บทนำ ขอ (1)
วันนี้ที่บ้านหลังน้อยของอาทิตยาและอลิสายิ่งดูคับแคบลงไปถนัดตาเมื่อมีจำนวนคนมาเยือนมากกว่าปกติ กระนั้นก็มีแต่คนที่ตอนนี้จัดได้ว่าคุ้นเคยกันดีเพราะเป็นคนกันเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น
ลุงใหญ่ ประพจน์ ลุงของชลิตา ที่ความจริงแล้วท่านคือพ่อของอาทิตยา เป็นสามีคนแรกและคนเดียวของอลิสา
ชลิตา ตอนนี้ก็มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับอาทิตยา ซึ่งงานนี้สาวอวบมีทั้งศักดิ์ที่เป็นพี่และอายุที่มากกว่าหลายเดือนเนื่องจากเกิดต้นปี ฝ่ายชลิตานั้นเกิดปลายปี และพ่อของเธอก็คืออาน้อย ประณต อาของอาทิตยา
วรฤทธิ์ ศุภณัฐ ศักดิ์ชัย และวิบูลย์ ก็มาด้วย แถมยังแต่งตัวหล่อกันเป็นพิเศษ งานนี้เห็นจะมีแค่ศักดิ์ชัยและวิบูลย์ที่ยังโสด ด้วยว่าศุภณัฐพาแฟนสาวอย่างนีรนาถมาด้วย ตั้งแต่เคลียร์ใจกันได้ สองคนนี้ก็ตัวติดกันอย่างกับตังเม เหมือนอยากชดเชยช่วงเวลาที่เคยเมินเฉยต่อกัน แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะมีทะเลาะและงอนกันบ้างก็ตาม
ส่วนวรฤทธิ์นั้นก็อย่างที่รู้ว่าคบกับชลิตา แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะลุ่มๆ ดอนๆ เลิกกันวันละพันหน แต่ความรักก็ช่วยขจัดปัดเป่าความงี่เง่าและเอาแต่ใจอันล้นเหลือของทั้งคู่ได้
นอกจากนี้ ยังมีบุคคลที่สำคัญยิ่ง คือพ่อกับแม่ของขุนพลที่มาพร้อมญาติผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดเกือบสิบคน
และที่จะขาดไม่ได้เลย ตัวเอกของงานที่นั่งเคียงข้างอาทิตยาอยู่ในตอนนี้และกำลังกุมมือเธอไว้มั่น ขุนพลผู้สร้างตำนานรักสาวอวบนั่นเอง
ใช่แล้วล่ะ วันนี้ขุนพลยกขบวนพาญาติผู้ใหญ่มาสู่ขออาทิตยาอย่างเป็นทางการเพื่อจะจัดงานแต่งให้ถูกต้องตามประเพณี หลังจากที่ได้เจาะไข่แดงไปแล้วในคืนงานเลี้ยงวันปัจฉิมที่ทั้งคู่จบการศึกษา แม้ว่าวันถัดมาจะพากันไปจดทะเบียนสมรสแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของผู้ใหญ่ตั้งแต่แรก และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หนีคนอวบกอดอุ่นไปเรียนต่อตามที่เคยรับปากกับครอบครัวตั้งสามปี กลับมาคราวนี้ พออะไรเข้าที่เข้าทางก็เลยพาพ่อแม่มาสู่ขออาทิตยาเสียเลย
ในวัยยี่สิบเจ็ดปีหยกๆ มีครอบครัวเป็นของตัวเองไม่ถือว่าเร็วเกินไปสำหรับเขา ตอนนี้เขาพร้อมที่จะใช้ชีวิตคู่อย่างจริงจังแล้ว
ขุนพลเหลือบสายตาไปมองเดอะแก๊งเพื่อนทั้งสี่ที่สนิทสนมและเขาก็รักพวกมันเหมือนน้องชาย แม้อายุห่างกันเพียงปีเดียวหรือบางคนห่างปีกว่าเพราะส่วนใหญ่พวกมันเกิดปลายปี แต่พวกนั้นยังเหมือนเด็กมัธยมจอมซนเสมอในสายตาเขา เขาไม่ได้คิดแบบนั้นเพราะต้องการข่มว่าตนโตกว่าหรืออะไร แค่รู้สึกรักและผูกพัน ทั้งสี่นั่นทำให้คนที่ไม่มีพี่น้องและเป็นลูกคนเดียวอย่างเขาอบอุ่นใจและมีชีวิตชีวาเรื่อยมา ซึ่งจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป แม้ว่าความมีชีวิตชีวาของเขาจะมีเพิ่มเติมสุดจะนับจากคนตัวอวบๆ ที่นั่งข้างๆ นี่แล้วก็ตาม
อา...การได้เห็นยัยอวบใส่ชุดสวยๆ และนั่งเรียบร้อยคือความสุขของเขาจริงๆ
และที่เขาชอบมากกว่านั้น คือการที่เธอกลับมาอวบอิ่มในแบบที่เขาเห็นแล้วไม่หงุดหงิด ไม่ได้ซูบลงจนแก้มตอบเหมือนที่เขาได้เห็นเธอครั้งแรกตอนกลับมาจากต่างประเทศ
ผู้หญิงทุกคนอยากหุ่นสวยและดูดี ก็เข้าใจ แต่เมียเขาต้องอวบเข้าไว้ จับตรงไหนก็ต้องเต็มไม้เต็มมือ แต่ห้ามลงพุงเด็ดขาด เพราะพุงใหญ่อาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ ต้องอวบแบบเฮลตี้ (Healthy) หรือสุขภาพดี
เขาชอบยัยอวบ...คนเดียว และเงื่อนไขต่างๆ ที่เขามีก็เพราะความรักที่มีต่อเธอเพียงคนเดียวอีกเช่นกัน
ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงคำนึงของตนเอง และคนที่ทำหน้าที่เจรจาก็ทำหน้าที่ของตนเองไป แล้ววินาทีต่อมาเสียงของมารดาก็ดึงให้ขุนพลกลับมาตั้งใจฟังในสิ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งกำลังเอื้อนเอ่ย
“เอาไปให้หมดเลยค่ะ ทรัพย์สมบัติเป็นของนอกกาย ตายไปก็เอาไปไม่ได้”
นางอารียา สุธีรากรโชติช่วง เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ดูก็รู้ว่าสุขใจเพียงใดที่ลูกชายจะเป็นฝั่งเป็นฝา และที่บังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อคือ ชื่อแม่สามีกับชื่อลูกสะใภ้ดันใกล้เคียงสอดคล้องกันเหลือเกิน
“แม่...เก็บไว้มั่งสิ จะให้หมดเลยรึไง” นายขุนทศ สุธีรากรโชติช่วง แย้งไม่จริงจังนัก ออกแนวขำๆ มากกว่า
“อุ๊ย ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะ เด็กๆ รักกันเป็นเรื่องดี ไม่ต้องมีเงินทองมากมายมายกให้ก็ได้” อลิสาเอ่ยขึ้น ด้วยว่าไม่อยากให้ต้องกังวลกันในเรื่องนี้ ขณะที่ประพจน์ผู้เป็นสามีก็พยักพเยิดเห็นด้วย
“งั้นเอาไปร้อยเดียวละกันครับ”
พ่อของขุนพลสรุปพร้อมทำสีหน้าจริงจัง
“ฮะ!”
ทุกคนอึ้งกันไปหมด โดยเฉพาะขุนพลที่เสียอาการอย่างหนักถึงกับหันขวับไปมองหน้าพ่ออย่างตกใจ
ก่อนที่สามวินาทีต่อมาบรรยากาศจะผ่อนคลาย เมื่อพ่อของเขาพูดต่อจนจบว่า
“หมายถึงทองคำแท่ง...ทองคำแท่งร้อยบาทก็น่าจะโอเค”
“โอ๊ย แค่ทองม้วนก็ดีถมเถค่ะ อุ๊บอิ๊บชอบ”
“แม่คะ”
อาทิตยาสะกิดแม่ยิกๆ ก่อนจะหันไปตีแขนของขุนพลเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะครื้นเครงดังออกมาจากปากเขา ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะหัวเราะเฮฮาเสียงดังแบบนี้
จากนั้นทุกอย่างก็ลื่นไหลไปต่อ จนได้ข้อสรุปตามที่ผู้ใหญ่เห็นสมควร ทั้งหมดอยู่รับประทานอาหารเที่ยงด้วยกัน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับเพื่อไปเตรียมงานต่อไป...