“ไปอาบน้ำแล้วค่อยมานอน”
“ขี้เกียจจัง”
“ไปเลย อย่างอแง ก็บอกแล้วว่าให้อาบพร้อมกันก็ไม่เชื่อ”
ประโยคหลังของวรฤทธิ์ทำให้คนที่เหมือนจะหมดฤทธิ์มีเวทมนตร์กลับเข้าร่างทันที
ชลิตาแว้ดออกมาทันควัน
“บ้าสิ! ใครจะบ้าจี้ ไม่เอาด้วยหรอก”
“โอ๊ย...ไม่ทำอะไรหรอกน่ะ” วรฤทธิ์โอ๊ยเสียงยาวอย่างยืนยันให้เธอมั่นใจได้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรเขาเลย
ซึ่งนั่นก็ไม่ได้เกินจริง ด้วยความที่เขาและเธอก็คบกันมาตั้งหลายปีแล้ว ถ้าอย่างเป็นทางการก็น่าจะตั้งแต่ปีสามหรือปีสี่นี่ล่ะ ไม่แน่ใจ เพราะเหมือนคุยๆ กันไปก็ถูกใจกันไปเอง ทั้งที่แต่ก่อนแทบจะกัดกันตายด้วยซ้ำ
“เชอรี่ บอกให้ไปอาบน้ำ” เขาย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอฟุบหัวลงไปที่ขอบเตียงอีกแล้ว ก็รู้ว่าง่วงก็รีบไปอาบน้ำแล้วมานอนสิวะ เขาก็ไม่เข้าใจว่าเธอจะบอกยากบอกมึนทำไม
“โอเค”
หญิงสาวรับคำเขาเสียงอ่อย ก่อนจะค่อยๆ ปลดอะไรต่อมิอะไรที่อยู่บนหัวออก วันนี้ทำผมเยอะมากยังไงก็ต้องสระ ชุดที่ใส่อีก อลังการงานสร้าง สวยน้อยกว่าเจ้าสาวนิดหน่อย และไหนจะใบหน้าที่เครื่องสำอางหนาเตอะด้วยรองพื้นที่โปะประทินผิวอย่างประณีตกว่าทุกวัน
“เธอเอาผ้าขนหนูให้หน่อย”
“ใช้กูอีก!” วรฤทธิ์บ่นอุบแต่ก็ยอมเดินไปหยิบมายื่นให้แต่โดยดี
และในจังหวะที่เขาหันหลังเพื่อจะตั้งใจเช็ดผมให้แห้ง ชลิตาก็ถอดชุดออกเพื่อจะนุ่งผ้าขนหนู นั่นทำเอาวรฤทธิ์หันขวับ
“เฮ้ย! ถอดอะไรตรงนี้”
“หันมาทำไมเล่า!” ตวาดแว้ดพร้อมกับกอดอกตัวเองไว้มั่น ด้วยยังพันผ้าขนหนูได้ไม่แน่นเท่าไร
“ก็เธอเล่นมาถอดตรงนี้”
“ก็เธอหันหลังอยู่อะ จะหันมาดูทำไมล่ะ”
“มันเห็นในกระจก” เขาว่าพร้อมกับพยักพเยิดให้เธอมองดู
ชลิตาถึงกับร้องโอ๊ยในใจ แม้จะเคยมาค้างอ้างแรมกับเขาหลายครา แต่ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอแก้ผ้าตรงนี้ ก็เลยลืมนึกไปว่าโต๊ะเครื่องแป้งมันก็อยู่ตรงนั้น ต่อให้เขาหันหลังยังไงก็ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรอยู่ดี
“ไม่เป็นไร” ชลิตาว่าแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำทันที
ทิ้งให้วรฤทธิ์ยืนอ้าปากค้างพร้อมกับความรู้สึก อิหยังวะ ที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ
นานแค่ไหนก็ไม่รู้ที่ชลิตาต้องทำธุระส่วนตัวมากมาย และขั้นตอนสุดท้ายคือการเป่าผมให้แห้ง และเมื่อผมหมาดพอที่จะนอนได้แล้ว เธอก็ไม่คิดจะรั้งรออีกต่อไป เดินไปปิดไฟแล้วก็ล้มตัวลงบนที่นอนที่มีร่างของวรฤทธิ์หมดฤทธิ์หลับนิ่งไปแล้วอีกฝั่งหนึ่ง
นี่น่าจะเป็นการหลับที่ไวที่สุดในชีวิตเพราะเหนื่อยเหลือเกิน แต่เปล่าเลย เพราะคนที่เธอคิดว่าหลับไปแล้วนั้น พอรู้ว่าเธออยู่บนเตียงแล้วเขาก็หันขวับพลิกกายขยับมากอดทันที
“อะไร...ง่วงจะแย่แล้ว” ชลิตาถามเขาเสียงอ่อนระโหย
“ก็นอนไปสิ”
เขาเอ่ยเสียงพร่าแล้วก็ก้มลงจูบหัวไหล่เนียนเบาๆ แม้จะผ่านเสื้อยืดของเขา แต่ก็ยังสามารถรับรู้ความนุ่มหอมของผิวนวลผ่องของเธอได้
“เล็กอย่ากวนได้มั้ยอะ รี่อยากนอนแล้ว” เธอเปลี่ยนสรรพนามเรียกเขาที่แบบนานๆ ครั้งจะได้ยินกัน ส่วนมากทั้งคู่ชอบเรียกกันว่าเธอและฉันมาจนติดปาก
“ไม่กวน...รี่ก็นอนไปสิ กังวลอะไร”
“อื้อ...”
นี่น่ะนะจะไม่ให้กังวล ชลิตาอยากจะตีมือหนาให้หักเป็นสามท่อนเสียจริง เขาจะบีบๆ ทุกครั้งที่นอนด้วยกันแบบนี้ไม่ได้!
“คิดถึงเธอจัง เพิ่งได้อยู่ด้วยนิดเดียวเอง วุ่นทั้งวัน” เขาว่าแล้วก็กดจูบลงบนขมับเธอแรงๆ หลายครั้ง แล้วก็เลื่อนลงมายังแก้มเนียนใสที่ไร้เครื่องสำอางใดๆ แล้ว
วรฤทธิ์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชลิตาในวัยยี่สิบห้าย่างยี่สิบหกเท่าเขา จะน่ารักและน่ากินขนาดนี้ นึกย้อนไปถึงวันวานที่ยังเป็นเหมือนศัตรูกัน
อา...เหมือนวันนั้นเพิ่งผ่านมาได้ไม่นานนี่เอง
“ตัวไม่ง่วงเลยเหรอ” ถามอู้อี้พร้อมกับยกมือลูบแก้มเขาไปด้วย แม้ตาจะปิดแหล่มิปิดแหล่ก็ตาม
“ง่วงสิ”
“ง่วงก็นอนสิคะ”
“พูดเพราะด้วย” เขาเอ่ยยิ้มๆ ผ่านแสงสลัวของโคมไฟหัวเตียง แม้เลือนรางแต่ชลิตาก็พอมองออกว่าเขากำลังขบขัน
“ไม่ดีหรอ”
“ดีสิ”
“เล็ก...”
“ว่า...”
ต่างคนต่างมองตากันหวานเชื่อม และก็เป็นชลิตาที่พูดต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ
“นอน ได้ แล้ว”
ชายหนุ่มถึงกับหลุดขำจนหัวเราะ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยจริงจัง
“สาบานว่าไม่มีเกินเลย”
พอเขาสบตานิ่งอย่างแน่วแน่พร้อมกับเอ่ยอุดมการณ์แรงกล้าออกมาอย่างนั้น ชลิตาก็จนใจจะห้ามปรามและจนด้วยคำพูดที่จะเอ่ยต่อ
และเมื่อเขาดึงเสื้อยืดของเธอออกไป จากนั้นก็ปลดตะขอเสื้อใน เธอก็เลยไม่ได้ขัดขืน อย่างน้อยท่อนล่างก็ยังมีบ๊อกเซอร์ของเขาที่เธอหยิบมาใส่สวมอยู่
วรฤทธิ์ก้มลงจุมพิตเนินเนื้อนุ่มที่เขาหลงใหล บีบคลึงสัมผัสเพื่อให้เธอผ่อนคลาย ก่อนจะดื่มด่ำทั้งสองข้างอย่างไม่น้อยหน้า เพื่อที่ว่าเขาจะได้ฝันดีในคืนนี้
และก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น เมื่อตัดใจละจากผิวสวยๆ ได้ เขาก็ขยับขึ้นมานอนหมอนใบเดียวกันกับเธอ พร้อมกับจุมพิตปากอิ่มที่ยังเม้มแน่นอยู่
“นอนนะ ดึกแล้ว”
เขาว่าแค่นั้นแล้วก็ซุกหน้ากับซอกคอของเธอแล้วหลับตาทันที ปล่อยให้ชลิตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์ที่โดนปลุกจนเกือบจะลุกโชนให้มันมอดดับไปเอง
ให้ตายเหอะ เธอจำเหตุการณ์คล้ายๆ อย่างนี้ได้แม่น มันเหมือนกับตอนคืนวันที่กลับจากงานปัจฉิมไม่มีผิด เขาเอาแต่ใจ และก็ปล่อยให้เธอค้างคาอยู่บนยอดต้นยูคาลิปตัสแบบนี้แหละ
แต่มันก็เป็นความค้างคาที่เธอเต็มใจรับอย่างยิ่ง...