Chapter 15 ความทรงจำสีหวาน
หลังจากนั้นเดินกลับมานั่งบนเก้าอี้ไม้หน้าบ้านคนึงนิจที่อยู่ไม่ไกลจากหลุมศพของแม่ มองไปยังสวนดอกมะลิที่ท่านปลูก ลุงสมกับป้าแย้มดูแลตัดแต่งกิ่งเป็นอย่างดี ตอนนี้กลายเป็นต้นใหญ่ที่ออกดอกบานสะพรั่ง ภาพความทรงจำในวัยเด็กย้อนกลับมาอีกครั้ง
แม่ชอบเก็บดอกมะลิและมานั่งร้อยตรงนี้และชอบทำอาหารไปถวายพระ เมื่อก่อนฉันตามแม่ไปวัดอยู่บ่อยๆ
“คุณดาวจะรับอะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ” ป้าแย้มเดินเข้ามาถาม
“ดาวมีประชุมต่อ คงจะออกไปเลยค่ะ ฝากป้าแย้มช่วยจัดห้องให้ครอบครัวพี่พิมพ์ด้วยนะคะ”
“ป้านึกว่าคุณดาวมาคนเดียว ไม่เคยเห็นมาตอนเช้าสักที”
“ดาวแวะมาหาแม่ก่อนค่ะ พี่พิมพ์เตรียมห้องประชุมอยู่ที่โครงการสร้างบ้านพักตากอากาศ”
“ต่อไปคุณดาวคงจะมาที่นี่บ่อยๆ ใช่ไหมคะ คุณละอองดาวคงจะดีใจที่คุณดาวมาที่นี่”
“ค่ะ ดาวก็อยากมาบ่อยๆ นะคะ แต่งานยุ่งมาก”
“ป้าขอไปเตรียมห้องให้ก่อนนะคะ จะออกไปซื้อกับข้าวมาเตรียมให้คุณดาวด้วย อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“ดาวจัดการเองดีกว่าค่ะ ป้าแย้มแค่เตรียมห้องให้ก็พอ”
“อย่าปฏิเสธป้าเลยนะคะ นานๆ คุณดาวจะมาค้างสักที ป้าจำได้ว่าคุณดาวชอบทานหมูหวานกับน้ำพริกอ่องกับผักชุบไข่ทอด”
หัวใจของฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จะมีใครบ้างที่จำได้และใส่ใจความรู้สึกของฉันแบบนี้ ฉันส่งยิ้มให้ป้าแย้มในขณะที่น้ำตาเริ่มรืน อย่างตื้นตัน
“ขอบคุณที่จำได้นะคะป้าแย้ม”
“ก่อนคุณละอองดาวเธอเสีย เธอเล่าเรื่องของคุณดาวให้ป้าฟังทุกวันจนป้ารู้เรื่องทุกอย่าง ถ้าคุณดาวมาอยู่ที่นี่นานๆ ป้าจะทำอาหารที่คุณดาวชอบให้ทานทุกวันนะคะ”
ฉันยิ้มให้ป้าแย้มอย่างขอบคุณ ตอนที่แม่ของฉันเสียชีวิต ฉันยังเด็กมากจนจำอะไรไม่ได้ แต่ฉันก็มีโอกาสได้รู้เรื่องของแม่ก็เพราะการมาค้างที่นี่และป้าแย้มเล่าเรื่องของแม่ให้ฟัง
“ดาวขอตัวก่อนนะคะ ตอนเย็นจะกลับมากินอาหารฝีมือป้าแย้ม” ฉันขยับตัวลุกขึ้นและบอกไป นั่นทำให้ใบหน้าเหี่ยวย่นของป้าแย้มคลี่ยิ้มออกมาเต็มวงปากกว้างอย่างดีใจ
ฉันหยิบปฏิทินตั้งโต๊ะขึ้นมามอง เพราะมัวแต่ทำงานเพลินจนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายวัน พอนึกขึ้นได้อีกทีเวลาที่ฉันมีก็ขยับลงไปทุกที หมึกปากกาสีแดงกากบาททับวันที่บนปฏิทินเพิ่มขึ้นอีกวัน
“เหลืออีกเพียงแค่ 64 วันแล้วนะยัยดาว งานของเธอยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย มัวแต่ทำงาน เธอจะได้แต่งงานหรือเปล่าฮึดาว”
ฉันกดอินเตอร์คอมและกรอกเสียงตามสาย “พี่พิมพ์ วันนี้ดาวมีงานด่วนหรือเปล่าคะ”
“พี่ขอเช็คสักครู่นะคะ”
ผ่านไปไม่นานพิมพ์วราก็เคาะประตูและเดินเข้ามาพร้อมกับตารางงาน “ดาวมีนัดส่งมอบงานที่โครงการคอนโดฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบ่ายสอง หลังจากนั้นก็ไม่มีงานด่วนค่ะ”
“แล้วพรุ่งนี้ล่ะคะ”
“ดาวมีประชุมกับทีมบริหารประจําเดือน”
“โอเคค่ะ วันนี้เสร็จงานที่คอนโดฯ ดาวไม่กลับออฟฟิศนะคะ ฝากพี่พิมพ์ด้วย ถ้ามีอะไรโทรเข้ามือถือดาวนะ”
“ได้ค่ะ”
ฉันหยิบกระเป๋าและเดินออกจากห้องทำงาน เป้าหมายคือบริษัทฮักของเพื่อนรักอย่างนรานิล อย่างน้อยการได้พูดคุยกับเพื่อนอาจทำให้ฉันเกิดไอเดียอะไรได้บ้าง
“HUG บริษัทจำกัดรัก” ป้ายชื่อตัวน่ารักติดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ในโครงการหมู่บ้านหรูหราใจกลางเมือง บ้านแต่ละหลังในโครงการแห่งนี้เริ่มต้นที่ 8 หลักขึ้นไป
รถของลูกค้านรานิลจอดเบียดเสียดเต็มหน้าบ้านเป็นปกติ ในขณะที่บ้านข้างๆ มีพื้นที่ว่างมากพอสำหรับรถของฉันจะจอดได้ ฉันยืดคอมองในบ้าน เมื่อเห็นว่าไม่มีรถจอดอยู่และประตูของบ้านถูกล็อคเอาไว้ ฉันไม่ลังเลที่ไปจอดข้างรั้วบ้านของเขา
“จอดแค่ข้างรั้ว คงไม่กีดขวางการจราจรนะ แป๊บเดียวเองไม่เป็นไรหรอก” ฉันตอบเองเออเองเสร็จสรรพ รู้ว่ามันไม่เหมาะสมหากจะจอดรถในพื้นที่หน้าบ้านที่เจ้าของไม่ได้อนุญาต แต่ฉันก็เห็นพื้นที่ตรงนี้ทิ้งว่างเอาไว้ตลอด เพราะเจ้าของบ้านอาศัยอยู่คนเดียวและจอดรถไว้ในบ้านเป็นส่วนใหญ่
หลังจากจอดรถเสร็จเรียบร้อยฉันก็เดินควงกุญแจรถเข้าไปในสำนักงานของเพื่อน แม้ภายในบ้านของเพื่อนจะมีพื้นที่สำหรับจอดรถได้ 4 คัน และความยาวของหน้าบ้านก็สามารถจอดได้อีก 3 คัน แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับบริการลูกค้าที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกวันของนรานิล
“โซดากลับมาแล้วใช่ไหมอรอินทร์”
“สวัสดีค่ะคุณดาว กลับมาเมื่อวานค่ะ” อรอินทร์ยิ้มทักทายฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ฉันสนิทคุ้นเคยกับคนที่นี่เป็นอย่างดี
“อยู่ข้างในใช่ป่ะ”
“ค่ะ”
“ok ขอบคุณมาก” ฉันตอบรับและเดินผ่านหน้าอรอินทร์ไป โดยลืมถามไปว่าสถานะอารมณ์ของเพื่อนรักพร้อมที่จะรับแขกหรือเปล่า
“ฮัลโหลดาร์ลิ้ง” ฉันส่งเสียงและเปิดประตูห้องทำงานของเพื่อนเข้าไป คนหลังโต๊ะหน้าหงิกเงยหน้าขึ้นมองฉัน
“แกรู้ได้ไงว่าฉันกลับมาแล้ว”
“ฉันมีญาณวิเศษย่ะ”
“มาทวงของฝากหรือไง”
“ไปเที่ยวมา หิ้วผู้ชายใส่ถุงกลับมาฝากเพื่อนบ้างหรือเปล่าล่ะ”
“แหมๆๆ พูดเรื่องผู้ชายแล้วของขึ้น ฉันยังไม่สะสางกับพวกแกเลย ฉันไปเที่ยวต่างประเทศ 3 เดือน ยัยป่านแต่งงานแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ส่วนแกฉันก็ได้ข่าวว่าประกาศแต่งงานแย่งซีนในงานแต่งยัยป่านเลยนะ แต่งงานมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะแก”
ฉันแอบถอนหายใจ รีบทำเป็นเฉไฉกลบเกลื่อน “รินนี่คาบข่าวไปบอกแกอีกแล้วล่ะสิ ไหนบอกว่าไปเที่ยวต้องการความอิสระ ไม่ติดต่อใครไง รู้ทุกอย่างเลยนะแก”
“ก็แหงละสิ...ฉันเจ้าแม่นะยะ แกเหลามาให้หมด เกิดอะไรขึ้นกับพวกแกกันบ้าง แล้วจะรีบมีผัวกันไปไหนฮึ!”
“ฉันคิดว่ารินนี่เหลาให้แกฟังละเอียดยิบแล้วนะ” ฉันรีบดักคอนรานิล ไม่มีทางที่เพื่อนรักเบอร์ 1 ที่พ่วงตำแหน่งลูกค้า VIP ของบริษัทอย่างรินนี่จะยังไม่บอกเธอ
“ที่แกประกาศออกไปวันนั้น เพราะไม่อยากเสียหน้าใช่ไหม”
“เปล๊า!” ฉันปฏิเสธเสียงสูง
“แล้วทำไมต้องไปป่วนงานแต่งยัยป่านจนเกือบพังขนาดนั้นล่ะ ยัยป่านแต่งงานเพื่อนอย่างเราควรจะแสดงความยินดีไม่ใช่เหรอ”
“ก็เพราะฉันรู้ว่ามันเป็นแค่วิวาห์จัดฉากน่ะสิ ยัยป่านไม่ได้รักผู้ชายคนนั้นจริงๆ แล้วเจ้าบ่าวตัวจริงหายไปไหน ถ้าเป็นคนที่รักและเป็นห่วงเพื่อนจริงจะต้องสงสัยไม่ต่างจากฉัน”
“นี่เธอจะบอกว่าตัวเองทำถูกงั้นสิ”
“ใช่”
นรานิลถอนหายใจเฮือก “เราอายุเท่าไหร่กันแล้วดาว”
“ไม่รู้ล่ะ ฉันต้องได้รู้ความจริงเรื่องของยัยป่านให้ได้”
“เอาเรื่องของตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ได้ข่าวว่าอีกสองเดือนจะแต่งงานไม่ใช่เหรอ” นรานิลหยิบปฏิทินขึ้นมาเปิด “อีก 64 วันใช่ไหม”