บทนำ-2
[สบายดี... เอ้อ... แม่ไปหาเพื่อน จ่ายตลาด เดี๋ยวก็มา...]
คุณพ่อมีอาการตะกุกตะกักกับการที่จะต้องตอบคำถามลูกสาวเขาจึงเปลี่ยนเรื่องไป
[ลูกจะกลับมาอยู่กับพ่อแม่ก็ดี ทุกคนคิดถึงลูกนะ อย่าลืมใส่แมสก์ตลอดเวลานะลูก แอลกอฮอล์ฉีดมือด้วย อ้อ... พ่อได้ข่าวว่าเพื่อนลูกกำลังจะแต่งงานนี่ หนูพายน่ะ]
“แต่งได้เหรอ? ตอนนี้เนี่ยนะ ทำไมพายไม่เห็นบอกพิมพ์เลย”
ถามไวตอบไว ขณิกาเป็นเพื่อนสนิทเพื่อนรักที่สุดของเธอพอ ๆ กับอิงฟ้า เรียนจบอังกฤษ สาขาโฆษณามาด้วยกัน
หลายคนได้ยินมาว่าหล่อนเพิ่งตกลงปลงใจกับนายหัวรูปหล่อ เจ้าของรีสอร์ตฟาร์มองุ่น เพื่อน ๆ ทั้งแก๊งป่านนี้คงเตรียมชุดสวยพร้อมแสดงความยินดี
[นั่นสิ... ไม่รู้จะได้แต่งเดือนหน้าหรือเปล่า รอรัฐบาลประกาศ ถ้าห้ามชุมนุม จัดงาน คงต้องเลื่อนล่ะมั้ง]
“แล้วพ่อไปยืมตังใครมาใช้? เท่าไร”
คนถูกซักเกิดอาการน้ำท่วมปาก ชัชชัยคิดไปคิดมายังไงลูกสาวก็ต้องรู้อยู่ดี
[ป้าขวัญ... คือ... พ่อไปเจอแกโดยบังเอิญน่ะ แกกลับไปอยู่เขาใหญ่พักนึง ตอนนี้กลับมากรุงเทพฯ ละ เห็นว่าลูกชายแกจบอังกฤษ ทำงานที่อังกฤษเหมือนลูกนะ กำลังจะกลับเมืองไทยเร็ว ๆ นี้ล่ะ]
“ป้าขวัญแกกลับมาอยู่บ้านหลังเดิมแล้วเหรอพ่อ? พิมพ์กำลังคิดถึงแกอยู่เลย” เสียงหวานแทรกอย่างดีอกดีใจ
คุณป้าอัธยาศัยดีในละแวกหมู่บ้านของเธอนั้นใคร ๆ ต่างรู้จัก ขวัญฤดีเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ทำกับข้าวอร่อยชนิดเปิดร้านอาหารได้หากไม่ติดว่าป้ารวยอยู่แล้ว เพราะเป็นเจ้าของร้านทอง!
วันไหนอารมณ์ดีเกิดอยากทำกับข้าวให้เพื่อนบ้านชิมแกก็ทำ
บ้านของนายชัชชัยนั้นอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรที่สร้างมานานนับห้าสิบปี เศรษฐีบางคนอยู่มานานก็ไม่อยากย้ายไปไหน
“คิดถึงแกงเขียวหวานป้าขวัญจัง... พิมพ์อยู่ที่นี่กินแต่ของเลี่ยน ๆ ไปร้านอาหารไทยกี่ร้านไม่เหมือนฝีมือป้าขวัญ...”
อ้าว! พี่ขวัญ มาพอดีเลยผมกำลังคุยกับลูกสาว
[แค่นี้ก่อนนะลูก... หรือจะวิดีโอคอลกับป้าขวัญเปล่า?]
เสียงคุณพ่อสลับหายไปเฉย ๆ เพราะการมาของเพื่อนบ้านสายทัวร์
ขวัญฤดีสวมหน้ากากอนามัยมาอย่างดี ส่งเสียงอู้อี้ทักทายผ่านสายมาบอกว่าอยากจะคุยกับเธอมาก แต่กว่าคนแก่จะกดหากล้องกันเจอก็หลายนาน
ที่ผ่านมาเธอเคยบอกพ่อแล้วเรื่องโปรแกรมแช็ตพวกนี้ แต่คนแก่ก็คือคนแก่ บอกแล้วบอกอีกไม่จบสิ้น...
คงไม่ใช่ปัญหารำคาญใจกับการพูดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ พิมพ์ลภัสเป็นคนใจเย็น สุภาพนอบน้อมกับผู้หลักผู้ใหญ่ นิสัยน่ารักของเธอมีมาแต่เป็นเด็กตัวเล็กจนถึงตอนนี้
“มันจะมีปุ่มรูปกล้องข้างล่าง ลองกดดูนะพ่อ... ที่พิมพ์เคยบอกพ่อน่ะ ให้โทรศัพท์มันมีแสงขึ้นมาก่อนนะ”
[ออ ๆ พ่อเจอแล้ว ๆ]
คุณพ่อได้เห็นหน้าลูกสาวหลังจากนั้น ชัชชัยฉีกยิ้มกว้างอยู่ในสวนหย่อมหน้าบ้าน ขณะกำลังรดน้ำต้นไม้ ข้าง ๆ กันมีสาวใหญ่วัยหกสิบปีสวมปิดครึ่งหน้าไว้ด้วยหน้ากากอนามัยผ้าลายดอกไม้สวย ส่งรอยยิ้มให้กันผ่านดวงตา
[ดีจ้ะ หนูพิมพ์... เป็นไงบ้างลูก?]
พิมพ์ลภัสโบกมือไปมา ทักทายเสียงหวานจ๋อย
“สวัสดีค่ะป้าขวัญ ทางนี้พอไหว ป้าขวัญล่ะค้าา... สบายดีไหมคะ? พิมพ์คิดถึงจัง เนี่ย... กำลังบ่นถึงแกงเขียวหวานป้าขวัญอยู่เลยป้ามาพอดี”
[รีบกลับมากินสิ วันนี้ป้าก็ทำมาฝากพ่อกับบ้านยายเปี๊ยกนะ บ้านท้ายซอยน่ะ]
สาวใหญ่วัยหกสิบยังน่ารักเสมอต้นเสมอปลาย ด้วยนิสัยของหล่อนเอง ป้าขวัญยังไม่เคยเอ่ยทวงเงินใครสักครั้ง จนคนยืมต้องเกรงใจไปซะเอง
โดยเฉพาะเด็กมารยาทงามอย่างพิมพ์ลภัส จะไม่พูดถึงก็คงจะน่าเกลียด
“ค่ะ... พิมพ์ว่าจะกลับไทยพอดี กำลังเก็บกระเป๋าเลยว่าจะเซอร์ไพรส์พ่อแม่ซะหน่อย เอ... พ่อแอบไปยืมตังป้าเท่าไร? เดี๋ยวพิมพ์โอนคืนให้นะคะ”
[สามล้านกว่าจ้ะ...]
ลุคสาววัยรุ่นสุดชิวหายไปในทันควัน... พิมพ์ลภัสเบิกตากว้างมองกล้องตาแทบแตก!
“ฮะ! สะ... สามล้าน... อะไรนะ? พ่อยืมเงินป้าขวัญสามล้าน!”
เสียงหัวเราะแห้ง ๆ ของพ่อดังผ่านสายมาทำเอาแทบลมจับ เธอถลึงตาใส่ใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ของคุณพ่อสุดที่รัก และที่สงสัยอยู่ว่าทำไมแม่ไม่อยู่ด้วย...
ก็คงจะงอนหนีนิสัยสร้างหนี้ของหัวหน้าครอบครัว
[เอ้อ... ป้าขวัญเขาคิดดอกไม่แพง พ่อเพิ่งเซ็นเอกสารไป... ไม่ต้องห่วงนะลูก เดี๋ยวพ่อหาใช้หนี้เอง พ่อเอาเงินมาหมุนไม่นาน]
[ตาชัช... โธ่! เราคนกันเองเนอะ พูดอะไรเรื่องเงินกับพี่ล่ะ รู้จักกันมาไม่รู้กี่สิบปี]
ท่าทางหยอกล้อกันของลูกหนี้และเจ้าหนี้ผู้แสนดี! พิมพ์ลภัสยังคงตะลึงงันอ้าปากค้าง
ขวัญฤดีกลับเห็นเป็นเรื่องดี ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรเลยกับคนสนิทสนมกันยังอุตส่าห์บอก
[หนูพิมพ์มีคืนเมื่อไรค่อยคืนก็ได้จ้ะ เรื่องเงินเล็กน้อยมาก ป้าไม่รีบ... แต่ถ้าไม่มีเงินคืนป้า...] ปลายเสียงเงียบไป ส่งยิ้มให้คนข้างกันกับเรื่องที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้
[พ่อบอกว่าหนูยังไม่มีแฟน หนูพิมพ์ลองพิจารณาลูกชายป้าดูสักคนนะลูก คนไหนก็ได้จ้ะ ป้ามีลูกชายสามคน...]