ตอนที่ 1
“วันมะรืนพยัคฆ์จะกลับมาแล้ว...”
เจ้าสัวธนาเอ่ยกับภรรยาทั้งสองที่กำลังนั่งร่วมโต๊อาหารเช้าภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ ด้านขวาคือ ‘ชุลี’ ซึ่งตอนนี้ยึดตำแหน่งเมียหลวง ทางซ้ายคือ ‘วิไล’ เป็นภรรยารอง
“เฮียเสือจะกลับมาแล้วหรือครับป๋า”
‘วายุ’ ลูกชายที่เกิดจากวิไลเอ่ยถามผู้เป็นบิดาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าพี่ชายต่างมารดากำลังจะเดินทางกลับมาอยู่เมืองไทยหลังจากเรียนจบปริญญาโทมาจากประเทศอังกฤษหมาดๆ
“ใช่...แกจะไปรับไอ้เสือกับป๋ามั้ยล่ะ”
เจ้าสัววางช้อนกับส้อมลงในจานกระเบื้องสีขาวตรงหน้า
“คงไม่ได้ครับ...มะรืนผมติดเรียนครับป๋า”
วายุกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่สามในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของเมืองไทย
“แล้วแกล่ะไอ้พีร์”
เจ้าสัวหันมาถาม ‘พีรพงษ์’ ลูกชายอีกคนที่เกิดจากชุลี
พีรพงษ์มีอายุใกล้เคียงกับวายุ ทั้งสองคลอดห่างกันเพียงไม่กี่วัน วายุจึงเรียกพีรพงษ์ว่าพี่ แต่พยัคฆ์คือพี่ใหญ่ในบรรดาสามหนุ่ม เพราะเป็นลูกที่เกิดจากเมียคนแรกของท่านเจ้าสัวธนา
“ผมมีนัดแล้วครับป๋า...ใจจริงก็อยากไปรับเฮียเสือด้วย แต่ไม่ว่างจริงๆ ครับ” พีรพงษ์กล่าว
ปกติคนในบ้านเรียกพยัคฆ์ด้วยชื่อเล่นสั้นๆ ว่า ‘เสือ’
“ติดสาวก็บอกมาเถอะวะพี่พีร์” วายุรู้ทัน
พีรพงษ์หลิ่วตาให้น้องชายต่างมารดา
“อันที่จริงคุณพี่ไม่ต้องไปรับเองก็ได้มั้งคะ...ให้คนขับรถไปรับก็ได้”
ชุลีกล่าวพลางยกแก้วน้ำขึ้นจิบ หล่อนไม่พอในนักที่เห็นเจ้าสัวรักพยัคฆ์ซึ่งเป็นลูกชายที่เกิดกับเมียคนแรกจนออกนอกหน้า
พยัคฆ์เป็นลูกครึ่ง เพราะว่ามารดาเป็นชาวอเมริกา อาศัยอยู่ในแถบละตินอเมริกา
เจ้าสัวธนาพบรักกับโซเฟียซึ่งเป็นมารดาของพยัคฆ์ในระหว่างไปใช้ชีวิตที่อเมริกา ทั้งสองอยู่ด้วยกันโดยไม่ได้แต่งงานแต่อย่างใด แต่ก็รักกันมากจนมีลูกด้วยกันซึ่งก็คือพยัคฆ์
หลังจากมารดาของพยัคฆ์เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจ้าสัวตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย ซึ่งตอนนั้นพยัคฆ์เพิ่งมีอายุเพียงสิบขวบ
“วิไลว่าเจ้าสัวไปรับคุณพยัคฆ์ด้วยตัวเองก็ดีนะคะ เพราะว่านานๆ จะเจอกันที...นี่ก็สี่ปีแล้วนะ...ที่คุณพยัคฆ์ไม่ได้กลับเมืองไทย” วิไลขัดขึ้นบ้าง
ดูเหมือนว่าความสุขอย่างหนึ่งของหล่อนก็คือการได้ขัดคอชุลีซึ่งยึดตำแหน่งเมียเอกไปแล้ว ทั้งที่จริงตำแหน่งนี้ควรจะเป็นของมารดาพยัคฆ์ ทว่าหลังจากโซเฟียเสียชีวิต ชุลีก็ตั้งตนเป็นเอกภรรยาไปโดยปริยาย
“ไม่ขัดฉันสักเรื่องจะได้ไหมคะคุณวิไล”
ชุลีกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะ บอกให้รู้ว่าหล่อนไม่พอใจ
“ก็ดิฉันพูดจริงนี่คะคุณพี่” วิไลไหวไหล่ เถียงไม่ลดละ แม้จะโดนชุลีจัดอันดับให้เป็นเมียรอง แต่ใช่ว่าหล่อนจะยอมรับ เพราะวิไลถือว่าอันที่จริงชุลีก็คือ ‘เมียน้อย’ ของเจ้าสัวไม่ต่างจากหล่อน
“พวกเธอหยุดทะเลาะกันสักวันได้ไหม” เจ้าสัวธนารีบยกมือห้ามศึก ด้วยรู้ว่าภรรยาสองคนนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาแต่ไหนแต่ไร
วิไลแอบเบะปาก ลอยหน้าลอยตาทำปากยื่นใส่ชุลี ดูแล้วไม่ได้มีทีท่าเกรงกลัวกันเลยสักนิด
“คุณชุลีคะ...คนใช้มารอสัมภาษณ์แล้วค่ะ”
ป้าชื่นซึ่งเป็นคนรับใช้เก่าแก่ของบ้านเข้ามารายงายกับผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“งั้นชุลีขอตัวนะคะคุณพี่...” หันไปบอกเจ้าสัว พลางหยัดร่างขึ้นจากเก้าอี้ ตวัดสายตามองวิไลเหมือนจะบอกให้รู้ว่าอยู่ไปก็เหม็นหน้ากันเปล่าๆ
หลังจากชุลีขอตัวไปทำธุระ ด้วยหล่อนเพิ่งประกาศรับสมัครคนใช้และคนขับรถได้เพียงไม่กี่วันก็มีคนสนใจเข้ามาสมัครงาน ทำให้ต้องคอยสัมภาษณ์เป็นระยะ
ครั้นเมื่อวิไลได้โอกาสอยู่กับผัวสองต่อสอง จึงรีบออดอ้อนท่านเจ้าสัวทันที
“เจ้าสัวขา...ไม่รีบไปทำงานใช่ไหมคะวันนี้”
ถามพลางเอื้อมมือมาทำปูไต่ที่แขน สุ้มเสียงของวิไลเต็มไปด้วยจริตมารยา
หล่อนอยู่กับเจ้าสัวมานาน ผ่านโลกมาก็เยอะ ย่อมรู้ดีว่าสามีคนนี้มีรสนิยมยังไง
“เธอมีอะไรหรือเปล่า?”
