ตอนที่ 6 สมน้ำหน้า
ภายในพระตำหนักที่โอ่อ่ากว้างขวาง มีร่างผู้สูงศักดิ์ กำลังจิบน้ำชาและรับขนมอย่างอร่อย ไท่จื่อแห่งแคว้นกำลังรอน้องชายร่วมสาบานของเขาอย่างจิตใจจดจ่อ
เพราะมันเลยเวลาที่จะเขามาพูดคุยปรึกษาหารือกันเรื่องงาน และผู้ที่อยู่เบื้องหลังการติดสินบนอีกทั้งยังมีตระกูลขุนนางที่เกี่ยวข้องมากนัก หนึ่งในนั้นมีตระกูลไป๋ร่วมอยู่ด้วย
“ทูลไท่จื่อ เลยเวลามากแล้วพ่ะย่ะค่ะ คิดว่าท่านแม่ทัพคงจะไม่เข้ามาแล้ว กระหม่อมว่า...” กงกงชราเห็นว่าเลยมื้อเที่ยงแล้ว เกรงว่าไท่จื่อจะหิวจึงได้รีบรายงาน
วันนี้ท่านแม่ทัพเป็นคนนัดไท่จื่อเองว่าจะเข้ามาพูดคุยปรึกษาเรื่องงาน ตอนนี้เลยเวลามามากโขหรือว่าจะมีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่
“ข้าจะไปหาอาฉี พวกเจ้าไม่ต้องพูดมากเงียบปากไว้เสีย” ไท่จื่อนั้นกริ้วไม่น้อย น้องชายของพระองค์มิใช่คนผิดเวลานัดขนาดนี้ จะต้องมีอะไรเป็นแน่ ไท่จื่อจึงตัดสินใจหาน้องชายดีกว่ามานั่งรอเช่นนี้
จวนตระกูลหยาง ยามอุ้ย 13:00-14:59
ยามอุ้ยแล้ว ท่านแม่ทัพก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย อาเจานั่งมองเจ้านายจนหลับไปหลายตื่น แม้ว่าจะปลุกอย่างไรเจ้านายก็ไม่ตื่นเสียที บรรดาบ่าวในเรือนก็พากันหลับอย่างสบายใจ
เขาละหิวข้าวจนไส้จะขาดคิดถึงอาหารฝีมือฮูหยินยิ่งนัก ครั้นจะกินเข้าต้มที่เหลืออยู่ในหม้อก็ไม่กล้ากิน ในนั้นมีแต่ผงนิทราทั้งนั้น เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ถูกผงนิทราเล่นงาน เพราะอาเชาได้บอกไว้ก่อนแล้ว
เขากับสหายร่วมมือกันเพื่อจัดการท่านแม่ทัพให้รู้จักรักหยกถนอมบุปผาเสียหน่อย หัดพูดจาอ่อนหวานเอาเอาอกเอาใจภรรยาบ้าง มิใช่กระทำเยี่ยงเจ้านายบัญชาบ่าว
ในเรือนสตรีเป็นใหญ่ นอกเรือนบุรุษเป็นใหญ่แบบนี้ถึงจะยืดยาวตามคำสอนของฮูหยินผู้เฒ่า
เขาละทั้งจำและซาบซึ้งนัก อดีตนายท่านที่จากไปทั้งรักและเคารพฮูหยินนัก หากว่าท่านยังอยู่ละก็ ฮูหยินน้อยจะไม่มีวันเสียใจเลย เสียดายก็แต่พวกท่านจากไปเร็วนัก มิได้สอนสั่งบุตรชายของท่านที่เป็นถึงแม่ทัพให้รักและเคารพภรรยา
“เห้อ ท่านแม่ทัพ เมื่อไหร่ท่านจะตื่นสักทีขอรับ” อาเจาปลุกเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่นเสียที มองเห็นถ้วยข้าวต้มก็ไม่ได้ถูกตักกิน มีเพียงแค่กาน้ำชาเท่านั้นที่นอนเล่นอยู่บนพื้น สงสัยท่านแม่ทัพจะรู้ว่าถูกวางยาเข้าให้
“ท่านแม่ทัพ ฮูหยินหนีไปแล้วขอรับ” อาเจาตะโกนจนสุดเสียงเพื่อปลุกเจ้านายให้ตื่น
“อะ อะไรนะ อาเจา” เขากำลังหลับสบายได้ยินเสียงอาเจาแต่ลืมตาไม่ขึ้นเสียนี่ มันหนักอึ้งไปหมดพยายามลืมตาแล้วก็ลืมไม่ขึ้น
“ข้าน้อยจะบอกว่า ฮูหยินหนีไปแล้วขอรับ” เท่านั้นแหละ แค่สิ้นเสียงแค่ว่าฮูหยินหนีไป เขากระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง พลางยกมือขึ้นจับที่ศีรษะของตนเอง
“หนีหรือ หนีไปได้อย่างไรกัน บ่าวออกจะเต็มเรือน เหล่าเงาอีกเล่า มัวทำอะไรอยู่” เสียงที่เกรี้ยวกราดพร้อมแผ่นกลิ่นอายอันน่าหวาดกลัว สีหน้าของท่านแม่ทัพพร้อมจะทำลายทุกอย่างตรงนี้ให้มอดไหม้เป็นจุณ
“ก็ถูกวางยาเหมือนท่านแม่ทัพละขอรับ” อาเจาทำใจดีสู้เสือเอาไว้ เขายิ้มแห้งเกาหัวแกรก ๆ หาทางหนีทีไล่ให้ตนเอง แล้วอย่าได้เผลอพูดอะไรที่ชวนสงสัยแม้แต่น้อย ไม่เช่นนั้นเขาจะโดนเล่นงานเป็นแน่ ไม่ตายก็พิการล่ะงานนี้
“แล้วเจ้าเล่า มิถูกวางยาหรือ” ท่านแม่ทัพลดเสียงลงเล็กน้อย พลางสำรวจใบหน้าของอาเจา เหมือนจ้องจับผิดเขากำลังไล่ปราณขับยาที่ตกค้างอยู่
นึกไม่ถึงเขาไม่กินข้าวต้ม แต่กลับถูกวางในน้ำชา เขาประมาทเกินไปเองที่หลงคิดว่านางหนีไม่พ้น ใบหน้าบึ้งตึงประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวแดง
“ข้าน้อยกินไปเพียงสามคำเท่านั้น ก็หลับไปแล้ว ก็เลยตื่นก่อนใคร ออกตามหาแล้วก็ไม่พบขอรับ จึงได้รีบกลับมารายงานท่านให้รู้ก่อน” อาเจาโป้ปดชุดใหญ่โกหกหน้าตายสมกับเป็นเขาจริง ๆ
“อาเชาเล่า ไปไหน” ท่านแม่ทัพสีหน้ายังดูเคร่งเครียดไม่น้อย
“อ๋อ อาเชา ออกตามหาฮูหยินขอรับ เมื่อคืนเห็นว่าคอแห้งกินน้ำไป เขาก็ไม่รู้สึกตัว พอรู้ตัวก็เร่งออกตามหาฮูหยิน” เขาแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ หากปากพล่อยพูดออกไปว่าอาเชาพาฮูหยินหนีไป เกรงว่าเขาไม่อาจจะรับโทสะของท่านแม่ทัพได้
“อาฉี เกิดอะไรขึ้น ข้ามาที่จวนเจ้าทำไมบ่าวของเจ้าหลับกันระเนระนาดขนาดนั้นเล่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ มีโจรหรือ” ไท่จื่อควบม้ามากับองครักษ์เพียงสองคน เมื่อเข้ามาในจวนก็พบว่ามันเปิดเอาไว้เล็กน้อย
เขาจึงได้เดินมาเอง และเห็นบรรดาบ่าวทั้งหลายนอนกองกันคนละมุม บางคนยังถือถ้วยอะไรเอาไว้สักอย่าง จึงได้เดินเข้ามายังห้องนอนของน้องชายร่วมสาบานของเขา ผู้อยู่เบื้องหลังผลักดันให้เขาขึ้นรับตำแหน่งไท่จื่อ
“โจรหรือจะกล้า ก็มีแต่ฮูหยินของข้านะสิ วางยาบ่าวรวมถึงข้าด้วย ช่างร้ายนัก” เฟยฉีเห็นกาน้ำชาเขาละอยากจะแตะมันจริง ๆ หลงคิดว่าไม่กินข้าวต้มแล้วจะแอบตามนางเสียหน่อย
ปล่อยให้เที่ยวเล่นจากนั้นก็จะพากลับ แต่ที่ไหนได้หนีเขาจริง ๆ แล้วจะไปตามที่ไหนเล่าทีนี้ เขาอยากจะออกตามหา แต่ก็นึกได้ว่าวันนี้เขานัดพูดคุยเรื่องขุนนางเอาไว้ เกรงว่าจะต้องให้คนของเขาออกตามหาแล้ว
“หมดกัน ท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ แพ้เพียงแค่ภรรยาตัวเอง” ไท่จื่อหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี
“ท่านไม่รู้อะไร นางเอ่ยปากขอหย่ากับข้าหลังอาหารทุกมื้อ หอบลูกหนีไปด้วยมันน่าไหมเล่า” เฟยฉีถูกลูบคมเข้าให้อย่างจัง
“ก็ขึ้นอยู่ที่เจ้าแล้วว่ารักหรือไม่ นางไม่ใช่ว่าจะไม่รักเจ้า แต่รักมากต่างหากเล่าถึงได้จากไป หากนางอยู่แล้วเจ้าก็มิอาจจะได้แต่งงานกับคุณหนูไป๋” เขาต้องพูดเข้าข้างน้องสะใภ้ ที่พบกันเพียงแค่สองสามครั้งก็รู้ว่านางเป็นคนดี อีกทั้งยังรักเจ้าน้องชายของเขามากเสียด้วย
แต่เจ้านี่มันตามืดบอดมองเห็นว่าสตรีน่ารักอ่อนหวานอย่างเช่นคุณหนูไป๋จิงชิงเป็นดอกไม้ที่สวยงาม เขากลับมองว่า มันเป็นพิษเสียมากกว่า
“เอ่อ นางท้องหรือ เมื่อครู่ข้าฟังไม่ถนัด” ไท่จื่อได้ยินไม่ชัด เพราะว่าน้องชายกำลังขับไล่พิษออกมา
“ขอรับ นางท้องได้สามเดือน” เฟยฉี บอกอีกครั้ง ส่วนอาเจาพยายามยืนให้นิ่ง จิตใจต้องมั่นคงมิเช่นนั้นถูกจับได้ขึ้นมา เขาอาจจะถูกตัดเป็นสองท่อนก็ได้ ไร้ดินกลบหน้าแน่หากความแตกขึ้นมา
“ดีเนอะเจ้าเนี่ย ทำอย่างไรให้ภรรยาหอบท้องหนี เจ้ามันช่างเป็นคนใจร้ายนัก อาฉีเจ้ามัน มันสมควรถูกสมน้ำหน้า เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ข้าจะช่วยเจ้าอีกแรง” ไท่จื่อยิ้มอย่างชั่วร้าย
เขาคิดว่าต้องมีใครพานางหนีไปแน่ แต่เหมือนว่าเจ้าน้องชายลืมคิดข้อนี้ไป คงเพราะเพิ่งจะตื่นจากการนอนหลับยาว
