1 หนุ่มเกียร์ช้ำรักกะหล่ำปลี

1692 คำ
1 หนุ่มเกียร์ช้ำรักกะหล่ำปลี [เต... ตานายกลับบ้านมาดูแลแม่แทนพี่นะ แม่อายุมากแล้ว พี่ต้องไปทำธุระต่างจังหวัด] เสียงเข้มบอกผ่านสายมาก่อนเงียบไปไม่มีบอกกล่าวคำลา เจ้าของร่างสูงในเสื้อสีสะท้อนแสงเขียวแปร๋น หมวกเฮลเมทสีขาวทรงกลมยืนหน้าเข้มอยู่กลางไซต์งานด้วยท่าทีหงุดหงิด ต้นเหตุมาจากสายของพี่ชายเจ้าปัญหา ทว่าเขาคงไม่สามารถระบายอารมณ์ลงที่ใครได้ หรือให้มันมารบกวนการทำงาน ธรรมดาของตฤณภพก็เป็นอย่างนั้น เป็นพี่ชายที่พูดมากต่อยหนัก! แต่ละคำหลุดจากปากมาไม่มีดี บทจะวางหูใส่วางแล้ววางเลยมาตั้งนานโข ทำไมเขาจะไม่ชิน... ด้วยอาชีพแสนเคร่งเครียดของเจ้าตัวที่ต้องฟังเสียงเครื่องมือแพทย์แสนหนวกหู ใช้ชีวิตอยู่แต่กับช่องปากคนอื่นทั้งวัน น้องชายอย่างเตชินคงยินดีให้อภัย... สถานที่กว้างขวางเบื้องหน้ามีแหล่งน้ำสำคัญที่เขาจะต้องทำรางวัดเพื่อสร้างสิ่งก่อสร้างคือตึกระฟ้าโครงการใหญ่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของวิศวกรอีกทีมหนึ่งหลังจากนี้ ตัวเขาและเพื่อนร่วมงานต่างชาติคงหมดหน้าที่แล้วได้กลับไปนอนตีขา พักผ่อนยาว ๆ สักพักก่อนกลับมารับงานใหม่ ลมกรรโชกพัดแรงขึ้นตามสภาพอากาศบอกว่าน่าจะมีพายุลูกเล็ก ๆ การใส่เสื้อสีสะท้อนแสงเป็นเครื่องบ่งชี้ของผู้ทำงานกลางแจ้ง ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ดี ตึกระฟ้าตรงหน้ากำลังจะเสร็จ หัวหน้าทีมวิศวกรเร่งบอกเพื่อนร่วมงานเกือบสิบชีวิตว่าให้เร่งมือ ต่างคนจึงแยกย้ายกันไปทำงาน เช่นเดียวกับหนุ่มเอเชียหน้าคมเข้มที่บินลัดฟ้ามาอยู่ที่นี่ได้ปีกว่า ๆ เตชินเดินกลับไปในพื้นที่ตรงกลางหน้าตึกกระจก โน้มตัวลงก้มหน้า มองผ่านกล้องที่ใช้วัดมุมระดับแนวราบและแนวดิ่ง[1] ขาตั้งกล้องสีเหลืองและตัวกล้องสีขาวในมือของเขานั้นเรียกว่าเป็นหนึ่งในไอเท็มที่ใช้งานอยู่เป็นประจำ ได้เลขและข้อมูลที่ต้องการแล้วเขาจดลงกระดาษบนโต๊ะ เพื่อนอีกสองคนช่วยจับมันไว้จนเขาลงรายละเอียดเล็กน้อยเสร็จจึงพับเก็บมันให้เรียบร้อยลงกล่องกลม ๆ สำหรับเก็บกระดาษ อีกส่วนหนึ่งก็จดลงแท็บเล็ตประจำตัว การสำรองงานมีทั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์และส่งถึงมือกัน อย่างหลังเป็นที่นิยมมากกว่าสำหรับบอสบางคน ที่ไม่ชอบให้ข้อมูลของตนหลุดรอดลงระบบฐานข้อมูล เสร็จงานวันนี้แล้วเตชินถึงได้มีรอยยิ้มขึ้นบ้าง เขาเงยหน้าขึ้นโบกมือลา “Take care Guys, I have to go now.... See you next time” “Okay, I look forward to our next meeting. Have a goodtime in thailand” คำบอกลาของเพื่อนร่วมงานคนสนิทผ่านรอยยิ้มของชายหนุ่มไป พร้อมกับที่เขายกนิ้วโป้งให้บรรดามิตรสหายในต่างแดน เป็นอันจบงานยักษ์ใหญ่ของปี ทั้งการทักทายและบอกลาเป็นการยกมือบอกแทนวัฒนธรรมเก่า เหตุเพราะวิกฤติการณ์โรคระบาด ชายหนุ่มถอดหมวกของที่นี่แนบไว้กับลำตัว มือยกหมวกฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ขยับหน้ากากอนามัยสีดำให้กระชับแน่นติดจมูกโด่งเป็นสันคม ด้วยความที่เขาต้องใส่มันทุกวันตั้งแต่ตื่นนอนตามกฎของสถานที่ทุกแห่งในโลก หลังจากที่ก้าวขาขึ้นรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ด้านหลังตึก เสียงสั่นดังของโทรศัพท์มือถือในกางเกงทำให้ต้องหยิบขึ้นมาอีกรอบ ตาคมหลุบมองจอสี่เหลี่ยมในกำมือ เป็นเบอร์โทรศัพท์ขึ้นต้นด้วย +66 เตชินจึงสะบัดศีรษะอย่างหัวเสีย ยกโทรศัพท์แนบหูฟังเสียงแสบแก้วหูกรอกมาตามสาย [เต... พี่โทรมาย้ำ! อย่าลืม... กลับมาอยู่กับแม่ ณ บัดนาว!] “เออ ๆ เดี๋ยวกลับโว้ย! ไม่ได้หูหนวก บอกให้แม่จองตั๋วมาละกัน เซ้าซี้น่ารำคาญว่ะ” ตาณวีร์เป็นพี่ชายคนโตสุดของบ้าน ความหมายของชื่อคือผู้ปกป้อง คุ้มกันภัยให้น้อง ๆ อีกสองคน ถึงคนเล็กสุดจะไร้สัมมาคารวะในบางครั้ง [ขึ้นวะกับพี่ชายเหรอ? เดี๋ยวมึงโดน...] คำขู่ฟ่อของพี่คนโตสุดนั้นเตชินไม่เคยหวั่นกลัว ไหวไหล่ตอบ “เออสิวะ ไอ้ตาน” [ไม่แปลกที่คุณอริสาไม่เอาไปทำสามี... ชีช้ำกะหล่ำปลีต่อไปนะ ไอ้หนุ่มเกียร์] “ไอ้...!” ตู้ด ตู้ด ตู้ด... สายที่ตัดไปอย่างไร้เยื่อใย ชายหนุ่มคงทำได้แค่สาดทอคำสบถว่าพี่ชายต่าง ๆ นา ๆ ในรถยนต์ลำพัง กระทั่งเสียงลมแรงขึ้นเรื่อย ๆ บอกว่าผู้คนควรจะต้องกลับที่พัก เขาชะเง้อคอมองสภาพท้องฟ้ามืดครึ้มจึงรีบบึ่งรถออกในทันที รถฟอร์ดสีดำแล่นฉลิวไป ในความกังวลใจของคนขับที่กำลังนึกถึงผู้หญิงคนหนึ่ง... อดีตลูกสะใภ้คนดีของคุณแม่ทำให้เขาต้องผิดหวังช้ำรักอยู่นานกับการไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง พอคุณหมอหมาคาบแม่สาวงามไปรับประทานเรียบร้อย เขาเลยตีตั๋วมาอาศัยอยู่ประเทศอังกฤษ กับโฮสต์แฟมิลี่สมัยเรียนปริญญาตรี และโท ตลอดหนึ่งปี การใช้ชีวิตในต่างแดนเป็นวิศวกรของบริษัทแห่งหนึ่ง สลับรับจ้อบไปเรื่อยเปื่อย นับว่าเขาได้อะไรเยอะนอกจากประสบการณ์การทำงาน เตชินมีแพลนว่าจะเรียนปริญญาเอกอีกใบแก้เซ็ง ติดเรื่องคำเชิญไปร่วมงานปาร์ตี้จากบัดดี้ทั้งหลาย... แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็สายปาร์ตี้! เข้าผับเป็นนิจ เปลี่ยนสาวเรื่อยเปื่อยเหมือนเปลี่ยนรองเท้ากระเป๋า ได้กลับมาอังกฤษอีกครั้งหลังหิ้วปริญญากลับไปให้แม่ชื่นใจ เขาคงอยากระลึกความหลัง จับแหม่มสักคนสองคนมากกหน้า-หลังเป็นรางวัลชีวิตตัวเอง ทว่าเขากลับตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เลิกคบแก๊งสุรานารี ด้วยความรักตัวกลัวตายขึ้นมาเสียอย่างนั้น... ใช่! เตชิน สิงหวัฒน์ สมิงหนุ่มผู้หิวกระหายเคยโลดโผนอยู่ในป่าดงดิบ ไม่ได้ออกล่าเหยื่อมามาแรมปี ตั้งแต่สาวน้อยนามว่าโคโรน่าถือกำเนิดบนโลกนี้ ต่อให้เขาจะหื่นแค่ไหน ยังพึงระลึกตัวเสมอว่าถุงยางกันโรคเอดส์ แต่มันไม่ได้กันโควิด! มาอยู่เมืองนอกได้ทำแต่งาน ไม่กล้ามั่วซั่วนอนกับผู้หญิงแปลกหน้า หากมีสาวอกสะบึ้มมาหยอดมองทอดสะพานให้ พร้อมหน้าตาสะสวยของพวกหล่อนที่ไม่ยอมใส่แมสก์สักคน! เขาจะหลับตาลงแล้วท่องบทสวดมนต์ โควิด! โควิด ๆๆ โควิด! อารมณ์หื่นกระหายสามารถหายไปในชั่วพริบตา ใช่เหตุผลเพียงเท่านั้น โรคระบาดครั้งใหญ่กระทบกับงานก่อสร้างของเขาและธุรกิจอื่น นัดหมายต่าง ๆ ยังต้องถูกเลื่อนออกไป เป็นเหตุให้รายได้ลดลง เขาคิดว่าควรสะสมเงินไว้เที่ยวให้หนำใจตอนโควิดหมดจะดีกว่า นับว่าเขาเก็บเงินได้มาก ในเมืองแห่งศูนย์กลางทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างลอนดอน มีบ้างที่จะต้องย้ายตัวไปทำงานในรัฐอื่น ผ่านท้องถนนราบเรียบสะอาดตา การจราจรไม่ติดขัดขับรถไปได้เรื่อย ๆ หากไม่มีโรคร้ายแล้วล่ะก็ ผู้คนมากมายจะมาเยี่ยมร้านบูติกสุดหรู ร้านอาหารราคาแพง ช็อปปิ้งให้หนำใจใน carnaby street ชายหนุ่มทอดความคิดไปเรื่อยเปื่อย พลางลอบถอนหายใจ พอพบสภาพเงียบเหงาของเมืองใหญ่ ประชาชนกักตัวอยู่บ้านเหมือนในประเทศอื่น ๆ หลังมีประกาศจากทางการยกระดับมาตรการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ในขั้น ‘เทียร์ 4’ ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดจากเดิมที่มีแค่สามระดับ เรียกได้ว่าไม่ต่างจากล็อกดาวน์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ที่นี่มีอัตราคนติดเชื้อสองล้านกว่าคน และมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นทุกวัน เมืองนี้ยังมีอากาศหนาวมากกว่าทางอังกฤษตอนใต้ เดือนที่ฝนตกน้อยคือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกรกฎาคม เอาง่าย ๆ ว่ามันไม่มีหน้าฝนจริงจังเหมือนเมืองไทยแต่มีพายุนาน ๆ ครั้งอย่างเช่นวันนี้ จากงานวิจัยที่ได้อ่านผ่านตามา ความร้อนอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสขึ้นไปสามารถฆ่าเชื้อโคโรน่าไวรัส รวมถึงโรคซาร์ซึ่งเคยแพร่ระบาดมาครั้งหนึ่งทั่วโลก ตัวเขาเองคงต้องปล่อยมือจากขุมทรัพย์กลับไปอยู่กับแม่ในเมืองร้อน... “กลับบ้านดีกว่า... แม่จ๋า... คิดถึงแม่จัง” เสียงบ่นพึมพำพลางเบะปากเป็นเด็กน้อย ระหว่างสามพี่น้อง เตชินสนิทกับแม่มากที่สุด แต่เล็กจนโตเขาเป็นลูกชายขี้อ้อน เอาแต่ใจ ถึงมีไม่ยอมพ่อแม่ในบางครั้ง แม่มักจะตามใจเขามากกว่าพี่ชาย ตลอดทางขับรถมาถึงชานเมืองร่วมชั่วโมงเศษ เตชินคิดว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้วและมันคงไม่มีทางเลือกมากนัก หากไม่กลับคงได้ถูกพี่ชายฆ่าแน่ ๆ เขาจอดรถยนต์หน้าบ้านโฮสแฟมิลี่ ย่านริมชานเมืองร่มรื่นด้วยต้นไม้สีเขียว ถนนสองเลนส์สะอาดตา พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์สั่นดังจากกระเป๋ากางเกงยีนสีซีด มือล้วงหยิบมันออกมาพร้อมรอยยิ้ม ทันทีที่จอสว่างจ้าปรากฏหมายเลขนำหน้า +66 จากประเทศไทยลงท้ายด้วย MOM เขารีบรับสายแม่อย่างดีใจ “ว่าไงครับ? แม่... จะให้ผมกลับบ้านวันไหน แม่จองตั๋วยัง?” เสียงที่เงียบไปครู่ทำดวงตาคู่คมหรี่ลงอย่างสงสัย ก่อนได้รับคำตอบหวาน ๆ [จองแล้วจ้ะลูก เต... แม่จองตั๋ว Business Class ไว้สองใบ โรงแรมกักตัวทางเลือก ASQ โรงแรม 5 ดาวนะจ้ะ ฝากรับน้องพิมพ์กลับมาด้วยเนอะ ทางเดียวกัน] [1] กล้องธิโอโดไลท์ (Theodolite)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม