บทที่ 3 ตอนที่ 4

772 คำ
"อาอย่าพาดพิงถึงพ่อเลย...จะโกรธจะเกลียดก็โทษเอยคนเดียวเถอะ คุณพ่อไม่เกี่ยว ท่านมีแต่ความเป็นห่วงและปรารถนาดีต่ออาไทม์เสมอ" หล่อนอดเสียไม่ได้ที่จะออกตัวปกป้องผู้ให้ชีวิต นั่น...ทำให้ทัพไทระเบิดเสียงหัวเราะออกมาราวกับคนบ้าคลั่ง            "ปรารถนาดี เป็นห่วงอย่างนั้นเหรอ ถุย!!" ชายหนุ่มหันมารุกคืบเข้าหาภาวนาอีกครั้ง หล่อนถอยหลังครูดรวบผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้แน่น         "แล้วที่มันส่งคนมาฆ่าปิดปากฉันเพราะอยากให้เธอพ้นคดีล่ะ!! พ้นจากการเป็นจำเลยของสังคมมันคงจะเป็นห่วงฉันมากสินะ ห่วง...ว่าฉันจะไม่ตายสมใจ ฮึ...เพื่อช่วยลูกชั่วๆ เลวๆ อย่างเธอมันทำได้ทุกอย่างนั่นแหละภาวนาเธอก็น่าจะรู้ดี แต่เสียใจด้วยนะ ตราบใดที่ฉันยังไม่ได้แก้แค้นให้เปรี้ยว ฉัน!! จะไม่ยอมตายเหมือนกัน!!"            "อะไรกันคะ...อาไทม์พูดอะไร..."            "หยุดทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้เป็นใจกับพ่อของเธอสักทีเถอะ...มันทุเรศ! เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่มีทางปล่อยเธอไปอยู่ดี เธอต้องอยู่ที่นี่ อยู่ชดใช้สิ่งที่เธอทำเอาไว้ เข้าใจไหม...เด็กดี..." น้ำเสียงเหยียดหยันพร้อมกับรอยยิ้มแสยะมุมปากนั้นมันช่วงชวนอึดอัดจนต้องกลั้นหายใจเลยทีเดียว            แต่เรื่องที่ได้รู้ได้ฟังเมื่อสักครู่มันทำให้หล่อนตกตะลึงใจยิ่งกว่าการกระทำป่าเถื่อนใดๆ ของเขา ทัพไทเอาความเข้าใจผิดๆ เหล่านั้นมาจากไหนกัน            "ไม่จริง...คุณพ่อมี่วันทำแบบนั้นเด็ดขาด คุณพ่อรักอาไทม์เหมือนน้องแท้ๆ"            "แต่มันก็ไม่ได้มากไปกว่าลูกแท้ๆ อย่างเธอไม่ใช่เหรอ...มาทางนี้ดีกว่า มาดูกันดีว่าเธอต้องทำอะไรบ้างที่นี่..." น้ำเสียงยังคงแข็งเข้มเหมือนเดิมแต่ท่าทีก้าวร้าวนั้นเปลี่ยนไปราวกับขบคิดอะไรได้บางอย่าง สีหน้าของเขาดูยินดีขึ้นแต่แววตายังน่ากลัวไม่ได้เปลี่ยน นั่นทำให้ภาวนารู้ว่าอะไรที่เขาว่าไม่เป็นผลดีกับหล่อนอย่างแน่นอน              "อาไทม์...ปล่อยเอยนะคะ...อาไทม์กำลังเข้าใจผิด..." หล่อนถอยเท้าหนีเขาจนติดกำแพง ในที่สุดทัพไทก็ฉุดดึงให้เดินตามเขาไปอีกครั้งจนได้ แล้วพาเดินเข้าไปตรงห้องที่กั้นผ้าม่านบางๆ นั้น คาดเดาไม่ได้เลยว่าสิ่งใดคือความปรารถนาของเขา            "ไหนๆ ก็มาแล้ว อยู่ให้คุ้มกับที่ฉันอุตส่าห์รอดตายจากน้ำมือพ่อเธอหน่อยสิ รับรองว่าไม่มีเบื่อ ฮึ  ฮึ"            "อาไทม์! ว้าย!" เขาลากหล่อนเข้าไปใกล้ผ้าม่านทุกขณะ ปล่อยเหวี่ยงต้นแขนที่จับอยู่นั่นจนร่างเล็กล้มถลาชนผ้าม่านเข้าไปด้านใน... เขาก็ตามมานั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ            "อะ...อา อาไทม์...นั่นมัน..."            "เปรี้ยวยังไงล่ะ เมียกับลูกของฉันที่ถูกเธอฆ่าตายกับมือ" ทัพไทมองตามสายตาสั่นระริกของภาวนาที่กำลังจ้องไปยังวัตถุหนึ่งซึ่งถูกสรรค์สร้างเอาไว้อย่างวิจิตร เพื่อ...เก็บร่างที่นอนนิ่งอยู่ในนั้นให้คงสภาพเอาไว้ตราบเท่าที่เขาต้องการ            โลงแก้ว...            "กรี๊ด! ปล่อยนะ อาไทม์เป็นบ้าไปแล้ว"            "เงียบ!! นี่แหละงานของเธอภาวนา เธอต้องดูแลเปรี้ยว อยู่เป็นเพื่อนเปรี้ยวในนี้ ที่นี่...เพื่อชดใช้!!"            "ไม่! ปล่อยเอยนะ!" หญิงสาวกลัวสุดขีด ไม่คิดว่าทัพไทจะเสียสติไปได้ถึงขนาดนี้ แสดงว่าเขา...มาซุ่มใช้ชีวิตอยู่กับศพของปาหนันตลอดเวลาที่หายตัวไปเลยอย่างนั้นเหรอ ความเจ็บตรงต้นคอที่ถูกจับกดลงกับพื้นทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวว่าไม่อาจดิ้นรนขออิสรภาพได้อีก หล่อนจึงหยุดและทำได้เพียงร้องร่ำคร่ำครวญจนตัวสั่นเทิ้ม "อาไทม์บ้าไปแล้ว...ฮือๆ เอยจะอยู่ที่นี่ได้ยังไง อาเปรี้ยวตายไปแล้ว"                                                                         "แต่เปรี้ยวไม่ได้อยากตาย...เขาตายเพราะเธอ มันก็ยุติธรรมดีแล้วไม่ใช่เหรอที่เธอ! จะต้องมาอยู่เป็นเพื่อน คอยดูแลศพให้เขา หืม... ณราชมันคงดีใจพิลึกถ้าได้รู้ว่าลูกสาวของมันต้องมาอยู่กับคนตาย และคน...ที่มันอยากให้ตายแต่ไม่ตาย" เสียงหัวเราะสาแก่ใจดังก้อง ร่างเล็กหมอบลงแทบฐานของโลงแก้วด้วยความกลัวจับจิต            กลัว...คนเป็นที่ร้ายกาจยิ่งกว่าปีศาจสาง            กลัว...คนตายที่นอนอยู่บนนั้นประหนึ่งยังรอคอยการชดใช้จากหล่อน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม