“ดีดี้ คุณเข้าใจนะ” ดวงตาคมเข้มยังคงจับจ้องแต่เพียงใบหน้าระเรื่อและริมฝีปากที่เผยอค้างราวกำลังอยู่ในภวังค์
“เอ่อ...ค่ะ เข้าใจ” แม้จะรับคำแต่ก็รู้ว่าคงจะลืมเสียหมดถ้าขืนเขายังเรียกเธอว่า ‘ดีดี้’ อีกครั้ง
“ขอบคุณที่คุณเข้าใจและผมอยากให้คุณเข้าใจในเจตนาด้วย ผมไม่ได้อยากจะก้าวก่ายการทำงานของฝ่ายจัดซื้อ แต่หากว่าฝ่ายจัดซื้อรัดกุมกว่านี้ ปัญหาที่เกิดในสายการผลิตก็จะลดน้อยลงไปได้มากและจะได้ช่วยลดต้นทุนการผลิตไปอีกทางนึงด้วย”
“ค่ะ ฉันเข้าใจ”
เธอรับคำเพราะเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาบอกให้ทางฝ่ายจัดซื้อมีการจัดแผน ‘การตรวจเยี่ยมผู้จำหน่าย’ ให้รู้ว่าผู้จำหน่ายรายใดมีบริษัทอยู่ที่ไหน มีฐานะทางการเงินมั่นคงหรือไม่ รวมทั้งให้เธอเร่งรัดให้ผู้จำหน่ายแต่ละรายส่งเอกสารควบคุมวัตถุดิบที่จำเป็นมาให้กับ KPP ให้ครบถ้วน และที่สำคัญฝ่ายจัดซื้อควรจะสอบราคาสินค้าและวัตถุดิบก่อนทำการจัดซื้อสินค้า เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดเพราะที่เขาตรวจพบนั้นวัตถุดิบในบริษัทมักจะซื้อจากผู้จำหน่ายรายเดียวทั้งหมด เพราะนั่นจะกลายเป็นว่าอำนาจในการสั่งซื้อของ KPP จะคลุมเครือไม่รู้ว่า KPP มีอำนาจหรือว่าผู้จำหน่ายมีอำนาจกันแน่
ดาวินียอมรับว่าฟังเขาพูดจนเพลินเพราะสิ่งที่เขาพูดออกมาทั้งหมดนั่นก็ตรงกันกับความคิดของเธอ แต่อีกอย่างหนึ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ การผูกขาดในร้านใดร้านหนึ่งนั่นย่อมก่อให้เกิดการทุจริตได้ง่ายและมันก็คงจะเกิดมานานแล้วล่ะที่นี่
“ดีดี้ หากมีอะไรไม่ดีๆ เกิดขึ้น เช่น การทุจริต คุณจะบอกผมมั้ย” น้ำเสียงอ่อนโยนแผ่วเบาดังกำลังหยั่งใจคนเล่น
แววตาคมเข้มของเขาที่มองตรงมาอย่างคาดหวังนั้นทำให้เธอต้องหลบมองเพียงโต๊ะด้านหน้า เพราะอาการสั่นๆ ของเธอกำลังจะกำเริบอีกครั้ง จะให้บอกได้อย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แม้จะเป็นเรื่องทุจริตที่ค่อนข้างแน่ใจก็ตาม
“บอกสิคะ แต่นั่นฉันต้องแน่ใจว่ามีหลักฐานเพียงพอเสียก่อน เพราะคนที่ถูกกล่าวหาเขาอาจทำจริงหรือไม่จริงก็ได้ ซึ่งถ้าเราอคติเราก็อาจตัดสินเขาไปแล้วค่ะ” ดาวินีพูดออกไปทั้งที่ยังคิดไม่ออกเพราะหลักฐานเสียงสยิวพวกนั้นจะใช้ได้ไหม
“หวังว่าคุณคงหาหลักฐานให้ผมได้ ใช่มั้ย”
“ค่ะ” ตอบรับแต่ก้มใบหน้าลงต่ำไม่อยากให้เขาจับความรู้สึกได้
“การทำงานกับคนหมู่มากบางครั้งมันก็หลีกเลี่ยงความไม่พอใจของใครไม่ได้หรอกนะ เพราะต่างคนต่างความคิด แต่คนที่มาอยู่ในองค์กรเดียวกันก็ควรจะมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน และพื้นฐานของการทำงานนอกจากความขยันหมั่นเพียรแล้ว ความซื่อสัตย์สุจริตก็เป็นสิ่งที่คนที่ประกอบสัมมาอาชีพจำเป็นต้องมี คุณว่ามั้ย”
กฤปมัยมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่อยู่ในอาการครุ่นคิด เธอกำลังคิดเรื่องที่เขาบอกหรือเรื่องอื่นเขาไม่รู้ แต่คำตอบรับสั้นๆ อีกครั้งก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกฉุนๆ ว่าเธอไม่ใส่ใจที่จะฟัง
“ค่ะ”
“คุณพูดอย่างอื่นบ้างก็ได้ ดีดี้ คุณปล่อยให้ผมพูดอยู่คนเดียว สังคมโรงงานมันแคบนะคุณ เชื่อสิ! พรุ่งนี้คงมีข่าวที่ผมเอ็ดคุณกระจายไปทั้งโรงงานแน่”
“ค่ะ”
“คุณ...” สีหน้าคนหล่อเริ่มจะกรุ่นอารมณ์เพราะเธอที่เอาแต่รับคำอย่างเดียว
“คุณดินคะ ฉันคิดว่าคุณก็คงจะรู้เรื่องบางเรื่องที่ไม่ควรรู้มาบ้างแล้ว แต่ถ้าจะให้ฉันพูด ฉันก็คงพูดไม่ได้ตอนนี้หรอกค่ะ แต่หากจะให้แนะนำก็คงต้องแนะนำว่าที่ออฟฟิศฉันน่าจะติดตั้งเครื่องบันทึกเสียงหรือไม่ก็กล้องวงจรปิดนะคะ เพราะหลักฐานคงไม่ออกมาให้คุณหาหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่เข้าไปหามันเอง” คงเท่านี้ที่เธอจะช่วยได้เพราะกฤปมัยไม่ใช่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ เธอคนเดียวที่ต้องไปอยู่ในห้องผจญมารนั้น ถ้าแสดงออกมากไปสงสัยว่างานนี้คงจะรักษาไว้ไม่ได้อีกตามเคย
“อืม...แค่นี้ก็พอแล้ว ขอบคุณคุณมาก”
รอยยิ้มอ่อนโยนส่งตรงออกมาถึงเธอทำเอาดาวินีถึงกับต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพราะมันบาดหัวใจนัก รอยยิ้มของคนหล่อกำลังทำให้เธอละเมออีกครั้งแล้วในรอบวันที่ผ่านมา
‘คนบ้า! เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย’
“นินทาผมเหรอ” เขาถามพลางส่งยิ้มหล่อๆ มาให้
“อ่ะ! เสร็จเรื่องแล้วใช่มั้ยคะ งั้นฉันขอตัวก่อน” ดาวินีลุกพรวดอยู่ไม่ได้แล้ว ขืนช้ากว่านี้เพียงอึดใจมีหวังเธอคงจะตกไปในหลุมของเขาจนปีนขึ้นมาไม่ได้แน่ๆ
“เดี๋ยว! ดีดี้ ถ้าคุณไพโรจน์เขาเสร็จธุระแล้ว รบกวนให้เขาโทรหาผมด้วย”
‘เสร็จธุระ’
แม้เขาจะไม่ส่อเจตนาในความหมายของคำว่าธุระแต่เธอก็กลับรู้สึกว่าเขาหมายความถึงเรื่องนั้น แต่จะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะรู้ หรือว่าเธอจะคิดมากไปเอง
“ทำหน้าแปลกใจอะไร ถ้าเขาไม่ติดธุระเขาก็ควรจะมาพบผมด้วยตัวเองนะ เพราะนี่มันเรื่องใหญ่ รถจอดอยู่หนิไม่ได้ไปไหน หรือที่ผมเข้าใจมันผิด จริงๆ แล้วเขาเจตนาที่จะไม่มาพบผม หรือไง” เขาส่งคำถามไปยังคนหน้าเจื่อนแต่น่าสงสารที่สุดในสายตาของเขา
“อ้อ...ไม่ค่ะ ผู้จัดการติดธุระจริงๆ ค่ะ มีร้านเหล็กโทรมาพอดี งั้นเดี๋ยวฉันจะแจ้งผู้จัดการแบบนั้นนะคะ”
กฤปมัยมองตามคนร่างเล็กที่ค่อยๆ เดินขึ้นไปบนออฟฟิศชั้นสอง อยากจะบอกเธอเหลือเกินว่าคำแนะนำที่เธอบอกนั้นเขาได้ติดตั้งไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว และคนที่เขามอบหมายหน้าที่ให้ทำนั้นก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็แค่ออฟฟิศตรงกันข้ามนี่เอง ‘ฝ่ายบุคคล’ แต่คนที่จะเข้ามาควบคุมด้วยตัวเองกลับเป็นคนที่เขาไม่เคยคิดสักครั้งว่าจะได้พบหน้า แต่โลกมันกลมจะให้หนีกันไปตลอดก็คงจะไม่ใช่