2
ความรักในโลกออนไลน์
กระทั่งฤดูปักดำผ่านพ้นไป แม้หน้าฝนจะยังไม่หมด แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฉันต้องออกจากบ้านไปเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ
มหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนเป็นมหาวิทยาลัยเปิด จริง ๆ แค่อ่านหนังสือที่บ้านและไปสอบเอาเฉย ๆ ก็ได้ แต่ด้วยความที่ฉันอยากลองไปเรียนในห้อง ไปรู้จักกับอาจารย์และรู้จักเพื่อนใหม่ดูฉันก็เลยลองเดินทางไปเรียนที่มหาวิทยาลัยซึ่งเปิดเป็นศูนย์ใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ระหว่างเรียนฉันก็หางานทำไปด้วย
สถานะครอบครัวฉันตอนนั้นค่อนข้างยากจน ฉันจบมัธยมด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 สอบติดเกษตรได้ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่โคราชแต่ไม่ได้ไปเพราะว่าค่าเทอมที่นั่นสูงลิ่ว ต่อให้ทั้งกู้หรือขายไร่นาห้าหกไร่ไปส่งตัวเองเรียนก็อาจจะเรียนไม่จบ ตอนนั้นฉันอยากเรียนเกษตรที่นั่นมากแต่คิดว่าถ้าทุ่มทุนเพื่อส่งตัวเองเรียนแล้วจบมาอาจจะหาเงินคืนมาได้ไม่คุ้มเสีย ฉันอาจจะเป็นคนยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ดูเหมือนพวกไม่อยากลงทุนเพื่ออนาคตตัวเอง แต่สำหรับฉันแล้วตอนนั้นฉันกลับคิดแค่ว่าถ้าฉันเรียนจบมาด้วยหนี้ก้อนโตฉันจะหาเงินมาใช้หนี้ได้หมดหรือเปล่า ฉันจะได้งานแบบที่ฉันอยากทำและได้เงินเดือนสูง ๆ ได้ทันทีไหม แล้วพ่อแม่ฉันที่เหนื่อยเพราะฉันขนาดนั้นจะได้สบายตอนไหน พ่อแม่อาจจะเหนื่อยกับตอนส่งฉันเรียนมามากแล้ว พอฉันเรียนจบก็อาจจะต้องมาเหนื่อยหาเงินใช้หนี้ช่วยฉันอีก อีกอย่างการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่สอบติดได้สำหรับบางคนมันก็ไม่ใช่ที่สุดของชีวิต ในเมื่อสถานการณ์และสถานะทางการเงินของครอบครัวฉันตอนนั้นสู้ไม่ได้ฉันจึงได้ถอย แต่ถอย ณ ที่นี้ไม่ใช่ถอยเพื่อหยุด แต่เป็นการถอยเพื่อหาเป้าหมายใหม่ที่ฉันคิดว่าฉันพอจะสู้เรื่องค่าเทอมได้
มันอาจไม่ใช่คณะและมหาวิทยาลัยในฝันมาตั้งแต่แรกแต่เป็นคณะและมหาวิทยาลัยที่ตอบโจทย์ฉันที่สุดในเวลานั้น ตอนแรกก็รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยในฝันเหมือนเพื่อนคนอื่น แต่สุดท้ายฉันก็รับได้และคิดว่าทางเลือกของคนเรามีหลายทางนัก...จะเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน อยู่ที่ว่าเรามีเป้าหมายแบบไหนและตั้งใจแค่ไหน ไม่ว่าจะเรียนที่ไหนสุดท้ายจบไปก็ต้องไปสอบแข่งขันเพื่อเข้าทำงานเหมือนเดิม และถ้าเราตั้งใจจริง ๆ ไม่ว่าจะจบมาจากสถาบันไหนก็สามารถไปสอบแข่งขันกับคนอื่นได้ทั้งนั้น...ส่วนเรื่องคณะและมหาวิทยาลัยในฝัน ถ้าในภายภาคหน้าเก็บเงินและตั้งตัวได้และยังอยากจะเรียนเหมือนเดิมก็ยังสามารถไปเรียนได้อีก...เพราะโอกาสไม่ได้หมดไปเพียงแค่ครั้งเดียว โอกาสยังมีมาให้เราเสมอ เพียงแค่เราตัดสินใจว่าจะเลือกเอาโอกาสไหนมาเป็นโอกาสของเราในตอนนั้นก่อน
...ตอนที่ฉันอายุสิบเก้าฉันคิดแบบนั้น...
เล่าเรื่องที่เรียนกับเรื่องชีวิตมาเยอะแล้ว กลับมาเรื่องพี่ครามกันใหม่...
หลังจากฉันไปเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ฉันก็ยังคุยกับพี่ครามเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเขาทำให้ฉันรู้สึกกับเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว เรื่องของเรื่องคือหลังจากฉันมาเรียนฉันก็ได้เพื่อนทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทุกครั้งที่ฉันโพสต์ภาพที่มีเพื่อนผู้ชายอยู่ด้วยเขามักจะแซวแกมค่อนแคะมาในแชทเป็นประจำ ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดว่าเขาค่อนแคะเพราะหึงแต่คิดว่าเขาแค่พูดหยอก ๆ เขาเป็นคนชอบทักมาแซวนั่นแซวนี่เวลาฉันโพสต์อะไรอยู่เรื่อยทุกครั้งที่เขาว่าอะไรทำนองนั้นฉันจึงไม่ค่อยที่จะคิดมาก แต่ในความไม่คิดมากฉันเหมือนจะชอบเวลาที่โดนเขาแซว ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนนั้นมันคืออะไร รู้แต่ว่ามันรู้สึกดีในใจแปลก ๆ ทุกครั้งที่ฉันได้ต่อปากต่อคำกับเขาในแชทฉันจะยิ้มไม่หุบและรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในใจเป็นร้อย ๆ ตัว เวลามีเรื่องเครียด ๆ มาคุยกับเขาฉันก็จะรู้สึกดีขึ้นมาทันที แชทของเขามันให้ความสนุก ความสบายใจและความอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก และหลังจากนั้นฉันก็จะเฝ้ารอแค่แชทจากเขา ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเวลาคุยแชทกับใครแม้แต่รุ่นพี่ที่ฉันเคยชอบในก่อนหน้านี้ จนกระทั่งประมาณต้นเดือนสิงหาคม ปี 2017 ที่ฉันคิดว่าฉันพอจะเข้าใจความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมของตัวเองแล้ว
กลางฤดูฝน ปี2017 ฉันรู้ตัวว่าฉันตกหลุมรักผู้ชายที่ฉันคุยมาได้สามเดือนกว่า ๆ ...ผู้ชายที่ฉันรู้จักแค่ชื่อ หน้าตา ที่อยู่และอาชีพการทำงานแบบผิวเผิน ผู้ชายที่ทำให้ฉันตกหลุมรักเพียงแค่ได้อ่านข้อความในแชททั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยเจอหน้า
ความรักของฉันครั้งนี้ดูเหมือนจะดีและก็ราบรื่นเพราะเราคุยกันอยู่ตลอด ใช่...ตอนฉันยังคุยเอาสนุกไม่ได้รู้สึกอะไรมันก็เป็นอย่างที่กล่าวมา ทุกอย่างตอนนั้นดีหมด อะไรก็ทำให้ยิ้มให้หัวเราะได้ แต่หลังจากฉันรู้ตัวว่าเริ่มชอบเขาอยู่ ๆ บางอย่างมันก็เปลี่ยนไป
เขาตอบแชทช้าลง จากปกติฉันตื่นมาแล้วทักเขาไปตอนเช้า คุยกันต่อเนื่องจนถึงก่อนนอน เขาก็เริ่มตอบข้อความแค่วันละสี่ถึงห้าข้อความ เขาเริ่มคุยไม่สนุกเหมือนเดิม มันทำให้ฉันเริ่มรู้สึกเกร็งและเหมือนพยายามสรรหาคำพูดเพื่อจะเอามาคุยกับเขา แต่หลังจากนั้นก็เหมือนว่าทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว นับวันเขายิ่งตอบแชทน้อยลง เป็นตอนนั้นที่ฉันเริ่มเอะใจว่าเขามีคนคุยใหม่แล้วหรือเปล่า ลืมบอกไปว่าก่อนหน้านั้นฉันเคยถามถึงเรื่องแฟนของเขา ฉันไม่รู้ว่าเขาโกหกหรือเปล่าแต่เขาบอกว่าเขายังไม่มีแฟน ไม่มีแฟนและยังไม่แต่งงาน และจากคำพูดทุกอย่างของเขาตอนนั้นคือฉันเชื่อหมด ฉันเชื่อเพราะคิดว่าเขาคงไม่มีเหตุผลให้มาโกหก อีกอย่างจากการคุยกับเขาเขาก็ดูไม่ใช่คนพูดโกหกด้วย...จริง ๆ มันอาจจะเป็นเพราะตอนนั้นฉันดูคนไม่เก่ง