“ดีขอรับ เช่นนั้นข้าขอลา ออกตามหานางกับลูกเรื่องในราชสำนักก็ให้ท่านจัดการเองก็แล้วกัน” เฟยฉีไม่คิดอะไรมากนึกว่าพี่ชายที่ร่วมสาบานนับถือพี่ใหญ่น้องเล็ก จะให้ความร่วมมือ และมอบคนให้เขาออกตามหา
“อืม ข้าจะช่วยประกาศว่า ภรรยาเจ้าหนี ใครช่วยนางให้หนีจากเจ้าได้ ข้าจะมอบรางวัลให้อย่างงาม” ไท่จื่อหัวเราะร่วนสมน้ำหน้าน้องชายนัก มีภรรยาไม่รู้จักทะนุถนอมพอนางหนีไปกลับมาเคร่งเครียดรำพึงรำพัน มันน่าติดป้ายประกาศเสียจริง
“พี่ใหญ่ ท่านไม่เห็นใจข้าเลยหรือไร” เฟยฉี ขึ้นเสียงทันควัน
“ทีอย่างนี้ล่ะมาเรียกพี่ใหญ่ เจ้าเห็นข้าเป็นพี่ด้วยรึ” ไท่จื่อ อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ในยามนี้เขายังมีแก่ใจมาพูดจาเล่นลิ้นกันอีก อาเจานั้นส่ายหน้าระอาใจกับพี่น้องคู่นี้เสียจริง แล้วอย่าให้ร่วมมือกันนะ สืบรู้จวนไหนจวนนั้น บรรลัยทันที
“พี่ใหญ่ เช่นนั้นเรื่องพวกนั้นท่านก็จัดการเองแล้วกัน ข้าขอเวลาสามวันหากหานางไม่พบจะกลับมาจัดการพวกมันให้นะขอรับ” เขาพูดจริงจัง ภรรยาก็จะออกตามหา อีกทั้งพวกเหล่าขุนนางพวกนั้นก็อยากจะจัดการถอนรากถอนโคนเสียให้สิ้น
“อาเจาเจ้าปล่อยข่าวออกไป ข้าถูกพิษอาจจะตายได้ทุกเมื่อแล้วปิดจวนไม่รับใครทั้งสิ้น” เฟยฉีสั่งการใช้แผนล่อภรรยากลับจวน เขาคิดว่าหากนางไม่ใจร้ายจนเกินไปต้องกลับมาดูใจเขาเป็นครั้งสุดท้ายแน่
เขาเหลือบไปเห็นเส้นผมและผ้าเช็ดหน้า รู้สึกจุกแน่นและหายใจไม่ออก มันทั้งเจ็บจี๊ดอยู่ข้างในแทบจะกระอักเลือดออกมา ให้กับความโง่เขลาที่ชะล่าใจเห็นว่านางเป็นสตรีบอบบางไร้พิษสง แต่ที่ไหนได้พิษรอบตัวจริง ๆ ท่านแม่หาภรรยาให้เขาเนี่ยยอดเยี่ยมไปเลย
“เจ้านี่มันร้ายนะ แต่ข้าว่าหากนางรู้ว่าเจ้าหลอกให้นางกลับมา เจ้าอาจจะตายจริงก็ได้” ไท่จื่อคิดเช่นนั้นจริง ๆ ขนาดนี้นางยังกล้าวางยาให้สามี หากรู้ว่าเจ้าน้องชายมีแผนล่อให้กลับมามีหวัง ไม่ตายก็หัวแตกเป็นแน่
“ขอเพียงนางกลับมา ข้ายอม พี่ใหญ่ยามนี้ข้ายอมทุกอย่างขอรับ ขอให้เจอหน้านาง ไม่รู้ว่าจะปลอดภัยหรือไม่ ตกอยู่ในอันตรายขึ้นมา ไม่มีใครช่วยเหลือจะทำอย่างไร”
อาเจาแอบสมน้ำหน้าหัวเราะคิกคักอยู่ในใจป่านนี้ฮูหยินคงจะใกล้ถึงที่หมายแล้วเป็นแน่
“คิดได้ก็สายเสียแล้ว แต่ข้าไม่สงสารเจ้านะ สมน้ำหน้าเจ้าเสียมากกว่าที่ไม่รู้จักรักและถนอมนางให้ดี เรียกได้ว่า โง่เง่านัก”