“ไม่เอา...ให้ปุ้มไปด้วย” วิบูลย์ว่าพร้อมกับยื่นมือมาดึงแขนของสาวน้อยนามว่าปุ้ม หรือ วรปภา ฤทธิเจริญรัตน์ ให้เขยิบมาใกล้ จนเธอเสียหลักเซลงไปนั่งบนม้าหินอ่อนข้างเขา
“ไอ้บาส มึงเมาแล้วอย่ากวนน้อง” ศุภณัฐปรามเพื่อนเสียงแข็ง เขารู้ว่าสองคนนี้ตัวติดกันมากมาตั้งแต่ตอนวัยเด็กแรกรุ่น สนิทกันเหมือนเป็นพี่น้องท้องเดียวกันไม่มีผิด
“กูปวดหัว...อูย”
คนเมายังสำออยไม่ยอมหยุด ก่อนจะจับมือวรปภามาวางที่หน้าอกตัวเองพร้อมกับหลับตา
“เออๆ ตามใจมัน เดี๋ยวกูไปส่งปุ้ยเอง รีบไปกันเถอะ ไอ้นิ้งจะยืนหลับแล้ว” ศักดิ์ชัยสรุปขึ้นในที่สุด
และถ้อยคำนั้นก็ทำให้วรกัญญา ฤทธิเจริญรัตน์ หรือปุ้ย แฝดน้องของวรปภาที่เกิดทีหลังห่างกันเพียงสิบห้านาทีหน้าหงอยลงอย่างเศร้าๆ เธออยากไปกับคู่แฝดของตนและอยากให้ศุภณัฐเป็นคนไปส่งมากกว่า
แต่เมื่อได้ยินเสียงศุภณัฐ แววตาหม่นหมองนั้นก็ค่อยสดใสขึ้น
“ปุ้ยไปกับพี่ม่อนนะ เดี๋ยวพี่ส่งพี่บาสเสร็จจะรีบพาปุ้มมาส่งให้”
“ค่ะ” สาวน้อยรับคำเสียงแผ่ว ก่อนจะหันไปยิ้มให้แฝดของตน แล้วเดินตามศักดิ์ชัยออกไปเงียบๆ
เมื่อสองคนนั้นเดินห่างออกไปแล้ว ศุภณัฐก็ประคองวิบูลย์มาขึ้นรถที่เบาะหลัง โดยมีวรปภาตามมานั่งข้างๆ ส่วนนีรนาถนั้นเดินไปนั่งเบาะหน้าข้างคนขับ
ศุภณัฐสตาร์ตเครื่องยนต์ และก่อนออกรถก็หันมาบอกแฟนสาว
“เดี๋ยวไปส่งตัวเองก่อนนะ”
“ไม่เป็นไร เค้าไปด้วยได้ เดี๋ยวตัวเองขับรถกลับคนเดียว”
นีรนาถท้วง ด้วยว่าดึกแล้วเธอไม่อยากให้เขาขับรถกลับบ้านคนเดียว แม้ว่าบ้านเธอจะถึงก่อน แต่เธอก็ยินดีนั่งรถไปเป็นเพื่อนเขา
“โอเค” ว่าแล้วก็ออกรถไปทันที
ขับมาได้ราวๆ สิบนาที วิบูลย์ก็ออกอาการโอ้กอ้ากอีกแล้ว
“ไอ้บาส ไหวมั้ย” ศุภณัฐที่มองเห็นเพื่อนจากกระจกหน้ารถเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
“ตัวเองเอาน้ำเปล่าให้มันหน่อย อยู่ข้างๆ ประตูมีปะ”
เจ้าของรถเอ่ยบอกนีรนาถ และเธอก็รีบหยิบขวดน้ำส่งให้วรปภาที่ยื่นมือมารับทันที
“ไม่ๆ” คนเมาปฏิเสธและส่ายหน้าไปมา
วรปภาเลยจัดการเทน้ำใส่มือเล็กน้อยและลูบหน้าลูบตาให้เขา นั่นทำให้วิบูลย์แทบจะหายเมาจากการสัมผัสที่อ่อนโยนนั้น ก่อนจะตัดสินใจเอนตัวลงนอนหนุนตักน้องสาวเพื่อนทันที ท่ามกลางความตกใจของทุกคนในรถ
“ไอ้บาส!” ศุภณัฐปรามเสียงเข้ม
แต่วรปภาก็เอ่ยขึ้นอย่างเข้าใจคนเมาดี นั่นเลยทำให้สถานการณ์คลี่คลาย
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เอส ให้พี่บาสนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวอ้วกอีกจะแย่เอา”
ว่าจบก็ยกมือลูบใบหน้าที่เปียกชื้นหยดน้ำออกให้เขาเบาๆ พร้อมกับประสานฝ่ามือน้อยกับมือหนาที่เอื้อมมากุมอย่างกำลังจะบอกว่าจะไม่ยอมปล่อยมือเธออีกอย่างไรอย่างนั้นเลย...
ฝ่ายวรฤทธิ์ที่อยู่ป่วนการเข้าหอของขุนพลจนวินาทีสุดท้ายนั้น ตอนนี้ได้หมดฤทธิ์แล้ว คนที่ต้องพากลับบ้านก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คนบ้าๆ เหมือนกันที่คบกันได้นั่นแหละ
คนที่พาคนเมากลับมาถึงคอนโดได้อย่างทุลักทุเลถึงกับทรุดนั่งลงกับพื้นและเอาหัวพิงเบาะโซฟาหอบแฮกๆ อย่างเหนื่อยๆ เมื่อสุดท้ายก็สามารถพาคนป่วนงานแต่งชาวบ้านกลับมาได้สักที นี่ดีนะที่เขาไม่ได้เมามากจนเดินเองไม่ได้ ไม่งั้นชลิตาคงไม่มีปัญญาแบกเขาขึ้นมาที่คอนโดชั้นสิบสองแน่นอน
“อา...เหนื่อย”
ยังไม่วายบ่นพร้อมกับเหลือบตาไปมองค้อนคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟา และราวกับเขารู้ว่ากำลังถูกแอบด่า จึงได้พลิกตัวนอนหงาย ก่อนจะค่อยๆ ประคองกายขึ้นมานั่งเอาหัวพิงพนักโซฟา แล้วหรี่ตามองเธอนิ่งๆ
“ไปนั่งทำไรที่พื้น”
นี่คือคำพูดของคนที่เพิ่งสร่างเมารึไง! ฟังยังไงก็ไม่เข้าหูอยู่ดี
“ก็เหนื่อยอะ”
“มานี่” ว่าพร้อมกับดึงแขนเธอให้มานั่งบนโซฟาด้วยกัน แต่คงเพราะดึงแรงไปหน่อย หรือเพราะชลิตาไม่ขืนตัวไว้บ้างก็ไม่อาจทราบได้ ที่ทำให้สุดท้ายก็ต้องไปนั่งบนตักเขา พร้อมกับให้อ้อมแขนแข็งแรงนั้นกอดรัดแรงๆ อย่างกับจะแกล้ง
คนนิสัยเสีย! ขอบอกขอบใจสักคำก็ไม่มี นี่เขาไม่สำนึกเลยใช่ไหมว่าเธอเหนื่อยแล้วก็ง่วง
“เหม็นเหล้า”
“เดี๋ยวเธอจะกลับบ้านหรือเปล่า” เขากลับถามอีกเรื่อง ไม่นำพาว่าเธอจะบ่นอะไร
“ไม่ไปแล้ว ใครจะไปดึกป่านนี้ ขับรถกลับไปกลับมาหลับในตายพอดี”
“โอเค” คนเมาที่ยังพอมีสติพยักหน้าหงึกๆ
“เธอไปอาบน้ำเลย จะได้นอน”
“เธอไม่ไปอาบก่อนอะ” วรฤทธิ์เอ่ยอู้อี้พร้อมกับเอาจมูกถูไถที่หัวไหล่เล็กเหมือนหยอกเอิน
“ก็เธอเมา ฉันอาบนาน เดี๋ยวเธอหลับก่อนแล้วไม่ได้อาบ”
“อาบพร้อมกันมั้ยล่ะ” คนเมาชวนด้วยน้ำเสียงทะเล้น
ชลิตาเลยยกมือขึ้นบิดจมูกเขาเพราะความมันเขี้ยว
“ไม่เอา ไปเดี๋ยวนี้เลย”
สุดท้ายวรฤทธิ์ก็ยอมไปอาบน้ำก่อนแต่โดยดี
ใช้เวลาไม่นานก็กลับออกมาจากห้องน้ำ มือหนาที่กำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมอยู่ชะงัก เมื่อคนที่ไล่ให้เขามาอาบน้ำก่อน ตอนนี้นั่งฟุบหลับอยู่ที่พื้นโดยเอาหัวพาดกับขอบเตียง
“เธอ...เธอ”
“อื้อ ว่าไง” ชลิตางัวเงียถามอู้อี้ แต่ก็ไม่ยอมตื่น