คลั่งรักเด็กซื่อ 3
18 : 36 น.
ฝันหวานนั่งมองกล่องอาหารแล้วก็โดนัทจำนวนหนึ่งบนโต๊ะทานข้าว เธอกลับมาถึงห้องพักแล้วแต่สมองก็ยังคงเบลอเหมือนเดิม ไม่คิดว่าท่านประธานจะเป็นคนเอานี่ฝากมาให้เธอ
ในนั้นยังมีการ์ดเล็กใบหนึ่งที่มีข้อความเขียนเป็นลายมือสวยงามว่า ‘อย่ากินแต่ขนม กินข้าวด้วย’ พร้อมกับลงท้ายด้วยชื่อของเขา นั่นก็คือแดเนียล ราวกับต้องการย้ำว่าเขาเป็นคนมอบมันให้กับเธอจริงๆ
“อะไรของเขาเนี่ย...” เธอยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ ไม่รู้ว่าตัวเองไปทำตัวสนิทสนมกับเขาตอนไหน เพราะเธอเพิ่งจะเข้าทำงานวันแรกด้วยซ้ำ
“ช่างเถอะ...ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินซื้อกับข้าว”
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินมากมาย แต่ก็ดีกว่าถ้าได้ประหยัดไปอีกมื้อ
ไม่นานฝันหวานทานอาหารในกล่องจนหมด ตามด้วยโดนัทชิ้นโตอีกสองชิ้น แล้วไปนั่งดูทีวีให้อาหารย่อยสักพัก แต่เสียงมือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน
Trrrrrrrrrrrrrrr
Trrrrrrrrr
ติ๊ด!
“ว่าไง เลิกเรียนแล้วหรือยัง?” ฝันหวานหยิบมือถือมากดรับสาย คุยกับน้องชายเพียงคนเดียวด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“อื้อ พี่ทำงานวันแรกเป็นไงบ้าง? มีคนว่าอะไรหรือเปล่า? รู้สึกอึดอัดไหม? เหนื่อยมากหรือเปล่า?” ต้นกล้ารัวคำถามใส่พี่สาวสุดที่รักไม่หยุด เป็นห่วงว่าเธอไปอยู่คนเดียวในห้องเช่า แถมยังเพิ่งเริ่มงานใหม่จะปรับตัวไม่ทัน
“พี่ตอบไม่ทันแล้วเนี่ย...เอาเป็นว่าพี่ก็มีความสุขดี ไม่ได้อึดอัดอะไรหรอก พี่ๆ ที่ทำงานก็น่ารักมากเลยนะ”
ถ้าไม่นับพนักงานหญิงในตึก A สุดหรูที่ท่านประธานอยู่นั่นนะ...
[งั้นก็ดีแล้ว...ตอนนี้ผมก็เริ่มหางานพิเศษทำแล้วนะ พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายของผมล่ะ ผมโตขนาดนี้แล้วไม่ยอมขอเงินพี่ตลอดไปแน่ๆ]
“จ้าๆ...ถ้าได้งานแล้วก็ทำให้เต็มที่ แต่อย่าหักโหมมากจนเกินไปล่ะ มีอะไรให้พี่พอช่วยได้ก็บอกนะ พี่ยังพอมีเงินเก็บเหลืออยู่” เธอกับน้องชายสนิทกันมากแม้จะอายุห่างกัน 4 ปี เนื่องจากในครอบครัวก็เหลือกันอยู่แค่สองพี่น้อง พ่อแม่ก็ตายจากไปนานแล้ว ญาติที่มีอยู่น้อยนิดก็ไม่เคยคิดจะติดต่อมาเลยสักคน
เธอจึงเป็นเหมือนเสาหลักของครอบครัว คอยทำงานพิเศษระหว่างช่วงที่เรียนไปด้วย แล้วส่งเสียให้กับน้องชายเพียงคนเดียวซึ่งตอนนี้ก็กำลังอยู่มัธยมปลายปีสุดท้ายแล้ว
ต้นกล้าเป็นเด็กหัวดีแถมยังมีแผนจะเรียนต่อแพทย์ เธอจึงยิ่งต้องมุ่งมั่นหาเงินส่งน้องชายให้ได้ศึกษาทุกอย่างที่เขาควรจะได้รับ แม้จะใช้เงินจากเธอแต่เขาก็ไม่ได้ใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
[ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องห่วงผมหรอก ยังไงคราวนี้ผมก็ได้งานแน่ๆ นักร้องคนเก่าลาออก คนหล่อๆ แถมเสียงดีอย่างผมไปสมัครเขาต้องรับเข้าทำงานแน่นอน]
“ให้มันจริงเถอะ...ยังไงก็ตั้งใจเรียนเข้าล่ะ อย่าให้รู้ว่าแอบเถลไถลที่ไหนเชียวนะ”
[คร้าบๆ รับทราบแล้วครับคุณผู้หญิง กระผมจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซุกซนแน่นอนครับ]
ต้นกล้าพูดล้อเลียนอย่างสนุกสนาน ฝันหวานมั่นใจว่าตอนนี้น้องชายตัวแสบต้องทำหน้าทะเล้นมากแน่ๆ
“อือๆ...งั้นแค่นี้นะ พี่ไปอาบน้ำก่อน มีอะไรก็โทรหาแล้วกัน”
[ครับผม!]
