Chapter 14 ฉันยังไม่พร้อมที่จะซื่อสัตย์กับใคร
ตอนแรกกะว่าจะกลับเลยเพราะดึกมากแล้ว แต่พอได้ยินคำว่า “วัง” ขาของฉันอ่อนลง ทิ้งตัวลงไปบนเก้าอี้ตัวเดิมทันที
...แต่บอกไว้ก่อนนะว่าสิ่งที่ฉันทำไม่ได้เรียกว่าเผือกหรืออยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่น แต่มันเป็นการวางแผนอนาคตชีวิตของตัวเองต่างหาก
“มาการิต้าอีกหนึ่ง” ฉันสั่งไปอีกแก้ว นายโจ๊กที่ฉันเพิ่งรู้จักชื่อเข้าใจความต้องการของฉันและจัดการตามที่สั่งอย่างว่องไว
ฉันแกล้งทำทีเป็นไม่สนใจเขา ยืดตัวเชิดหน้าและกรีดนิ้วยก มาการิต้าที่โจ๊กยื่นมาเสิร์ฟ แต่เขาก็ยังไม่สนใจฉันอยู่ดี สาดวิสกี้แก้วที่อยู่ในมือลงคอไปทีเดียวหมดแก้ว
แกร๊ง! เขากระแทกแก้ววางลงบนเคาน์เตอร์บาร์ บอกเสียงเข้ม “เอาเหล้ามาอีกแก้ว”
“เครียดอะไรมาเหรอครับ” โจ๊กถามเขาต่อ บทสนทนาทั้งคู่ทำให้ฉันรู้ว่าพวกเขาสนิทคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และโจ๊กก็คงจะเป็นฐานข้อมูลที่ดีให้ฉันในวันต่อไปเช่นกัน
ความมืดทำให้ฉันสำรวจเขาได้ไม่ชัดเจน แต่มองจากตรงนี้เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่แต่สมส่วนไม่อ้วน ดูออกในทันทีว่าเขาเป็นผู้ชายที่รักษารูปร่างได้ดีแม้วัยของเขาจะย่างเข้าเลข 4 แล้วก็ตาม เสี้ยวจมูกคมโด่งเป็นลักษณะเด่นอย่างชัดเจน แจ็คเก็ตสูทที่เขาสวมทับเสื้อเชิ้ตทำให้ดูหล่อสมาร์ตขึ้นมากกว่าเดิม
“แม่จะให้ฉันแต่งงาน บ้าไปกันใหญ่แล้ว”
ฉันเห็นแววตาล้อเลียนที่โจ๊กมองมาที่ฉัน เมื่อเห็นว่าสายตาของฉันกำลังมองหม่อมหลวงเทวานุพงศ์อย่างสำรวจ ฉันอยากตะโกนใส่หน้าหมอนั่นจริงๆ
‘ก็แหงละสิ...เขาเป็นเบอร์ 2 ของว่าที่สามีฉันนี่!’
ฉันเห็นเขากระดกเหล้าอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้แกล้งทำเป็นไม่สนใจแต่หูก็เก็บข้อมูลการสนทนาระหว่างเขาและบาร์เทนเดอร์ไปด้วย ตอนนี้ฉันอยากให้ทิปกับโจ๊กเพิ่มอีกสักสามพัน ทุกข้อมูลที่เขาถามตรงกับคำถามที่อยู่ในใจฉันทุกอย่าง
“ไม่เห็นจะยาก ก็เลือกแต่งสักคนสิครับ รับรองว่ามีสาวๆ ตั้งตารอและพร้อมที่จะเป็นเจ้าสาวของคุณซันไม่น้อย”
“ฉันยังไม่พร้อมที่จะซื่อสัตย์กับใคร” เขาบอกพร้อมกับกระดกวิสกี้เข้าปากไปหมดแก้ว
“แล้วคราวนี้หม่อมมีเหตุผลอะไรอีกครับ เรื่องทายาทสืบสกุลอีกหรือเปล่า”
หม่อมหลวงเทวานุพงศ์พยักหน้า “ฉันรู้ว่าตระกูลของฉันมีปัญหาเรื่องทายาทสืบสกุลมาตลอด ทุกรุ่นจะมีทายาทสืบสกุลเพียงคนเดียว ไม่แปลกใจที่หม่อมแม่จะกังวลเรื่องนี้ แต่ก็ควรจะฟังเหตุผลของฉันบ้าง เทคโนโลยีสมัยนี้ก้าวล้ำไปขนาดไหน การจะมีเด็กสักคนไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันยากอยู่ที่ความพร้อมของพ่อและแม่มากกว่า”
ฉันคล้อยตามความคิดของเขา การจะมีลูกสักคนไม่ใช่เรื่องยากหากเกิดจากความพร้อมของพ่อและแม่ ถ้าไม่พร้อมที่จะปกป้องเลี้ยงดูและให้ความรักความอบอุ่นได้อย่างเต็มที่ ก็ไม่ควรสร้างให้เขาเกิดมา
“แต่อีกไม่กี่เดือนคุณซันก็จะ 40 แล้วนะครับ หม่อมท่านคงจะคิดเรื่องอายุด้วย”
“เดี๋ยวก็โดนเตะหรอกไอ้โจ๊ก ฉันยังไม่แก่โว้ย เพิ่งจะก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ ยังเหลือเวลาสร้างครอบครัวอีกนาน”
ฉันแทบสำลักลมในลำคอของตัวเองเมื่อได้ยินเหตุผลของเขา ถ้าเขาบอกว่ายังไม่พร้อมที่จะสร้างครอบครัวตอนนี้แล้วเขาจะพร้อมตอนไหน ต้องรออีก 5 หรือ 10 ปี นึกถึงตอนเลี้ยงเด็กเมื่ออายุใกล้ 50 คงจะตลกไม่ออก
“ถ้าเครียดมาก ก็หาสาวกลับไปคลายเครียดสักคนสิครับ” โจ๊กเข้าเรื่องเปิดประเด็น พวกเขาพูดคุยกันอย่างโจ่งแจ้งไม่กระดากอายที่มีผู้หญิงอยู่ในบริเวณนั้น มิหนำซ้ำโจ๊กยังชำเลืองสายตามามองที่ฉันอย่างล้อเลียน
“ไม่เอาหรอก ไม่มีอารมณ์” อีกคนตอบอย่างหัวเสีย
แต่โจ๊กก็ยังไม่ละความพยายามที่จะเชียร์
“ไม่กลัวสาวสวยที่นั่งอยู่ข้างๆ จะเสียใจเหรอครับ ผมเห็นเธอมองคุณซันอยู่นานแล้ว”
ตอนนี้ฉันแทบอยากเอาปี๊บคลุมหัวเมื่อถูกเชียร์อย่างโจ่งแจ้ง ฉันไม่เคยทำอะไรไร้ยางอายขนาดนั้น แม้ว่าในสถานที่แบบนี้ไม่มีใครถือก็ตาม
หม่อมหลวงเทวานุพันธ์หันมามองฉัน จากที่ไม่เคยปลายหางตามามองเลยตั้งแต่ต้น ฉันเห็นมุมปากของเขากระตุกเล็กน้อยและมีเสียงสบถในลำคอเล็กๆ ก่อนจะหันกลับไปกระดกวิสกี้ดื่ม
“แกก็รู้ว่าฉันไม่นิยมไม้กระดาน” เขาบอกเบาๆ ให้ได้ยินเพียงสองคน แต่หูของฉันก็ได้ยินอย่างชัดเจน ไม่นับรวมสายตาที่เขามองฉัน
สิ่งที่เขาแสดงออกทำให้ฉันอยากเอาชนะ ไม่ได้คิดว่าจะอยากได้เขามาเป็นสามี แต่ฉันบอกตัวเองว่าจะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ผู้ชายคนนี้มาสยบแทบเท้าให้ได้
ฉันวางเงินไว้บนโต๊ะเพื่อจ่ายค่าเครื่องดื่มและขยับตัวลุกขึ้น เชิดคอตั้งเดินออกไปอย่างสง่า ฉันไม่เคยรู้สึกไร้ค่าแบบนี้มาก่อนในชีวิต
“คุณซันพูดแบบนั้นไม่กลัวเธอเสียใจเหรอ ผมคิดว่าเธอได้ยิน”
หม่อมหลวงเทวานุพงศ์ยักไหล่อย่างไม่สนใจ ยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มอีกครั้ง “ทำไมฉันจะต้องสนใจ ผู้หญิงที่รอขึ้นเตียงกับฉันมีเป็นร้อยเป็นพัน”
ฉันก้าวพ้นกรอบประตูและหันกลับไปมองเขาอีกครั้งพร้อมกับสายตาอาฆาต “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ฉันจะทำให้คุณจนตรอกและต้องมาคุกเข่าขอต่อหน้าฉันให้ได้ แม้แต่วังและสมบัติฉันก็จะโกยมาให้หมด”
[ลืมไปว่า...ทั้งหมด! รวมไปถึงหนี้สินของสุรีรัตน์ด้วย] ฉันยิ้มขื่นให้กับชะตาชีวิตของตัวเอง แต่มันอาจจะเป็นทางเลือกทางเดียวที่ฉันมีก็ได้
ช่อกุหลาบสีขาวถูกวางลงหน้าโกศที่เก็บอัฐิ รอยยิ้มของแม่ที่อยู่หน้าโกศทำให้ฉันยิ้มออกมาได้ทุกครั้ง
“ดาวกลับมาหาแม่แล้วนะคะ ดาวรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้กลับมาที่นี่ แต่งานของดาวเยอะมากเลยทำให้ไม่มีโอกาสได้มาบ่อยๆ”
ใบไม้รอบๆ ปลิวขึ้น ความเย็นจากสายลมสัมผัสที่ใบหน้าของฉัน เหมือนแม่กำลังส่งสัญญาณรับรู้การมาของฉัน
“ดาวมีโครงการบ้านพักตากอากาศที่เขาใหญ่ หลังจากนี้คงจะได้มาหาแม่บ่อยๆ นะคะ” ฉันบอกแม่และยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก