อีกด้านผู้มาใหม่
"อย่าไปซักถามอะไรหลวงพี่ท่านเลย ท่านเป็นพระเป็นสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องพวกนั้น" เป็นตาผลที่กล่าวแทรกขึ้น
"อ้าวตาผลเองหรอกหรือครับ ทำไมมาวัดเสียบ่ายเลย" กรวรรรธถามขึ้นอย่างนึกแปลกใจ เพราะเมื่อช่วงสาย ๆ วันนี้ก็เจอกันที่บ้านแล้วทีนึง นี่เขามาที่วัดยังจะมาเจอที่วัดแห่งนี้อีก
"ก็จะมาถูกุฏิให้หลวงพี่น่ะซิ ให้สัญญากับหลวงพี่ไว้แล้วก็ต้องมา" ตาผลพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับเดินไปขอรับไม้กวาดทางมะพร้าวในมือหลวงตาเพื่อมาถือไว้เสียเอง
"นั่น มีอาวุธในมือก็กวาดเสียซิ ยังมีที่รกอีกเยอะ" ว่าแล้วตาผลก็เดินไปกวาดในพื้นที่ที่ยังรกอยู่ กรวรรธเห็นดังนั้นจึงเดินตามไปและกวาดมันดูบ้าง ในขณะที่เขากวาดไปก็รู้สึกเพลิดเพลิน สงบอย่างประหลาด
"สงบขึ้นบ้างมั๊ยล่ะ" ตาผลเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมกับยื่นเต้าตักขยะให้ กรวรรธจึงรับมา
"ตาครับ ครั้งแรกที่ผมมาส่งวันพระที่บ้าน คือรถมอ'ไซค์ของเธอยางแบนน่ะครับผมเลยมาส่ง มาถึงหน้าบ้านก็เห็นเด็กวิ่งเล่นกันสนุกสนานที่หน้าบ้านครับ ที่บ้านไม่มีเด็กไม่ใช่เหรอครับ" กรวรรธถามข้อข้องใจขึ้นมาจนได้
"แล้วพ่อเกมคิดว่าไงล่ะ หึหึ" ตาผลหัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างอารมณ์ดี
"ผมว่าผมไม่ได้ตาฝาดนะครับ เป็นเด็กเล็กไม่น่าจะเกิน 7 ขวบ ใส่เสื้อลายดอกคล้าย ๆ เสื้อเล่นน้ำสงกรานต์น่ะครับ" กรวรรธพูดออกไปตามจิตสำนึก
"พ่อเกมคงมีบุญน่ะ ถึงได้มองเห็นเค้า ปกติเค้าไม่ให้ใครเห็นง่าย ๆ นะ" ตาผลพูดเฉลยออกมาจนได้
"เค้า คือใครเหรอครับ…..หรือว่าเป็นกุมาร อะไรพวกนั้น"
"จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่" ตาผลพูดเสียงราบเรียบ และเดินไปที่หลังกุฏิ หยิบสายยางเปิดน้ำและผงซักฟอกลงในถังแล้วเอาไม้ปั่นถูพื้นลงไปปั่นแล้วเทน้ำทิ้งจากนั้นจึงเปิดน้ำใส่และเทน้ำยาถูพื้นใสในถังในสัดส่วนที่พอดี แล้วปั่นสองสมครั้งและยกไปที่กุฏิหลวงตาชราภาพที่ตอนนี้ได้นั่งสมาธิอยู่ในกุฏิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กรวรรธจึงเดินตามเข้าไป จากนั้นตาผลจึงวางถังปั่นพร้อมกับไม้ถูพื้นไว้ที่ข้าง ๆ กุฏิแล้วหยิบไม้กวาดมายื่นให้กรวรรธบ้าง ชายหนุ่มรับมาและกวาดพื้นไปเรื่อย ๆ อย่างพิจารณา และพบว่ายังมีเศษผงเล็กอยู่บ้างจึงกวาดไปเรื่อย ๆ จนสะอาด
อีกด้านของหลวงตาชราภาพ
"มองไปเหมือนไม่มีแต่ก็มีนะโยม..ฝุ่นน่ะ" หลวงตาชราภาพพูดยิ้ม ๆ กรวรรธได้แต่คิดคำนึงและนึกถึงคำถามที่ถามในใจ และพอจะรู้คำตอบ
"ขอบพระคุณครับหลวงตา" กรวรรธวางไม้กวาดแล้วนั่งลงกับพื้นแล้วยกมือพนม
"ไม่ต้องมากพิธีหรอกโยม ทำต่อเถอะจะได้กลับบ้านไม่มืดค่ำ โยมผลก็เหมือนกันเดี๋ยวโยมหลานสาวจะเป็นห่วงเอาหนา" หลวงตาชรากล่าวยิ้ม ๆ แล้วหันไปนั่งสมาธิต่อ
จากนั้นสองคนก็ช่วยกันปัดกวาดเช็ดถูกุฏิหลวงตาจนสะอาดเอี่ยมและช่วยกันเก็บซักผ้าปั่นถูพื้นเป็นที่เรียบร้อยจึงลาหลวงตากลับ หลังจากกลับออกมาจากกุฏิหลวงตาได้ไกลพอประมาณ