เธอยิ้มพลางส่ายหัวเบาๆ กดวางสายแล้วลุกจากโซฟาหยิบผ้าขนหนูสีขาวไปอาบน้ำชำระร่างกายอย่างสบายใจ เลยไม่ได้ยินเสียงมือถือที่มีเบอร์แปลกโทรมาหาเธอนับสิบสาย...
@คอนโดD
“ทำไมไม่รับสายวะ...” แดเนียลจ้องหน้าจอมือถืออย่างหงุดหงิด เขาโทรหาเธอตั้งหลายรอบแล้วแต่เธอไม่รับเสียที
“สนใจนานาหน่อยสิคะ...มัวแต่จ้องมือถืออยู่นั่นแหละ”
นางแบบสาวหุ่นผอมเพรียวขึ้นมาคร่อมร่างบึกบึนของชายหนุ่มที่นอนบนเตียงใหญ่ มือเรียวของเธอค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกช้าๆ พลางส่งสายตามองเขาอย่างยั่วยวน
ฟึ่บ!!
“คุณกลับไปก่อนเถอะ ผมไม่มีอารมณ์” เขาปัดมือของเธอออกจากตัว ก่อนจะดันร่างบอบบางออกห่าง แล้วลุกจากเตียงไปยืนกดมือถืออยู่ข้างกระจกใสขนาดใหญ่ที่ด้านนอกเป็นวิวตึกรามน้อยใหญ่ส่องแสงสวยงามในยามค่ำคืน
“แดนคะ...คุณอารมณ์ไม่ดีหรือเปล่า? ให้นานาช่วยคุณคลายเครียดนะคะ”
ร่างอวบอิ่มที่อยู่ในเสื้อผ้าหรูน้อยชิ้นเดินลงจากเตียง ใช้แขนสวมกอดเอวสอบจากด้านหลังเลื่อนมือลงต่ำเรื่อยๆ
พลั่ก!!
“ก็บอกว่ามีอารมณ์ ไม่ได้ยินหรือไงวะ!!” แดเนียลดึงมือรุ่มร่ามของเธอออก แล้วผลักร่างบางให้ห่างจากตัวอย่างหัวเสีย
อีกคนก็โทรไม่ติด ส่วนอีกคนก็เกาะแกะเขาไม่เลิก!
“แดนคะ...” นานาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะโมโหร้ายใส่เธอขนาดนี้ ที่ผ่านมาเขามักจะทำตัวเย็นชาราวกับน้ำแข็ง นี่จึงเป็นครั้งแรกเลยที่เห็นเขาหัวโกรธจนเหมือนมีไฟลุกในดวงตา
“แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าแดนได้แล้ว...ไม่งั้นคราวหน้าก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก” เขาเอ่ยย้ำให้เธอฟังอย่างไม่ชอบใจ
คนที่เรียกเขาว่า ‘แดน’ ได้มีเพียงแค่เพื่อนและคนในครอบครัวเท่านั้น เธอเป็นแค่นางแบบที่เขาซื้อตัวมานอนด้วย ไม่ได้มีความสำคัญมากมายอะไรขนาดที่จะเรียกเขาได้อย่างสนิทสนม
เขาแค่เห็นว่าเธอเร่าร้อนเวลาที่อยู่บนเตียง แล้วก็สงบปากวางตัวดีไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์กับเขาไปบอกให้นักข่าวรู้เหมือนคนอื่นๆ จึงเรียกใช้เธออยู่บ่อยครั้งเวลาต้องการปลดปล่อย ไม่เหมือนกับนางแบบหรือดาราที่มาเสนอตัวให้เขาถึงที่ แล้วพยายามจับเขาด้วยการพูดเรื่องส่วนตัวของเขาออกสื่อ ลำบากต้องให้ผู้ช่วยปิดข่าวให้อยู่เสมอ
บางทีเธออาจจะได้ใจเพราะได้นอนกับเขาหลายครั้งเลยคิดว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่น
ซึ่งมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด!
“นานาขอโทษค่ะ แดเนียลอย่าโกรธเลยนะคะ...นานาอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้เจอหน้าคุณ” เธอพยายามจะเข้าไปกอดเขาอีกครั้ง แต่แดเนียลหลบตัวออกห่างเสียก่อน
“พอเถอะ...ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว เธอกลับไปก่อนดีกว่า”
“แต่เรายังไม่ได้...”
“ฉันพูดคำไหนก็คือคำนั้น ส่วนเรื่องเดี๋ยวฉันให้ไคโตะจ่ายค่าเสียเวลาให้” แดเนียลพูดเสียงเรียบนิ่งโดยไม่เหลือบมองหญิงสาวเลยสักนิด
ไคโตะเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาเกี่ยวกับเรื่องจุกจิกทั้งหลายเช่นเรื่องผู้หญิง และยังเป็นมือขวาที่คอยป้องกันอันตรายจากศัตรูทางธุรกิจคนอื่นๆ ธุรกิจของเขามันไม่ได้ขาวสะอาดอะไรขนาดนั้น คู่แข่งก็มีอยู่มากมาย จึงต้องมีคนข้างกายที่ไว้ใจได้รับหน้าที่คอยจัดการปัญหาต่างๆ ที่จะตามมาให้เขา
“เอ่อ...งั้นนานาไม่กวนคุณแล้วก็ได้ค่ะ ฝันดีนะคะแดเนียล”
นางแบบสาวรู้ดีว่าถ้าขืนยังเซ้าซี้เขาไม่เลิก ต้องโดนรำคาญและเฉดหัวออกไปจากชีวิตเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ อย่างแน่นอน เธอจึงแสร้งทำเป็นเหมือนหญิงสาวว่าง่าย ยอมถอยห่างจากเขาสักพักก่อน
“อืม...” แดเนียลหันกลับไปมองยังบรรยากาศยามค่ำคืน ในใจยังคงหงุดหงิดไม่หายเรื่องที่ยัยเด็กหน้าตุ๊กตาไม่ยอมรับสายเขาเสียที
พอเห็นชายหนุ่มไม่สนใจ เธอก็ขบริมฝีปากอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงเดินออกจากคอนโดหรูของเขาไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดไม่แพ้กัน
“เธอกำลังทำอะไรอยู่นะ...”
วันต่อมา...
16 : 45 น.
“พี่ว่าต้องเป็นเบอร์ของพวกโรคจิตแหงๆ กระหน่ำโทรมาเป็นสิบสายขนาดนี้ ฝันอย่าไปเผลอรับเชียวนะ บล็อกไปเลยยิ่งดี” น้ำขิงเอ่ยเตือนผู้ช่วยตัวเล็กด้วยความหวังดี เธอเคยโดนพวกโรคจิตก็กวนมาก่อน จึงไม่อยากให้เด็กสาวหน้าตาน่ารักอย่างฝันหวานต้องโดนเหมือนกับเธอ
“งั้นเหรอคะ...” ฝันหวานไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าจะใช่อย่างที่พี่น้ำขิงพูดหรือเปล่า
เมื่อคืนมีสายแปลกๆ โทรเข้ามาเกือบยี่สิบสายแต่เธอไม่ได้รับเพราะกำลังอาบน้ำอยู่ พอออกมาอีกครั้งแล้วกำลังกดดูก็พบว่าเป็นเบอร์แปลกที่เธอไม่รู้จักมาก่อน จึงไม่กล้ากดโทรกลับเพราะคนปกติที่ไม่สนิทกันคงไม่กระหน่ำโทรมาหนักขนาดนี้ แถมช่วงนี้ก็ยังมีข่าวพวกแก็งคอลเซ็นเตอร์อยู่อีกด้วย
“เชื่อพี่เหอะ! ไม่งั้นก็รอให้มันโทรมาอีกครั้ง กดรับสายแล้วถามให้รู้เรื่องเลยว่าเป็นใคร ถ้าเกิดเป็นพวกโรคจิตจริงๆ ค่อยบล็อกทีหลังก็ได้”
“เอางั้นก็ได้ค่ะ แต่หนูหวังว่าคงจะไม่มีเบอร์นี้โทรเข้ามาอีก...” เธอเคยโดนผู้ชายตามตื๊ออยู่บ้าง แต่คงรับไม่ไหวถ้ามีโรคจิตโทรมาก่อกวนทุกวัน...
ฝันหวานนั่งรวบรวมข้อมูลที่จะต้องส่งให้กับน้ำขิงกับรุ่นพี่คนอื่นๆ ในแผนกอย่างตั้งใจ ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้วเธอจึงต้องเร่งทำให้เสร็จเพราะไม่อยากเป็นผู้ช่วยที่ไม่ได้เรื่อง งานที่เธอส่งให้ในตอนจัดทำเสร็จแล้วจึงตรวจแล้วตรวจอีกค่อยส่งไฟล์ไปให้น้ำขิง
“โอ้โห...ส่งมาเร็วจัง ทำงานไวเหมือนกันนะเราเนี่ย”
“แหะๆ...ผิดพลาดตรงไหนก็ช่วยบอกหนูด้วยนะคะ หนูจะรีบแก้แล้วส่งไฟล์ใหม่ ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกประมาณยี่สิบนาที”
“โอ้ยยย ไว้แก้ทีหลังเถอะ! ข้อมูลชุดนี้พี่ยังไม่รีบใช้ เดี๋ยวพี่ตรวจเสร็จค่อยบอกอีกทีพรุ่งนี้แล้วกัน ฝันรีบจัดการงานยิบย่อยของตัวเองเถอะ ไม่ต้องทุ่มให้พี่สุดตัวขนาดนี้ก็ได้” เธอไม่อยากกลายเป็นรุ่นพี่ใจโหดที่สั่งแต่งานให้ผู้ช่วยทำ อีกอย่างหน้าที่อื่นของฝันหวานเองก็มี และงานนี้ก็ไม่ได้เร่งด่วนอะไรเลยด้วย
“หนูทำเสร็จหมดแล้วค่ะ...พี่ๆ มีตรงไหนให้ช่วยก็บอกมาได้เลยนะคะ” ฝันหวานพูดอย่างกระตือรือร้น เธออยากเป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพ ไม่เป็นตัวถ่วงให้กับคนอื่น
“งั้นพี่วานเอานี่ไปส่งให้พี่หญิงฝ่ายบุคคลหน่อยแล้วกันนะจ๊ะ นอกนั้นก็ไม่น่ามีอะไรให้ทำแล้ว”
เสียงของปันปันเอ่ยขึ้น ฝันหวานจึงหันไปยิ้มรับอย่างเต็มใจ
“โอเคค่ะ เดี๋ยวฝันเอาไปส่งให้นะคะ”
มือเล็กรับเอกสารจำนวนหนึ่งมาถือไว้ แล้วเดินออกจากแผนกเพื่อเดินไปส่งให้พี่หญิงที่ตึก A
ซึ่งแผนกที่เธอทำงานอยู่ก็เป็นแผนกย่อยของบริษัท จึงแยกตัวออกมาอีกตึกหนึ่งซึ่งอยู่ห่างกันแค่นิดเดียว เดินไปไม่กี่นาทีก็ถึงตึกหลักที่เป็นหน้าเป็นตาของบริษัท นั่นก็คือตึก A ที่พนักงานใช้เรียกกันนั่นเอง
“พี่หญิงคะ พี่ปันปันฝากนี่มาให้ค่ะ” ฝันหวานเปิดประตูเข้ามายังแผนกบุคคล เดินตรงมายังโต๊ะที่พี่หญิงนั่งประจำอยู่
“วางตรงนี้เลยจ้ะ...เอ่อ...ชื่อน้องฝันหวานใช่ไหมนะ?”
“ใช่ค่ะ” เธอยิ้มกว้างอย่างน่ารัก ผู้ชายที่อยู่ในแผนกเห็นก็ทำหน้าเคลิ้มอย่างหลงใหล
“อ้อๆ พี่เกือบลืมชื่อเราแล้ว ทำงานเป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้หรือเปล่า?” หญิงถามเด็กสาวหน้าตาใสซื่ออย่างเอ็นดู ครั้งที่แล้วน้ำขิงพามาแนะนำเธอยังตะลึงกับความสวยน่ารักของเด็กใหม่ เกือบรับไหว้เด็กสาวแทบไม่ทัน
“ปรับตัวได้บ้างแล้วค่ะ พี่ๆ ก็ใจดีกับหนูมากเลย”
“ดีๆๆ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษาพี่ได้นะ”
“ขอบคุณค่ะพี่หญิง” ฝันหวานยิ้มรับ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพราะต้องไปเตรียมตัวกลับบ้าน
ตึ๊ง!
เสียงลิฟต์เปิดออก ร่างอวบอิ่มของฝันหวานจึงเดินเข้าไป ไม่ทันได้สังเกตว่ามีร่างสูงสง่าใช้ลิฟต์อยู่ก่อนแล้ว
“ทำไมไม่รับสาย”
เสียงทุ้มของแดเนียลเอ่ยถามคนตัวเล็ก ซึ่งมันปลายเสียงฟังดูห้วนๆ หน่อย อาจจะเป็นเพราะว่าหงุดหงิดที่เมื่อวานเธอไม่ยอมโทรกลับ แถมตอนนี้ยังทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นเขาอีก
“!!” ฝันหวานสะดุ้งเล็กน้อย หันกลับไปมองร่างสูงแล้วก็ต้องเบิกตากว้างกว่าเดิม
แต่สิ่งที่เธอตกใจที่สุดก็คงเป็นเพราะประโยคคำถามก่อนหน้านี้
“ทำไมไม่โทรกลับ มัวแต่ทำอะไรอยู่?”
เสียงเข้มเอ่ยถามอีกครั้ง เธอจึงได้สติ ขยับตัวออกห่างจากเขากว่าเดิมเล็กน้อยแล้วตอบคำถามไป
“ฉันไม่คิดว่าเป็นเบอร์ท่านประธานน่ะค่ะ ก็เลยไม่ได้รับ...ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอเอ่ยถามเสียงใส ตอบไปตามความจริง ในใจรู้สึกผิดคาดอยู่มาก เพราะไม่คิดว่าเบอร์โรคจิตที่โทรมาจะเป็นเบอร์ของเขาไปได้
“มีงานพิเศษให้ทำน่ะ...เลิกงานรอกลับพร้อมฉันนะ เดี๋ยวพาไปดูสถานที่”
สายตาคมแอบสำรวจเด็กสาวที่ยืนเบียดตัวอยู่ขอบลิฟต์อย่างพอใจ
วันนี้เธอใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย กระโปรงไม่สั้นไม่ยาว ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวจนเกือบถึงเม็ดสุดท้าย แต่กลับทำให้เขารู้สึกว่ามันดูน่าค้นหาอย่างบอกไม่ถูก อยากจะรู้ว่าใต้เสื้อผ้านั่นร่างกายของเธอจะสวยงามเหมือนภายนอกหรือเปล่า
ให้ตายสิ...ยัยเด็กตุ๊กตาแค่ใส่ชุดธรรมดายังทำให้เขาจินตนาการไปไกลได้ขนาดนี้ ถ้าเกิดเปลี่ยนมาใส่เป็นชุดเมดน่ารักๆ สวมถุงน่องตาข่ายจะน่ากินแค่ไหนกันนะ
“งะ งานพิเศษอะไรเหรอคะ ทำไมต้องไปดูนอกสถานที่ด้วย?” เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่างานที่ว่ามันคืออะไร แล้วทำไมต้องรอให้เลิกงานด้วย
“เดี๋ยวก็รู้เอง...รับรองว่าเธอต้องถูกใจข้อเสนอในการทำงานนี้แน่ๆ” เขาตัดบท ลิฟต์ก็เปิดออกถึงชั้นที่เด็กสาวจะลงพอดี
ฝันหวานจึงไม่ได้ถามเขาให้แน่ชัด เพียงแค่ค้อมหัวให้ทีหนึ่งก่อนจะเดินกลับไปยังออฟฟิศที่ตนทำงานอยู่
“หึ...เธอเสร็จฉันแน่ยัยตุ๊กตา”