เจ้าสัวถาม สายตาจับอยู่ที่เรือนร่างเอิบอิ่มของวิไล เหมือนเจ้าสัวจะรู้ ว่าเช้านี้หล่อนตั้งใจโนบรามาอวดเขา
เจ้าสัวธนาชอบผู้หญิงนมใหญ่ สองเต้าอวบใหญ่ของวิไลที่กำลังกระเพื่อมไหว ทำเอาเจ้าสัวมากตัณหาเขวได้เหมือนกัน ทั้งที่กำลังจะไปทำงานอยู่แล้วเชียว
“วิไลมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ”
หล่อนทำเสียงอ้อน
เว้นมาหลายคืนแล้วที่เจ้าสัวละเลยไม่ทำการบ้านเพราะเครียดกับงาน ปล่อยให้หล่อนนอนร้อนๆ หนาวๆ ทรมานในอารมณ์มาหลายคืน
“นี่จะสายแล้วนะ”
เจ้าสัวยกหลังมือขึ้นมองนาฬิกา
“วิไลสัญญาว่าจะใช้เวลาไม่นานค่ะ”
หล่อนรั้งข้อมือของสามีให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ รีบจูงเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง
ครั้นเมื่อเข้ามาอยู่ด้วยกันสองต่อสองภายในห้อง วิไลก็รั้งข้อมือเจ้าสัวธนามานั่งลงที่โซฟาด้วยท่าทางใจร้อน
“วิไลคิดถึงเจ้าสัวค่ะ...”
หล่อนยิ้มยั่วขณะทรุดร่างลงนั่งคุกเข่าตรงหว่างขาของเขา
“คิดถึงฉัน...หรือว่าคิดถึงน้องชายฉันกันแน่”
เจ้าสัวรู้ เพราะเห็นภรรยาเลียริมฝีปากส่งสัญญาณ เพียงเท่านั้นคนอยากโดนดูดก็รีบถอดกางเกงอย่างรู้กัน จากนั้นก็เอนกายพิงพนักโซฟาในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน มือใหญ่ช้อนท่อนเนื้อขึ้นมาลูบคลำอุ่นเครื่อง
“อูย...ของเจ้าสัวใหญ่เหลือเกิน...เห็นทีไรใจเต้นทุกที”
สายตาของวิไลจับจ้องแก่นกายยาวใหญ่ ที่ผงาดแข็งเป็นดุ้นขึ้นมาอวดศักดาจนน่าเกรงขาม
“จัดการเลย...ฉันมีเวลาไม่มาก”
เจ้าสัวนักธุรกิจที่มีงานรัดตัวแทบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง รีบรั้งมือภรรยาให้ขยับเข้ามาคุกเข่าลงตรงหว่างขาอ้ากว้าง ค่อยๆ ง้างตอร์ปิโดขนาดมหึมาขึ้นมากด คลึง บด เคล้า เข้ากับนวลแก้มข้างหนึ่งของหล่อน แล้วจดจ่อเข้าที่กลีบปากเอิบอิ่มเคลือบสิปสติกสีแดง
“ใหญ่จัง...”
สองมือของวิไลลูบไล้พิจารณาแทงเนื้อสีเข้มคล้ำของสามีด้วยหัวใจเต้นแรง หล่อนเคยเห็น เคยกิน เคยดูด เคยเลียจนชินก็จริง แต่ทุกครั้งที่ได้เห็น...ก็ชวนให้ใจเต้นระทึกทุกที
โดยเฉพาะในวันที่ได้เห็นตอนกลางวันแสกๆ ความอลังการของเจ้าสัวธนาสามารถทำให้หล่อนเกิดอาการน้ำเดินได้ในระยะเวลาอันสั้น
“ฉันรู้ว่าเธอชอบ”
เจ้าสัวยิ้มภาคภูมิ
ขณะมือเรียวของวิไลลูบไล้ท่อนแข็งของเขาซึ่งมองดูขรุขระเหมือนดุ้นมะระจีนสีเขียวๆ ต่างกันตรงที่ของท่านเจ้าสัวเป็นสีน้ำตาลเข้มดุจเดียวกับสีผิวของเขา
และที่มันขรุขระก็เพราะว่ามีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาชัดเจน เห็นแล้ววิไลเกิดอาการใบหน้าร้อนวูบวาบ
“อา...”