาพ่อสิ”
“ไม่เอา! พ่อไม่ชอบหน้ามุก”
“จะเป็นไปได้ไง หน้ามุกกับหน้าพลอยเหมือนกันเป๊ะ ขนาดไปทำงานแทนมุกคนที่บริษัทยังไม่รู้เลย” พลอยดาวหัวเราะเสียงใสแล้วมองไปทางประตูอีกครั้งให้มั่นใจว่าพ่อไม่อยู่บริเวณนี้แล้วจริงๆ
“งั้นมาช่วยมุกอีกครั้งนะ”
“อีกแล้วเหรอ” พลอยดาวทำหน้ามุ่ยแล้วใช้ปลายนิ้วดันแว่นตาขึ้นอย่างเคยชิน
“น่านะ พี่สาวคนดีของพราวมุก” ปลายสายออดอ้อน
“พี่สาวอะไรกัน เกิดก่อนแค่สิบนาทีเอง”
“มุกมาทำงานที่นี่ยังไม่ครบสามเดือน มุกไม่อยากเสียประวัติ อีกอย่าง วันเสาร์ทำงานครึ่งวัน พลอยแค่มาตอกบัตรแทนมุก นั่งสวยๆ หน้าคอมพ์ก็พอ มุกทำทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว”
ก็เพราะแบบนี้ไง พลอยดาวถึงได้แอบไปทำงานแทนพราวมุก
“แล้วทำไมคราวนี้หยุดงานล่ะ” ครั้งก่อนที่เธอเข้าบริษัทแทนพราวมุกก็เพราะน้องติดงานอื่น พราวมุกเป็นคนแอคทีฟ มีกิจกรรมให้ทำมากมายนับไม่หวาดไม่ไหว เธอยังแปลกใจที่พราวมุกตัดสินใจไปทำงานประจำในบริษัทแห่งหนึ่ง
“ไปช่วยเป็นล่ามภาษามือค่ะ” พราวมุกตอบไปตามตรง
“อ้อ...” พลอยดาวพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ พราวมุกเรียนภาษามือและยังเป็นจิตอาสาทำกิจกรรมกับผู้พิการอยู่บ่อยๆ
“วันเสาร์นี้ใช่ไหม”
“จ๊ะ”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นพลอยไปทำงานแทนให้ครึ่งวัน”
“น่ารักที่สุด วันศุกร์มาค้างกับมุกเลยนะ แล้วพลอยทำคุกกี้มาฝากมุกด้วยนะ ที่ห้องมุกไม่มีขนมแล้ว”
“เห็นพลอยเป็นร้านค้าเหรอ” พลอยดาวหัวเราะ
“ที่อื่นไม่อร่อยเหมือนที่พลอยทำนี่ คุ้กกี้ของพลอยกินกับกาแฟเข้ากันที่สุด”
“คราวที่แล้วทำให้ตั้งกล่องใหญ่ หมดแล้วจริงๆ เหรอ” พลอยดาวถามอย่างไม่เชื่อนัก
“ก็ทำงาน ใช้พลังงานเยอะก็เลยกินเยอะไง”
“ได้ๆ เอาอะไรอีกไหม”
“ก็แล้วแต่พลอยเลย”
“เข้าใจแล้ว งั้นเจอกันเย็นวันศุกร์นะ”
“มารอที่คอนโดเลยก็ได้นะ มานั่งๆนอนๆรอมุกได้เลย”
“รู้แล้ว”
พลอยดาวคุยกับพราวมุกอีกนิดหน่อยแล้ววางสาย เธอมองดูภาพบนหน้าจอโน้ตบุ๊คครู่หนึ่ง จัดการเซฟงานแล้วพับหน้าจอลง ลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมาแล้วเดินออกมาที่ห้องรับแขกซึ่งไม่มีแขกมาหานานแล้ว กลิ่นกาแฟทำให้เธอรู้ว่าพ่อนั่งอ่านหนังสือที่โซฟาตัวนั้น
“กินกาแฟตอนสองทุ่มจะไปหลับตอนไหนคะพ่อ”
คุณวิทยาหน้าแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้ลูกสาว “มันชินแล้ว”
“พลอยบอกพ่อหลายครั้งแล้วนะคะ พ่อต้องดูแลสุขภาพให้มากกว่านี้ พลอยไม่ได้ให้พ่อเลิกดื่มกาแฟนะคะ แต่อยากให้ลดลงหน่อย”
“จ๊ะๆ พ่อเชื่อลูก” พ่อหัวเราะในลำคอแล้ว “น้องมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
พ่อหมายถึงพราวมุก
พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ลูกอายุได้สิบขวบ พลอยดาวแฝดพี่มาอยู่กับพ่อ ส่วนพราวมุกแฝดน้องไปอยู่กับแม่ พ่อของเธอเป็นอาจารย์ภาควิชาภาษาตะวันออก ตอนที่เธอยังเด็กกว่านี้ พ่อเป็นวิทยากรเดินทางไปบรรยายตามมหาวิทยาลัยหลายจังหวัด ทุกครั้งที่เดินทางก็มักจะพาเธอไปด้วย เธอจึงชินกับการเดินทางกับพ่อและใช้ชีวิตสายนักวิชาการ พ่อทุ่มเทกับพลอยดาวมาก ไม่มีผู้หญิงคนใหม่ ในขณะที่แม่แต่งงานใหม่หลังจากหย่ากับพ่อได้สามปีและย้ายไปต่างประเทศกับสามีใหม่
