ตอนที่ 7 อาเชาคนซื่อ
หลังจากที่พี่ชายร่วมสาบานได้เดินทางกลับวังหลวงไปแล้ว ก็หลงเหลือเพียงเขาเท่านั้น อาเจากำลังไปเตรียมม้าให้เขา มือหนาแกร่งหยาบกระด้าง เพราะวัน ๆ เอาแต่จับเหล็กกล้าเนื้อดีฟาดฟันกับเหล่าทหารในกอง
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าของนางขึ้นมาพร้อมกับปอยผมที่นางตัดมันทิ้ง มันคือการตัดสัมพันธ์สามีภรรยา อีกทั้งยังเห็นตัวก่อเรื่องคือหนังสือหย่าร้างที่เขามักจะพูดกรอกหูของนางตลอด
พลันบุรุษชาตินักรบกลับหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสาย เมื่อนึกถึงคำพูดของตนเองที่ได้ทำร้ายจิตใจของอีกฝ่าย เขาสะอื้นไห้เบา ๆ คิดถึงใบหน้างดงามยามนางนอนหลับ และยามนางก่นด่าเขา มองเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่นางเอาซ่อนไว้ใต้หมอน
เขาเคยแอบดูว่ามันคือบัญชีของจวน นางละเอียดรอบคอบ จนทำให้เขานั้นกลายเป็นคนผิดที่ไม่กล้าจะสู้หน้านางเลย มารดาเคยพร่ำสอนให้เชื่อฟังถ้อยคำของภรรยาบ้าง
ข้างนอกบุรุษเป็นใหญ่ แต่ในเรือนภรรยาเป็นใหญ่ ถึงจะได้ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน
เขามิเคยเชื่อคำพูดเหล่านั้นเลย แต่วันนี้เขากลับคิดได้
เขาเองที่ผิด ผิดตั้งแต่แรกที่เอ่ยเรื่องขอหย่า ผิดตั้งแต่ตั้งเงื่อนไขบ้า ๆ ให้นาง
ผิดที่เขาทำให้นางเสียใจจนออกไปร่อนเร่อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วไม่รู้ว่าเจออันตรายหรือไม่ การเดินทางไม่ใช่ใกล้ ๆ ป่านนี้คงจะหิว นอนตอนกลางคืนใครจะคอยห่มผ้าให้
คนที่ถูกห่วงหานั้นกำลังสำรวจเรือนไม้ที่หลังไม่ได้ใหญ่มาก นางพอใจนักกับเรือนไม้หลังนี้ เมื่อตกลงกับเจ้าของเรือนว่านางจะขอซื้อต่อ อีกฝ่ายก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เมืองถงเยี่ยน ติดกับเมืองหลวงแต่เรือนของนางจะเลยใจกลางเมืองออกมาสักเล็กน้อย บรรยากาศร่มรื่นนักมีต้นไม้น้อยใหญ่มากมายอีกทั้งยังมีสวนด้วย พื้นที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็กว้างขวางพอจะอยู่ได้ไม่ได้คับแคบนัก
อาเชาเก็บรถม้าเอาไว้ที่ข้างเรือน จากนั้นก็เดินตรงไปยังเจ้านายที่สาละวนจัดแจงเก็บของ ให้เข้าที่เข้าทาง เห็นคนท้องทำงานเช่นนี้ก็นึกสงสารไม่น้อย
“ฮูหยิน ข้าน้อยช่วยขอรับ” อาเชาอาสาช่วยเจ้านาย ที่เห็นคนคุ้มกันก็พอจะคุ้นหน้ากันอยู่บ้าง มีเงาของท่านแม่ทัพติดตามมาดูแลสามคน รวมเขาเป็นสี่คน ที่คอยคุ้มกันเจ้านายระหว่างเดินทางท่องเที่ยว
พวกเขาเหล่านั้นขึ้นตรงต่ออาเชา เพราะเขาเป็นหัวหน้าหน่วยดูแลความปลอดภัยของฮูหยินที่ได้รับมอบหมายจากท่านแม่ทัพ แม้แต่มดสักตัวก็ห้ามกัด ปากบอกพวกเขาให้ดูแลนางให้ดี แต่ท่านแม่ทัพกลับทำร้ายฮูหยินด้วยคำพูดครั้งแล้วครั้งเล่า
“อืม ขอบคุณท่านมาก ว่าแต่ท่านจะกลับเลยหรือไม่” อวี้เหยาเมื่อถึงจุดหมายจึงได้ถามสารถีที่รับจ้างขับรถม้ามาส่งนางที่เมืองถงเยี่ยน
“ไม่ขอรับ ฮูหยิน ข้าน้อยได้รับเงินมามากจะอยู่ดูแลจนกว่าฮูหยินจะเอ่ยปากไล่” อาเชารีบหาข้ออ้างเพื่อจะได้อยู่ดูแลอย่างสะดวก
“ข้ากับพวกพ้องอีกสามคนไร้ญาติขาดมิตร อีกอย่างฮูหยินเป็นเพียงสตรี เกรงว่าจะเกิดอันตราย พวกข้าน้อยกินง่าย อยู่ง่าย ฮูหยินไม่ต้องลำบากจ่ายเงินให้พวกข้าหรอกขอรับ ขอเพียงแค่ที่นอนก็พอ” ข้ออ้างนี้ทำให้ฮูหยินสงสัยหรือไม่ เขาก็ไม่อาจจะคาดเดาได้
อวี้เหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อคิดไตร่ตรองก็เป็นดังที่เขาว่า แต่นางก็ไม่ได้ไว้ใจใครง่าย ๆ อาเชาหน้าตาซื่อ ๆ นางก็รับไว้แล้วกัน ดูท่าจะไม่มีพิษภัยกับนาง
รูปร่างเขาก็ไม่ได้สูงใหญ่อย่างท่านแม่ทัพนัก และนางก็กวาดตามองชายอีกสามคนที่กล่าวอ้างว่าเป็นสหายร่วมเดินทาง
“อืม ก็ได้ แต่ว่าเงินทองข้ามีน้อยนัก อีกอย่างข้ากำลังท้องเกรงว่าจะทำให้พวกเจ้าลำบากแล้ว” ใจจริงก็ไม่ได้อยากรับไว้ทั้งหมด แต่เห็นว่าพวกเขานั้นดูหน้าตาใสซื่อ นางจึงได้รับไว้ แต่ละคนอดที่จะยิ้มแย้มอย่างดีใจไม่ได้
ภายใต้หน้าตาใสซื่อ แต่ละคนไม่ต้องพูดถึงเรื่องวรยุทธ์เลย ล้ำลึกนัก อวี้เหยาไว้ใจเชื่อพวกเขาแต่พวกเขากลับหลอกนางจนรูพรุน
หากนางรู้เข้า มีหวังพวกเขาอาจจะสู้หน้านางไม่ติด ตอนนี้คิดเพียงอย่างเดียวคือคุ้มครองฮูหยินให้ปลอดภัย ให้นางสบายอกสบายใจแล้วจะให้ท่านแม่ทัพมาพบหน้า
“ฮูหยินเจ้าคะ พักก่อนเถิดเจ้าค่ะ จะค่ำแล้ว” อาเมิ่งเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนายสาวนั้นเริ่มซีดอีกทั้งยังมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากไปหมด อีกอย่างเกรงว่านางจะป่วยที่นี่คงจะหาท่านหมอยากเช่นกัน เพราะห่างจากตลาดอีกทั้งยังอยู่ห่างไกลจากชุมชนอยู่มาก
“อืม ว่าแต่ตอนเย็นจะทำอะไรดีเล่า ดูในถุงสิยังมีอาหารแห้งพอหรือไม่ พรุ่งนี้จะได้ออกไปหาซื้อของเข้าเรือนกัน” คนท้องลูบท้องน้อย ๆ วนไปมาพลางอมยิ้มนัก ท้องของนางไม่ได้ใหญ่มากแต่รู้สึกว่าเริ่มจะนูนขึ้นมาแล้ว
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน” อาเมิ่งรีบไปจัดการเตรียมตั้งเตาฟืนและหุงหาอาหาร ลูกมือก็ไม่พ้นอาเชาที่เข้ามาอาสาช่วยหยิบจับ ท่าทางเขาเก้ ๆ กัง ๆ จนอาเมิ่งถลึงตาใส่ไม่พอใจ และไล่ให้ออกไปจากตรงนี้เสีย เกะกะนางจะทำอาหาร
สหายอีกสามคนก็จัดการเก็บกวาดพื้นหญ้าให้เรียบเตียน หวั่นเกรงว่าฮูหยินเดินไม่ระวังอาจจะหกล้มเอาได้ นั่นคุณชายน้อยอยู่ในนั้น และอีกอย่างฮูหยินเป็นสตรีที่จิตใจเข้มแข็งไม่น้อย
ป่านนี้ยังไม่เห็นน้ำตาของนางสักหยด หากเป็นสตรีอื่นป่านนี้คงจะร้องไห้น้ำตาท่วมจวนไปแล้ว พวกเขานับถือฮูหยินนัก และสาแก่ใจที่ทำให้ท่านแม่ทัพร้อนรนได้ยิ่งกว่ายามจับดาบออกศึกนัก
ศึกนอกยังต้องพ่ายแพ้ศึกภายในจวน
..........................................................
ท่านแม่ทัพจัดการสวมชุดดำควบม้าตัวโปรดออกมาทางประตูเมืองหลวง เมื่อพบว่าเบาะแสนั้นออกมาถึงตรงนี้กลางดึก และได้เอ่ยถามว่ารถม้านั่นจะไปที่ใด ทหารยามกลับส่ายหัว แต่เห็นว่ามุ่งหน้าไปเมืองถงเยี่ยน
เพียงแค่นี้ท่านแม่ทัพก็ยิ้มร่า มีผู้ติดตามสองคน คืออาเจาและอาเปียว เงาที่เร้นกายคอยดูแล
แต่อาเปียววันนั้นกลับถูกผงนิทราเข้าให้เหมือนกัน ที่น่าแปลกมากไม่ใช้แค่มีอยู่ในอาหารและน้ำชา มันยังลอยตามลมมาอีกด้วยจะต้องมีใครยื่นมือมาช่วยแน่นอน
อาจจะเป็นคนใกล้ชิดกับท่านแม่ทัพแต่เขายังมิปักใจเชื่อว่าจะเป็นใครนอกจากอาเชา อาเปียวได้แต่สงสัยมิกล้าเอ่ยรายงาน
อาเปียวแอบชื่นชมฮูหยินที่รอบคอบนัก อีกทั้งมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าอย่างดี หีบของก็มีเพียงแค่สามหีบเท่านั้น เป็นขบวนเล็ก ๆ ที่เดินทางมิได้ใหญ่โต แต่แฝงไปด้วยผู้เยี่ยมยุทธ์
อาเจามิได้เอ่ยอะไรตลอดระยะเวลาที่เดินทาง เพียงแต่เฝ้ามองเจ้านายดูเหมือนว่าท่านแม่ทัพเริ่มจะอาการไม่ค่อยดีนัก เมื่อพ้นประตูเมืองมาได้สักครึ่งชั่วยาม (หนึ่งชั่วโมง)
เขาจึงได้หยุดพักผ่อนเสียเล็กน้อยก่อนจะเดินทางมุ่งหน้าไปเมืองถงเยี่ยน ขณะที่กำลังนั่งพัก อาเจาดื่มน้ำจากถุงหนังสัตว์ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาใจ
“ท่านแม่ทัพขอรับ หากเจอฮูหยินจะรับกลับเลยหรือไม่ขอรับ” อาเจาอยากรู้ว่าเจ้านายจะทำเช่นไร
หากถึงขั้นบังคับให้ฮูหยินกลับมาแล้วเป็นเช่นดังเดิม เขาจะไม่บอกเลยว่านางอยู่ที่ไหน และจะแอบส่งข่าวให้อาเชาพานางหนีไปให้พ้นเสีย
“ยังก่อน” เขายิ้มเล็กน้อย ดวงตานั้นยังคงเศร้าหมองอย่างชัดเจน ก้อนเนื้อในอกของเขามันกำลังเจ็บปวดแทบจะขาดใจมันตึงรัดแน่นไปหมด หายใจแทบไม่ออกเมื่อเห็นว่าเคยมีใครอยู่ตรงไหนบ้าง
“นางอยากออกมาเที่ยวเล่น ให้นางสบายใจแล้วค่อยเกลี้ยกล่อมให้กลับ” เขาพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อคิดถึงคนที่เขาไม่เคยรักษาน้ำใจที่นางมอบให้
“แล้วหากฮูหยินยืนยันไม่กลับเล่าขอรับ จะทำอย่างไร” เป็นอีกหนึ่งคำถามที่อาเจาอยากได้ยิน
“นางไม่กลับก็ไม่ต้องกลับ ข้าจะอยู่กับนางที่นั่น” ท่านแม่ทัพมิได้ใส่ใจนักกับคำถามขององครักษ์
แต่เขาไม่อยากจะทำให้นางเสียใจ หากนางยืนกรานที่จะอยู่ที่นั่น ไม่คิดกลับเมืองหลวง หรือขออยู่ร่วมกันกับเขา เขาจะแบกหน้าหนา ๆ ของเขาไปขออยู่กับนางเอง จนกว่านางจะใจอ่อนและให้อภัยเขา ในความโง่งมสมองหมู
“เป็นความคิดที่ดีขอรับ”