และหลังจากทนอึดอัดเพราะเขาไม่เหมือนเดิมมาไม่ถึงเดือน ช่วงปลายเดือนสิงหาคมฉันก็เห็นเขาเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นรูปที่เขาใส่ชุดทหารหันข้างและมีดาวหนึ่งดวงติดอยู่ที่บ่า รูปเขาเพิ่งโพสต์ไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว มีคนเข้ามาคอมเมนต์สิบกว่าคน ตอนนั้นฉันกดเข้าไปอ่านคอมเมนต์ด้วยมือสั่นเทา และแต่ละคอมเมนต์มันก็ทำให้ฉันอึ้ง
"ยินดีด้วยนะหมวด"
"ยินดีล่วงหน้ากับว่าที่ผู้พัน...อีกสามปีเตรียมฉลองรอเลย"
"ยินดีกับตำแหน่งใหม่ด้วยนะคะผู้หมวด ย้ายกลับมาน่านแล้วอย่าลืมที่บอกว่าจะเลี้ยงข้าวด้วยล่ะ"
"ได้ดาวประดับบ่าแล้วยิ่งหล่อ ชาวชลบุรีรู้สึกเสียดายที่ต้องเสียคนหล่อไป แต่ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับชาวน่านด้วย"
"ลุงกลับไปแล้วคิดถึงแย่ อย่าลืมกลับมาเที่ยวชลบุรีนะลุง"
นี่คือคอมเมนต์เพียงแค่บางส่วน แต่แค่บางส่วนก็ทำให้ฉันรู้สึกอึ้งแล้ว แต่ละคนที่มาเมนต์เขาเหมือนจะเป็นทหารกันหมด และเขา...ก็เหมือนจะเป็นทหารด้วยเหมือนกัน ที่เขาบอกว่าเขาทำงานที่ชลบุรีมันคือเรื่องจริง แต่เขาไม่ได้ทำงานในโรงงานแต่เป็นทหารที่อยู่ในค่ายต่างหาก...และในปลายเดือนสิงหาคม 2017 ฉันก็ได้รู้ว่าเขาโกหกฉันเรื่องอาชีพ
ตอนนั้นฉันก็รู้สึกทั้งอึ้งและงง ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องโกหกฉันว่าเขาทำงานโรงงาน บอกว่าเป็นทหารแล้วมันจะเสียหายงั้นเหรอ หรือเพราะเขาแค่อยากคุยเล่น ๆ เลยคิดว่าจะบอกว่าเป็นอะไรก็บอกได้ทั้งนั้น...แต่จะว่าไปแล้วถ้าเป็นเมื่อก่อน ก่อนที่ฉันจะรู้สึกอะไรกับเขาฉันคงไม่แคร์ว่าเขาจะโกหกหรือไม่โกหก ตอนนั้นสิ่งที่ฉันสนใจคือการคุยกับเขาแล้วได้หัวเราะ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เมื่อเริ่มชอบก็เริ่มแคร์ เมื่อเริ่มแคร์ก็เริ่มคิดมาก คิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านมา คิดถึงช่วงเวลาดี ๆ ตอนยังคุยกัน และคิดถึงอนาคตว่าจะเป็นยังไงต่อไป คิดอยู่คนเดียวจนปวดหัว ทักเขาไปเขาก็ไม่ตอบ นาน ๆ จะตอบทีนึงก็ยิ่งทำให้ฉันคิดมากยิ่งขึ้นไปอีก มันอึดอัด อึดอัดมากขึ้นทุกวัน อึดอัดที่ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม อึดอัดเมื่อคิดว่าตอนเริ่มคุยเราต่างฝ่ายต่างคุยกันแค่เล่น ๆ แต่พอรู้สึกทำไมฉันต้องมารู้สึกกับเขาอยู่แค่ฝ่ายเดียวแล้วเจ็บคนเดียว ฉันเริ่มนอนน้ำตาซึมตอนเลื่อนอ่านข้อความเก่า ๆ ที่คุยกับเขา พอเลื่อนอ่านก็ยิ้มทั้งน้ำตา อ่านหนังสือหนังหาเริ่มไม่เข้าใจ ความสุขจากการคุยออนไลน์กับเขาที่ผ่านมา ไม่คิดว่ามันจะทำให้ฉันต้องเสียน้ำตาในเวลาต่อมาได้ขนาดนั้น...