อิสรภาพที่โหยหา
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ประเทศไทย
หญิงสาวหน้าตาดี รูปร่างสมส่วนกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนชั้นเฟิสต์คลาสของสายการบินชื่อดัง เธอนอนหลับปุ๋ยราวรับเด็กน้อยก็มิปาน
“ผู้โดยสารคะ เครื่องใกล้จะแลนด์ดิงแล้วนะคะ” เสียงพนักงานเครื่องบินเอ่ยปลุกเบา ๆ นิรดาจึงสะดุ้งตัวตื่นอย่างงัวเงีย เธอพยักหน้ายิ้มรับแทนคำขอบคุณ ก่อนจะรีบจัดการตัวเอง ล้างหน้า แปรงฟัน ตรวจเช็กความเรียบร้อยด้วยความตื่นเต้น
หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดเธอก็ได้กลับมาประเทศไทยสักที หญิงสาวยิ้มกว้างจนใบหน้าหวานสว่างวาบ หัวใจเต้นแรง ดีใจที่จะได้ใช้ชีวิตที่นี่อย่างอิสระ ไม่ใช่ว่าอยู่ที่บ้านแล้วจะไม่ดีเสียทีเดียว ครอบครัวของเธออบอุ่น มีครบทุกอย่างให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ทว่าสบายเกินไปจนเธอรู้สึกเบื่อขึ้นมา จึงนึกอยากลองทำอะไรแหกกฎบ้าง
เมื่อย้อนกลับไปตอนที่นิรดาอยู่อิตาลี ไม่ว่าเธอจะก้าวขาเดินไปทางไหน ก็มักมีบอดีการ์ดเดินตามเป็นพรวนอยู่เสมอ ต้องการอะไรแค่กระแอมบอกเบา ๆ สิ่งนั้นก็มาวางไว้ตรงหน้าโดยพลัน ต่างจากการบินมาใช้ชีวิตที่ประเทศไทยโดยสิ้นเชิง เพียงแค่คิดว่าจะได้ทำงานหาเงินเอง ขึ้นรถไฟฟ้าไปไหนมาไหนเอง หรือแม้แต่หาของกินเอง เท่านี้หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นแล้ว
เพียงไม่กี่นาทีต่อมาเครื่องบินแลนด์ดิงลงสนามบินอย่างนิ่มนวลจนแทบไม่รู้สึกถึงการกระแทก หลังจากใช้เวลาเช็กสัมภาระเสร็จเรียบร้อย โดยไม่รีรอ นิรดาเดินตามลูกศรชี้ไปยังสายพานรับกระเป๋าทันที
กระเป๋าเดินทางของเธอค่อนข้างใบใหญ่เป็นพิเศษ ด้วยขนเสื้อผ้ากับรองเท้ามาเยอะจนแทบไม่ต้องหาซื้อใหม่ เธอเป็นคนที่ชอบใส่เสื้อผ้าตัวเดิม ๆ แบบเดิม ๆ ส่วนใหญ่มีแต่คอลเลกชันที่มัมเป็นคนออกแบบเท่านั้น เป็นสิ่งพิเศษที่ทำให้เธอหลงรักมันมากกว่าเสื้อผ้าแบรนด์อื่น ๆ
หลังจากรับกระเป๋าและเดินออกมาด้านนอกได้ ทันทีที่อากาศชื้น ๆ ของประเทศไทยเข้าสัมผัสผิวกายขาวผ่อง หญิงสาวก็กางแขนสูดเอาอากาศเข้าไปเต็มปอดเต็มที่
“ประเทศไทยจ๋า น้องดามาแล้วจ้า~”
ด้วยความสวยอันโดดเด่นของเธอ ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างหันมองด้วยความสนใจ ทั้งใบหน้าสวยสะดุดตา ดวงตากลมโตเปล่งประกายสดใสรับกับใบหน้าเกลี้ยงเกลา และรูปร่างสูงสมส่วนกับเรียวขาสวย วันนี้นิรดาสวมเพียงชุดสบาย ๆ กางเกงยีนขายาวสีเข้ม เสริมให้ทรวดทรงน่ามอง ทำเอาผู้ชายบางคนถึงกับหันมองตาค้าง
ในขณะเดียวกันนั้นมีร่างสูงใหญ่ของใครบางคนกำลังออกมาจากสนามบินเช่นกัน สายตาคมเข้มปะทะเข้ากับร่างบางพอดี ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีผู้หญิงสักคนทำให้เขาหายใจสะดุดแบบนี้ได้ ความสวยชวนหลงใหลของหญิงสาวเบื้องหน้าทำให้สองขาชะงักลง สายตายังคงละจากเธอไม่ได้ราวกับต้องมนตร์ หญิงสาวแปลกหน้ายิ้มแย้มสดใสอยู่ลำพัง ส่วนชายร่างใหญ่ยืนแข็งเป็นหิน จ้องมองจนกระทั่งเธอเดินลับสายตาเข้าไปในลิฟต์
“ท่านชายวัตน์เชิญทางนี้เลยครับ คนขับรถมารอแล้วครับ”
“อืม ไปกันเถอะ” ภานุวัตน์ละสายตามาตอบกลับผู้ช่วยส่วนตัวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ พลางรีบก้าวขาเดินออกไป
“ท่านชายจะเข้าบริษัทเลย หรือจะกลับวังก่อนดีครับ”
“เข้าบริษัทก่อนเลย ฉันมีประเด็นจะปรึกษาเรื่องโครงการใหม่ของเราพอดี”
“ท่านหญิงต้องทรงบ่นผมแน่ครับ ท่านโทรมารับสั่งว่า หากท่านชายถึงประเทศไทยแล้วให้เข้าไปหาที่วังครับ ท่านทรงลงมาจากเชียงราย มารอท่านชายตั้งแต่สองวันก่อนแล้วครับ” ดนัยรีบรายงานไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
ต้นตระกูลของภานุวัตน์นั้นสืบเชื้อสายจากเชื้อพระวงศ์ เรียกได้ว่าเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เจ้ายศเจ้าอย่างเช่นคนร่ำคนรวยคนอื่น ๆ ทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้คนรอบกายใช้คำราชาศัพท์กับเขา แม้ว่าท่านพ่อท่านแม่เป็นถึงหม่อมเจ้าก็ตาม หม่อมเจ้าหรรศดีและครอบครัวเคยย้ายไปทำธุรกิจที่ฮ่องกง ก่อนย้ายกลับมาประเทศไทย แล้วได้พบรักกับหม่อมเจ้าหญิงรวีวรรณ ต่อมาทั้งสองสมรสกัน และได้คุณชายภานุวัตน์เป็นโซ่ทองคล้องใจนั่นเอง
หลังจากท่านทั้งสองเกษียณแล้วจึงยกตำแหน่งประธานให้ลูกชายดูแลธุรกิจแทน ตอนนี้พวกท่านใช้ชีวิตอยู่ที่เชียงราย ดูแลไร่ชาเขียวเป็นหลัก
“ท่านแม่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงอยากพบฉัน” ภานุวัตน์ถามด้วยความสงสัย
“น่าจะเรื่องที่จะให้ท่านชายไปพบกับลูกสาวเพื่อนของท่านล่ะมั้งครับ”
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ฉันไม่เอาด้วย ฉันไม่ไป นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบเรื่องดูตัวอะไรแบบนี้” ชายหนุ่มบ่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจ จะมีเมียทั้งทีก็ขอเป็นผู้หญิงที่เขารัก และเธอคนนั้นจะต้องสวยแบบผู้หญิงที่เพิ่งเจอในสนามบินเมื่อกี้ รอยยิ้มและใบหน้าเป็นประกายนั้นยังคงติดตรึงอยู่ภายในใจเขา ได้แต่นึกเสียดายที่ไม่ได้เดินตามไปทำความรู้จัก ทว่าแอบคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงสวยเพอร์เฟกต์ขนาดนี้อาจจะมีแฟนแล้ว
“โครงการล่าสุดที่ท่านชายจองเพนต์เฮาส์เอาไว้ ตอนนี้ห้องฝั่งตรงข้ามมีคนซื้อไปแล้วนะครับ”
“คนไทยหรือต่างชาติล่ะ รู้งี้ฉันน่าจะเก็บไว้ทั้งสองห้อง นายก็รู้ว่าฉันต้องการความเป็นส่วนตัวแค่ไหน” ภานุวัตน์บ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด เขาไม่คิดว่าจะมีใครมาซื้อห้องเร็วขนาดนี้
“เป็นนักธุรกิจจากประเทศอิตาลีครับ” ดนัยรายงาน
“อืม” ภานุวัตน์ตอบกลับด้วยคำสั้น ๆ ราวกับไม่ใช่เรื่องน่าสนใจอะไร
“ดูท่าน่าจะรวยมากครับ หลังจากเห็นโครงการเรา เขาก็ดูสนใจมาก สอบถามราคากันไม่นานไม่คิดจะต่อรองราคาอย่างคนอื่น ๆ ทำเรื่องซื้อโอนเสร็จภายในวันเดียวเลยครับ”
“ก็คงเป็นอย่างนั้น โครงการนี้เป็นทำเลทอง แค่ก้าวขาออกจากห้องก็ถึงสถานีรถไฟฟ้า แถมยังอยู่ชั้นบนสุดมองเห็นตึกได้ทั้งเมือง ถ้าไม่รวยจริงคงไม่กล้าจ่ายสองร้อยล้านโดยไม่ลังเลแบบนี้หรอก”
“ผมเห็นด้วยเลยครับ แล้วท่านชายจะย้ายเข้าไปอยู่เมื่อไหร่ครับ ตอนนี้ห้องตกแต่งเสร็จตามที่ท่านชายต้องการแล้วนะครับ”