แม้ว่าพลอยดาวกับพราวมุกจะไม่ได้ใช้ชีวิตพี่น้องร่วมกัน แต่ตลอดเวลาที่ผ่าน ทั้งสองไม่เคยขาดการติดต่อ ทุกครั้งที่พราวมุกกับแม่กลับมาเยี่ยมคุณยายที่เมืองไทย เธอก็ได้ไปพบแม่ด้วยทุกครั้ง เธอรู้ว่าพ่อกับแม่จบไม่สวยนัก แต่ก็ไม่เคยเอาเรื่องที่ผู้ใหญ่ผิดใจกันไปลงที่เด็ก ไม่เคยห้ามปรามถ้าเธอจะมาเจอแม่ รวมทั้งแม่ก็อนุญาตให้พราวมุกมาเยี่ยมพ่อ แต่นิสัยของพราวมุกตรงข้ามกับพลอยดาวทุกอย่าง หลายครั้งที่พลอยดาวคิดว่าพราวมุกได้ความกล้าหาญ มั่นใจในตัวเองไปหมดสิ้น ตัวเธอขี้อายไม่กลายตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเอง
“วันศุกร์นี้พลอยไปค้างกับมุกนะคะพ่อ” พลอยดาวขออนุญาตพ่อไว้ก่อน เกรงว่าพ่อมีงานให้เธอช่วยแล้วจะปลีกตัวมาไม่ได้
“ทำไมไม่ชวนน้องมาค้างที่บ้านนี้ บ้านนี้ก็เป็นของมุกเหมือนกัน” คุณวิทยาถอนหายใจเบาๆ “พ่อน่าจะรับลูกทั้งสองคนมาเลี้ยงเอง”
“โธ่ พ่อค่ะแม่ก็เหงาเหมือนกันแหละค่ะ”
พลอยดาวหัวเราะเสียงใส เรื่องพ่อแม่แยกทางมันไม่ใช่ปัญหาของเด็ก ยิ่งเติบโตขึ้น เธอก็พอจะเข้าใจว่าทำไมแม่เลิกกับพ่อ พ่อเป็นพ่อที่ดีแต่อาจไม่ใช่สามีที่เอาใจภรรยา พ่อทำงานเก่งแต่ไม่ใช่คนที่จะดูแลใคร เป็นเธอเสียอีกที่ดูแลงานบ้านทุกอย่างแทน แรกๆ พ่อจ้างแม่บ้านมาทำงานเป็นรายวัน แต่พอเธอโตขึ้นหน่อยก็รับผิดชอบเรื่องในบ้านได้เอง ทั้งซักเสื้อผ้า รีดเสื้อ แต่ถ้าเป็นชุดสูทก็ส่งร้านซักรีด อาหารก็หัดทำง่ายๆ จนทำเองได้คล่อง ค่อยดูแลพ่อที่ทำงานจนลืมเวลากินข้าวเสมอ
“พ่อคงลืมไปแล้วนะคะ ว่าลูกสาวพ่ออายุยี่สิบสองแล้ว ไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้ว”
คราวนี้พ่อถอนหายใจอีกระลอก “แป๊บเดียวเอง ลูกก็โตเป็นสาวแล้ว”
“พ่อก็เลิกเป็นห่วงพลอยกับมุกได้แล้วค่ะ พ่อน่าจะ...”
“ไม่เอาล่ะ พ่ออยู่แบบนี้ดีแล้ว” พ่อตัดบททันทีเพราะรู้ว่าลูกสาวจะพูดเรื่องอะไร เขารู้ว่าลูกเป็นห่วงไม่อยากให้เขาใช้ชีวิตคนเดียวไปจนแก่ แต่เคยแต่งงานแล้วและทำชีวิตครอบครัวพังมาแล้ว เขาอยู่แบบนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ได้มองดูลูกสาวเติบโตขึ้นทุกวัน เขาก็มีความสุขมากแล้ว
“มุกยังอยู่ที่ไทยอีกนานค่ะพ่อ เอาไว้คราวหน้าเราไปกินข้าวนอกบ้านกันดีไหมคะ ช่วงนี้ทางการก็ให้ร้านอาหารเปิดขายปกติแล้ว หรือจะไปหาอาหารทะเลอร่อยๆ แถวบางปูกันดีไหมคะ ไปครั้งล่าสุดนี่น่าจะห้าปีที่แล้ว”
ห้าปี...คราวนี้พ่อนิ่งไปครู่หนึ่ง นี่เขาไม่ค่อยได้พาลูกเที่ยวเลยสินะ
เพราะรู้ว่าพ่อคิดเรื่องอะไรอยู่ พลอยดาวขยับไปนั่งข้างๆ เอนศีรษะพิงไหล่
“พ่ออย่าคิดมากสิ พลอยก็ไม่ได้อยากไปไหนอยู่แล้ว อ้อ! ที่พ่อให้ลองแปลบทความเป็นภาษาอังกฤษ พลอยทำเสร็จแล้ว พ่อลองตรวจดูไหม”
“อืม”
พลอยดาวเห็นพ่อกลับมาเป็นปกติก็ลอบถอนหายใจเบาๆ เธอลุกขึ้นเดินกลับไปหยิบโน้ตบุ๊ตเพื่อ กลับมาเปิดงานให้พ่อตรวจดู
แวบหนึ่งในใจพลันปรากฏใบหน้ามึนตึงของผู้ชายที่เธอไม่อยากคิดถึง ได้เจอแค่ครั้งเดียวแต่เขาทำหน้าดุจนเธอไม่กล้าสบตา หวังว่าไปทำงานแทนพราวมุกครั้งนี้จะไม่ต้องเจอผู้ชายคนนั้นอีกนะ.