"ตาผลครับ วันนี้ที่ห้องพักของผมเกิดเรื่องครับ"
"เรื่องอะไรหรือพ่อเกม"
"พนักงานทำความสะอาดห้องพักได้ยินเสียงเด็กในห้องผมครับ ในช่วงที่ผมอยู่ที่บ้านของตากับยายเมื่อใกล้เที่ยงวันนี้ครับ แปลกตรงที่ว่าห้องนั้นถ้าไม่มีคีย์การ์ดจะไม่มีใครเข้าไปได้นอกจากกุญแจสำรองที่แม่บ้านครับ"
"…….." ไม่มีคำพูดใดจากปากชายชรา มีเพียงรอยเหี่ยวย่นจากคิ้วที่เลิกขึ้นสูงเหมือนแปลกใจและกำลังประมวณความคิดอะไรสักอย่าง
"ตาครับ ตารู้อะไรบ้างแล้วใช่มั๊ยครับ บอกผมมาเถอะครับ"
"ไม่มีอะไรหรอกพ่อเกม เค้าไม่ใช่ด้านมืด เค้าแค่รอเวลาของเค้าแค่นั้นแหละ เห็นแสงสว่างตรงไหนก็ไปตรงนั้น เค้าไม่ทำอะไรเราหรอก อย่างที่หลวงพี่ท่านบอกนั่นแหละ เราดีซ๊ะอย่าง สิ่งดี ๆ ก็เข้ามาหา กลับบ้านเถอะ ตาก็จะกลับเหมือนกันเอารถยนต์มาเอง จะสี่โมงเย็นเข้าไปแล้วเดี๋ยวจะมืดค่ำ มองไม่เห็นหนทาง เจ้าวันพระก็คงกำลังกลับเหมือนกัน วันนี้เค้าเข้ากะเช้าหนิ" ตาผลพูดยิ้ม ๆ
"ครับงั้นผมลาตาผลตรงนี้เลยนะครับ สวัสดีครับ"
"ไหว้พระเถอะพ่อเกม เดินทางปลอดภัย" จากนั้นตาผลก็หันหลังกลับไปและเดินไปจนลับตา กรวรรธจึงเดินไปที่รถยนต์ของตนเองและขับออกไปในที่สุด แต่รู้สึกโล่งใจแบบแปลก ๆ ทั้ง ๆ ที่คำตอบที่ได้ดูกำกวมเต็มที เขาได้แต่นึกขำตัวเองและมีสมาธิในการขับรถต่อไป
@ออฟฟิศท่านรองประธาน
"เฮียเกมครับช่วงนี้เฮียดูยุ่ง ๆ นะครับมีอะไรหรือเปล่าที่บริษัทมีปัญหาบ้างมั๊ยบอกผมได้นะครับหรือไม่ก็บอกป๊า" แดนไตรเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบหลังจากที่ต่างคนต่างนั่งทำงานตรวจเอกสารกันสักพักใหญ่
"ก็ไม่นี่ครับ ที่บริษัทก็ปกติดีไม่มีปัญหาอะไรนะครับ คุณดามไปรู้อะไรมาหรือเปล่าครับ" กรวรรธตอบตามความเป็นจริงพลางนึกแปลกใจเล็กน้อยที่เจ้านายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นลอย ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยยุ่งวุ่นวายหรืออยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
"ไม่ได้ไปรู้อะไรมาหรอกครับ เพียงแต่ นายนิวกับเพื่อน ๆ เค้าถามหาลูกพี่ของเค้าน่ะครับ เห็นบ่นว่าช่วงนี้ไม่มีเวลาให้น้อง ๆ เลย ผมก็เลยอยากถามแทน เผื่อมีปัญหาจะได้ช่วยกันคิด" แดนไตรกล่าวราบเรียบ
"ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่ไปให้อาหารปลาที่วัด แล้วก็ไปคุยกับหลวงตา แล้วก็กวาดถูกุฏิให้ท่านน่ะครับ" กรวรรธพูดยิ้ม ๆ
"………." ไม่มีคำพูดใดออกจากปากคู่สนทนา แดนไตรได้แต่เถียงในใจ
"เอ่อ นายมีอะไรหรือเปล่าครับ" กรวรรธถามขึ้นพลางยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแบบไม่รู้จะทำอะไรดี
"ไม่มีหนิครับ จะไปก็ไปเถอะ ถ้ามีอะไรด่วนผมจะเรียกแล้วกัน ได้เวลาเลิกงานของตึกหน้าแล้วนิ่" แดนไตรเอ่ยยิ้ม
"งั้นผมไปก่อนนะครับ" ว่าแล้วคนที่ไม่มีอะไรก็เดินตัวปลิวไปแผนกต้อนรับส่วนหน้าอย่างไม่เหลียวหลังกลับเลยทีเดียว