บทที่2

1017 คำ
บทที่2 หลังจากพิธีจบไปแล้วหญิงสาวที่ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของตนก็ถูกนำไปเข้าห้องหอกับสามีพิการของนาง นางรู้เพียงแค่ว่านางนั้นชื่อว่ารั่วชี มาจากตระกูลหาน โชคดีเป็นของนางเมื่อแม่สื่อเรียกนางสลับไปมาระหว่างคุณหนูหานกับคุณหนูรั่วซี มิเช่นนั้นคงไม่รู้ชื่อของตน เช่นเดียวกับชายที่ถูกพาเดินมาพร้อมกัน “คุณชายเฟิงเปิดผ้าของคุณหนูสิเจ้าคะ” รั่วซีเริ่มรู้สึกถึงเรื่องราวแปลก ๆ นางได้ยินคนบอกว่าอีกฝ่ายนั้นตาบอด แต่ถึงขั้นต้องบอกขั้นตอนขนาดนี้คงไม่ใช่แค่ตาบอดแล้วกระมัง “ไม่ ไม่ พานางไป พวกเจ้าออกไปให้หมด” แม้จะยังไม่ได้เปิดหน้า แต่ทั้งสุรามงคลและของอื่น ๆ ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ก็ล่วงลงมาอยู่ที่พื้นจนสิ้น นั่นก็เพราะการอาละวาทของคุณชายเฟิง ท่าทางที่ดูไม่เป็นธรรมชาตินั้นทำให้รั่วซียิ่งแปลกใจ “ลองให้ข้าคุยดูเองดีไหมเจ้าคะ” รั่วซีลองถาม “แต่ว่าคุณหนู...” แม่สื่อดูเหมือนจะไม่กล้าตัดสินใจแต่รั่วซีก็คะยั้นคะยอ “ก็ได้เจ้าคะ แล้วสุรา” รั่วซีดึงผ้าคลุมหน้าของตัวเองออก “คงไม่จำเป็นหรอกเจ้าคะ” คำที่ออกมาจากปากล้วนไม่ต้องคิดให้มากคล้ายจะเป็นเรื่องที่คุ้นเคย รวมถึงพิธีด้านหน้านี้นางก็รู้ว่ามันคืออะไร แต่เพราะอะไรกันถึงได้จำชื่อตัวเอง และที่มาของตัวเองไม่ได้แม้เพียงนิด ความทรงจำที่มีก็เพียงแค่แววตาที่น่ากลัวพร้อมกับมีดที่ฟันใส่นาง ที่แย่กว่านั้นก็คือดูเหมือนมันจะเกิดขึ้นกับนางในชุดนี้ พอคิดได้อย่างนั้นรั่วซีก็คิดว่าควรจะต้องตงลงกับคุณชายตรงหน้าเสียหน่อยแล้ว “คุณชายเฟิงสินะเจ้าคะ ข้าก็มิรู้ว่าท่านบ้าจริงหรือไม่ หากจริงทำไมถึงยอมเข้าพิธีจนจบได้ แล้วทำไมถึงได้มาโวยวายเอาตอนนี้ ช่างเถอะเจ้าคะไม่ต้องบอกหรอก แค่อยากให้ท่านรู้เอาไว้ว่าข้าก็ไม่รู้ว่าแต่งมากับคนตาบอดและเป็นบ้าทำไมเหมือนกัน” แม้จะพูดไปเสียมากมายแต่ก็ไร้การตอบสนองจากสามีที่ยังไม่ได้ทำพิธีให้ครบ “ข้าเหนื่อยแล้ว ท่านจะยืนอยู่เช่นนี้ทั้งคืนก็ตามใจ ข้าจะนอนแล้ว” รั่วซีปวดหัวมาก นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับตัวเอง ไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร ไม่มีอะไรที่เข้าใจได้สักอย่าง สุดท้ายเมื่อคิดอะไรไม่ออกจึงตัดสินใจว่าจะไปอาบน้ำนอน นั่นคงเป็นเรื่องที่ง่ายและดีที่สุด “ไม่เข้าใจจริง ๆ น่ะหรือ ต้องให้ข้าอาบน้ำให้ท่านด้วยไหม” รั่วซีเอื้อมมือไปหมายจะถอดชุดให้กับอีกคนแต่กลับถูกตีมือเข้าเสียก่อน “ถ้าไม่ให้ข้ายุ่งก็จัดการตนเองสิ ข้าจะได้ไปนอนเช่นเดียวกัน” หญิงสาวโวยวายใส่สามีที่นางไม่ได้เต็มใจจะรับ ต่อให้จำความอะไรไม่ได้เลย ก็คงไม่อยากแต่งงานกับคนที่เอาแต่พูดสิ่งที่ไม่จำเป็นและยังอารมณ์ดูเหมือนจะไม่ดีตลอดเวลาอย่างชายผู้นี้หรอก ทั้งยังสวมหน้ากากเอาไว้อีก “ตอนแรกข้าคิดว่าท่านอาจจะแกล้งบ้า เห็นเช่นนี้แล้วคงบ้าจริง ๆ สินะ” พอคิดได้อย่างนั้นรั่วซีก็ไม่ระวังตัวเวลาอยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายอีกต่อไป หญิงสาวใช้เวลาเปลี่ยนชุดและจัดการตนเองอยู่พักใหญ่ เมื่อออกมาก็ยังเจอกับคนที่นางแต่งงานด้วยนั่งบื้ออยู่ตรงโต๊ะที่เจ้าตัวทำเละเทะเอาไว้ก่อนหน้า รั่วซียิ้มอย่างได้ใจ “ท่านพี่ ตกลงจะต้องให้ข้าช่วยหรือไม่เจ้าคะ” นางแกล้งอีกฝ่าย แต่ชายหนุ่มกลับขมวดคิ้วและเดินไปอีกห้องที่ต่อกัน เมื่อรั่วซีพยายามจะเดินตามไปก็ถูกปิดประตูที่เป็นไม้ฉลุใส่หน้า แต่ถึงจะปิดเอาไว้นางก็เห็นเขาอยู่ดี “หากท่านพี่จะนอนที่นั่นก็ตามใจท่านพี่เลยเจ้าค่ะ ข้าไม่สนแล้ว” รั่วซีเดินกลับไปนอนที่เตียงสีแดงที่มันควรจะเป็นเตียงของนางและอีกคน หญิงสาวพยายามตามหาความทรงจำในหัวของตัวเอง แต่เหมือนกับคุณหนูรั่วซีนั่นถูกลบหายไปเสียอย่างนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นรั่วซีก็ต้องเจอเข้ากับสาวใช้หน้าตาไม่รับแขก ที่จริงหญิงสาวตรงหน้าหน้าตาท่าทางดูดีเกินจะเป็นสาวใช้ด้วยซ้ำ แต่เมื่อนำน้ำล้างหน้ามาให้นางก็คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ “คุณชายเฟิงล่ะ” รั่วซีถามนางที่กำลังวุ่นวายจัดชุดให้ตนอยู่ “ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าคะ คุณชายของเราตื่นเช้ามาก” รั่วซีแอบคิดในใจ ต้องใช้คำว่านอนหรือเปล่าก็ไม่รู้ “ข้า ข้าต้องทำตัวอย่างไรหรือ แล้วยกน้ำชาล่ะต้องทำหรือไม่” รั่วซีอดแปลกใจไม่ได้ที่นางรู้ขนบธรรมเนียมเป็นอย่างดี “ต้องไปเจ้าค่ะ คุณหนูไปแต่งตัวเถอะเจ้าคะ ข้าจะพาไปเอง” หลังจากแต่งตัวและออกมาจากห้องหอรั่วซีก็ต้องรู้สึกแปลก ๆ กับสิ่งต่าง ๆ ในตระกูลเฟิง คนพวกนี้มองนางด้วยสายตาแปลก ๆ และยังท่าทางที่ไม่เหมือนกับคนงานหรือสาวใช้นั่นอีก โดยเฉพาะสาวใช้คนที่กำลังเดินนำนางอยู่ มือด้านเฉพาะจุดเหมือนคนจับดาบ พอคิดได้อย่างนั้นรั่วซีก็ต้องตกใจกับความคิดตัวเอง หนักกว่านั้น เมื่อก้มลงมองที่มือของตนเอง รั่วซีก็ยิ่งตกใจหนักไปอีก ฝึกดาบอย่างนั้นหรือ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม