นิรดานั่งแท็กซี่มาจนถึงคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองโดยที่แด๊ดดี้ขอให้ลุงแอนเดรียเตรียมหาไว้ให้ รถแท็กซี่จอดตรงหน้าอาคารสูงตระหง่าน
“ขอบคุณนะคะ” เธอไม่ลืมเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะหันกลับมามองตัวอาคารทรงโมเดิร์น ขณะนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อ Sky Way Condominium สภาพตึกดูใหม่ถูกใจเธอ ด้านล่างมีร้านขายของยี่สิบสี่ชั่วโมง ซาลอนก็มีครบ ไหนจะร้านอาหารหลายร้านให้เลือกสรร ถูกใจเธอเป็นที่สุด ด้วยปกติเธอแทบไม่เข้าครัวและทำอาหารไม่เป็น ตอนอยู่บ้านก็มีมัมและเชฟเป็นคนทำให้ทุกมื้อ
หญิงสาวลากกระเป๋าใบโตเดินตรงไปยังล็อบบี ความสวยและผิวพรรณดีของเธอทำให้ทุกสายตาหันมอง นิรดาแจ้งความประสงค์กับพนักงานต้อนรับที่กำลังยืนเติมแป้งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ แต่พอรู้ว่าหญิงสาวเป็นลูกค้าห้องเพนต์เฮาส์ที่มีราคาแพงที่สุดของโครงการ พนักงานก็พินอบพิเทาพูดดีสมราคาห้อง เพียงไม่นานพนักงานก็เดินเข้ามารับกระเป๋าและพาเธอขึ้นไปยังชั้นบนสุด
ด้วยความเหนื่อยนิรดาจึงไม่ได้สังเกตตัวอาคารมากนัก พนักงานยังคงทำหน้าที่อย่างขะมักเขม้น แนะนำอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในตึก สิทธิพิเศษฟิตเนสส่วนตัวที่แยกไว้ให้บริการสำหรับผู้อาศัยห้องราคาแพงที่สุดอย่างเธอพร้อมเลาจน์สุดหรูหรา รวมถึงสระว่ายน้ำส่วนตัวที่ทางโครงการสมนาคุณให้ลูกค้ากระเป๋าหนักที่เข้าพักที่นี่โดยเฉพาะ
“ถึงแล้วค่ะคุณผู้หญิง ห้องนี้ตกแต่งสวยมากค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะแนะนำอุปกรณ์ในห้องนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบตามมารยาท แม้อยากจะนอนพักแล้วแต่ก็ไม่อาจจะหักหาญน้ำใจพนักงานสาวได้ หล่อนมองหน้านิรดาด้วยแววตาประกาย นาน ๆ ทีจะเจอหญิงสาวที่ทั้งหน้าตาดี ผิวพรรณขาวผ่องแบบนี้ อีกอย่างยังดูเด็กมาก ท่าทางน่าจะเป็นลูกคุณหนูมีเงิน บุคลิกไม่เหมือนคนปกติทั่วไปที่เจอได้บ่อย ๆ
หลังจากใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการแนะนำสิ่งต่าง ๆ ภายในห้อง พนักงานสาวก็กล่าวลาก่อนจะเดินออกไป นิรดาจึงได้มีเวลาพักผ่อนเป็นส่วนตัวเสียที เธอเริ่มเปิดกระเป๋าเดินทางออกมา เอาเสื้อผ้าทั้งหมดมาจัดแขวน และเริ่มจัดแจงแยกชุดที่เป็นทางการและชุดลำลองที่ใส่เล่นได้ หลังจากเก็บของทุกอย่างใส่ตู้เรียบร้อยก็มีความลังเลว่าจะจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง หรือจะทำเองดี แต่เพราะชีวิตนี้เธอไม่เคยแตะงานบ้านเลยจึงเอนเอียงไปทางจ้างแม่บ้านมากกว่า ทว่านึกขึ้นได้ว่าตัวเองตัดสินใจว่าจะออกมาจากกรงทองแล้ว ดังนั้นต้องดูแลตัวเองให้ได้
“ทำเองก็คงจะไม่ยากเท่าไรหรอกน่านิรดา”
เธอพึมพำกับตัวเองก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาสีครีมหรูหรา นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ส่งข้อความหาคุณตาคุณยายและลุงปุณณ์เลย ขืนปล่อยไว้นานมีหวังพวกเขาได้เป็นห่วงจนไม่ต้องทำอะไรแน่
‘ตอนนี้หนูดาถึงห้องเรียบร้อยแล้ว ปลอดภัยดีหายห่วงได้เลยค่ะ’
ครั้นส่งข้อความเสร็จแล้วก็กดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ มองนาฬิกาที่แขวนอยู่เห็นว่าดึกพอควร จึงรีบไปอาบน้ำชำระความเหนื่อยล้าแล้วมานั่งเช็กวิธีการเดินทางไปทำงานในวันพรุ่งนี้ ด้วยเป็นการทำงานวันแรก หญิงสาวจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาราบรื่นที่สุด
“พรุ่งนี้จะต้องเป็นที่ดีสิน้องดา แค่ขึ้นรถไฟฟ้าเอง” เธอว่าอย่างตื่นเต้น
…
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ภานุวัตน์ที่เคลียร์งานเสร็จแล้วเดินทางกลับบ้านใหญ่หรือวังสราวดีซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ บนพื้นที่ขนาดหลายสิบไร่ ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่เก่าแก่ ก้านกิ่งนั้นแผ่ขยายกว้างจนทำให้ดูร่มรื่น
ทันทีที่รถคันหรูของบุตรชายเคลื่อนมาจอดหน้าบ้าน ท่านหญิงวัยเกษียณที่ยืนรออยู่แล้วเผยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“ชายวัฒน์เดินทางเป็นยังไงบ้างลูก” หม่อมเจ้าหญิงรวีวรรณเอ่ยถามลูกชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ชายสบายดีครับ แล้วท่านแม่ล่ะครับ สบายดีหรือเปล่า” ภานุวัตน์เอ่ยถามขณะสวมกอดมารดาที่มารอต้อนรับอยู่หน้าบ้าน
“แม่สบายดีจ้ะลูก” ชายหนุ่มประคองร่างของแม่เข้าไปในบ้าน ขณะที่ท่านนั้นก็นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องบางอย่างจะบอกกับเขา “ชายวัฒน์ ปีนี้ลูกก็สามสิบแล้ว คิดเรื่องแต่งงานไว้บ้างหรือยังล่ะ”
“ผมยังไม่ได้คิดไว้เลยครับ ยังอยากทำงานอยู่เลย”
“ไม่คิด ก็ถึงเวลาต้องคิดแล้วนะ ไม่เป็นไร เชื่อมือแม่ พรุ่งนี้แม่นัดลูกสาวของคุณหญิงป้านารีไว้ ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อยนะลูก” หม่อมเจ้าหญิงรวีวรรณพูดน้ำเสียงคล้ายร้องขอ แต่กระนั้นก็ดูเอาแต่ใจ
“ท่านแม่ครับ เรื่องคู่ครองขอชายหาเองได้ไหมครับ” ชายหนุ่มหน้าบึ้งขึ้นมาทันที เขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องกลับมาเจอเรื่องพวกนี้จากแม่ ทว่าพอได้ยินจริง ๆ ก็แทบจะอดกลั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว
“อย่าขัดใจแม่เลยนะลูก ตั้งแต่ท่านพ่อของลูกปลีกตัวหนีไปอยู่เชียงราย เอาตัวไปสิงอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แม่ก็เหงาเหลือเกิน คนแก่ ๆ ย่อมอยากมีหลานมาคอยเอาใจบ้าง เห็นใจแม่เถอะลูก”
สุดท้ายแล้วทั้งประโยคตัดพ้อและสายตาอันเซื่องซึมนั้น ก็ทำให้เขาก็ปฏิเสธไม่ลง