“ไว้จัดการแก้ปัญหาไซต์งานที่ภูเก็ตก่อนค่อยย้ายเข้าไป ว่าแต่นายได้เช็กหรือยังว่าที่นั่นเกิดอะไรขึ้น”
“ผมเช็กแล้วครับ ทางภูเก็ตแจ้งมาว่านักออกแบบภายในประจำของบริษัทลาฉุกเฉินครับท่านชาย เห็นว่าคุณแม่ไม่สบายครับ การตกแต่งเลยล่าช้า แต่ก็เหลือไม่เยอะแล้วครับ แถมเราได้พนักงานใหม่มาช่วยเพิ่มด้วย แผนกบุคคลจะให้เธอเริ่มงานวันจันทร์ครับ ท่านชายจะให้เธอลองงานใหญ่เลยไหมครับ”
“เรื่องนี้ฉันคงไปก้าวก่ายไม่ได้ ปล่อยให้รสาเป็นคนจัดการเองนั่นแหละ”
ไม่นานรถยนต์คันหรูสัญชาติยุโรปก็เคลื่อนมาจอดหน้าบริษัท พีแอนด์เค ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของเมืองไทย ตระกูลของภานุวัตน์ใส่ใจรายละเอียดทุกอย่างถึงขั้นจ้างนักออกแบบชื่อดังจากฝรั่งเศสมาออกแบบตัวตึกให้มีรูปลักษณ์แตกต่างชวนดึงดูดสายตา ภานุวัตน์ก้าวเดินเข้าบริษัทอย่างสง่าผ่าเผย แผ่นอกหนาผายออก เสียงรองเท้าหนังกระทบกระเบื้องหินอ่อนดังเป็นจังหวะ การมาถึงของท่านประธานทำให้พนักงานทุกระดับต่างพากันเงียบเสียงลง นอกจากกิตติศัพท์เรื่องความดุของท่านจะเลื่องชื่อแล้ว เวลาทำงานยังเป็นคนที่เคร่งครัดและเจ้าระเบียบสุด ๆ จึงมีแต่คนเกรงกลัว
พนักงานบริษัทต่างส่งข่าวกันในกลุ่มไลน์ให้ทุกคนรับรู้และเตรียมตัวรับท่านประธานตั้งแต่ล็อบบีประชาสัมพันธ์จนถึงชั้นบนสุด ทันทีที่เขาเดินผ่านประตูเข้ามา พนักงานต่างนิ่งสงบ เสียงกระซิบกระซาบของพนักงานหญิงสองคนกำลังพูดคุยถึงเขาอย่างเพ้อฝันว่า
“คนอะไรก็ไม่รู้เนอะแก หล่อจนลืมหายใจ ใครกันน้าจะได้เป็นแฟนท่านประธานสุดหล่อของพวกเรา” พนักงานคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าเคลิ้มฝันไปกับความหล่อกระชากใจของภานุวัตน์
“นั่นสิแก”
“หรือจะเป็นฉันกันนะ ที่จะได้เป็นแฟนท่านชาย”
“อย่ามั่นเนอะ เคยเข้าไปคุยกับท่านแล้วเหรอ ก็ไม่~ แต่ถ้าคิดแบบนั้นจริง ๆ ก็ระวังไว้เถอะ ว่ากันว่าคุณรสาหวงท่านยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนเผลอเข้ามาใกล้ก็โดนเบียดตกกระเด็น ไม่รู้ว่าจะเก็บไว้กินเองหรือเปล่า เห็นหงิม ๆ แบบนี้ อาจจะหยิบชิ้นปลามันก็ได้” พนักงานอีกคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอิจฉา ทำเอาคนฟังหยุดชะงัก สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นสงสัยพร้อมกับหันหน้ามามอง
“อ้าว! เห็นบอกว่าสองคนนี้สนิทกันเหมือนพี่น้องไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ ได้ยินว่าคุณรสาเป็นลูกสาวของแม่นมที่เลี้ยงท่านประธานมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองก็เลยโตมาด้วยกัน แต่ท่านชายท่านไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็กเลยนะ คงไม่ได้เป็นเพื่อนเล่นสนิทอะไรกันมากหรอกมั้ง”
“พอเถอะแก เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะเอาไปนินทา ทำงาน ๆ” ว่าแล้วทั้งคู่ก็หันหน้าเข้าหาจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า โดยที่ไม่รู้เลยว่าบทสนทนาไม่น่าฟังนั้นได้ยินไปถึงหูเลขาของรสาทุกประโยค ทว่าเลขาสาวเลือกที่จะเก็บเงียบไว้ ไม่รายงานกับรสาในตอนนี้