บทนำ-1
ผู้ดีถังแตก
“อะไรนะ? พ่อไม่มีตังสักบาทเลยเหรอ...?” เสียงสูงถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
พิมพ์ลภัสเคยเป็นลูกผู้ดีมีเงินเหลือกินเหลือใช้ จบโรงเรียนเอกชนนานาชาติ ต่อปริญญาเมืองนอกด้วยทุนทรัพย์ของพ่อแม่
เธอไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากนายเศรษฐีอย่างพ่อด้วยซ้ำ...
[พ่อไม่มีตังเลยลูก ตอนนี้พ่อต้องไปยืมเพื่อนฝูง กู้เงินมาหมุนส่งธนาคาร พ่อไม่อยากกวนลูกหรอกนะ พ่อเกรงใจ]
เสียงผ่านปลายสายไม่ค่อยดีนัก หัวคิ้วเรียวงามเหนือดวงตาคู่สว่างใสชนเข้าหากัน
ร่างอ้อนแอ้นอรชรในเดรสทำงานสีขาวสลับดำ กระโปรงยาวประเข่าทำให้เธอดูสวยสุภาพงามอย่างหญิงไทย หยุดยืนอยู่หน้าสัมภาระกระเป๋าลากใบใหญ่สี่ใบในห้องพักของเธอเอง ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
นับได้สามปีกว่าแล้วที่ ‘ธาดาแฟชั่น อัญมณี’ ตกอยู่ในสภาวะขาดทุน ธุรกิจมีรายได้ลดลงด้วยสาเหตุหลายอย่าง ไม่มีกำไรเหมือนสมัยเก่าก่อนแค่พอจ่ายเงินเดือนพนักงาน หมุนส่งธนาคารเดือนชนเดือน
ลูกสาวเพียงคนเดียวจึงต้องละทิ้งความเป็นลูกคุณหนูไปเป็นการถาวร มาตั้งต้นชีวิตใหม่ในอังกฤษตามคำชักชวนของเพื่อนสมัยเรียนว่าเงินเดือนดี ทำงานตัวเป็นเกลียว ส่งเงินให้พ่อแม่ใช้เดือนละเหยียดแสน
“ที่พิมพ์ส่งไปให้ไม่พอส่งแบงก์เหรอพ่อ? แม่บ้าน พ่อครัว คนขับรถบ้านเราออกไปหมดแล้วนี่ พนักงานร้านพลอยพ่อรวมทุกสาขาแล้วยังเหลือไม่ถึงร้อยคน...”
คุณพ่อทอดถอนหายใจยาว หนักใจที่จะต้องบอกลูกว่าครอบครัวลำบาก
[ธุรกิจพ่อหลายปีมานี้มันขาดทุนมากกว่ากำไร พอมาเจอโควิดยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ แต่พ่อผ่อนธนาคารไปเยอะแล้วล่ะ... อยู่ได้แบบพอไหว บางเดือนก็ไม่เหลือ]
เหตุผลข้อหลังเป็นส่วนหนึ่งของการล้มครั้งใหญ่ในรอบปีของร้านอัญมณีเก่าแก่ มีมาตั้งแต่รุ่นทวด
ไวรัสโคโรน่าหรือที่รู้จักกันว่า COVID-19 สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วผ่านการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ผ่านทางละอองเสมหะจากการไอ จาม น้ำมูก น้ำลาย
โรคระบาดนี้สร้างความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจไปทั่วโลก ตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้คนเริ่มจับจ่ายใช้สอยน้อยลง
พิมพ์ลภัสเป็นเด็กดี เข้าใจพ่อแม่ในทุกเหตุผล เธอเสียสละเพื่อครอบครัวมาตลอด แม้ตอนนี้...
มือเรียวเล็กจับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่แน่นด้วยความรู้สึกผิด ความผิดของเธอคือปล่อยให้พ่อแม่ต้องตกระกรำลำบาก หนีมาใช้ชีวิตสุขสบายอยู่เมืองนอกคนเดียว
เธอคงต้องหาทางแก้ปัญหาเท่าที่เธอสามารถทำได้ก่อน
“พิมพ์มีเงินก้อนหนึ่งอยู่ที่บริษัทโฆษณาในกรุงเทพฯ เดี๋ยวพิมพ์ให้เพื่อนโอนให้พ่อกับแม่ใช้ก่อน สักห้าหมื่นพอไหม?”
[ขอบใจมากนะลูก อยู่อังกฤษไม่ลำบากใช่ไหม? พิมพ์...]
“ก็ไม่เหนื่อยเท่าไรนะพ่อ งานบริษัทโฆษณาพิมพ์ไม่หนักมากแค่ไม่มีวันหยุด เงินพอกินพอใช้ เหลือโอนให้แม่อีก แต่พิมพ์ว่า...” เธอเงียบไป ปิดลงถอนหายใจ เพื่อครอบครัวและพ่อแม่ที่น่ารักของเธอจำเป็นต้องตัดสินใจ
“พิมพ์จะกลับไปหางานทำที่เมืองไทย พิมพ์เบื่อจะอยู่อังกฤษละ พ่อรอหน่อยนะ”
[แล้วแต่ลูกตัดสินใจละกัน พิมพ์จะกลับมาเมื่อไรล่ะ? พ่อได้ยินว่าสนามบินเพิ่งเปิดแต่ไม่ได้รับนักท่องเที่ยว คนไทยกลับมาก็ต้องกักตัว...]
“พิมพ์จัดการเอง ไม่ต้องห่วงค่ะ พ่อกับแม่ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าคิดมากเรื่องเงิน... พิมพ์พอหาให้ได้”
ภาระทั้งหมดคงตกเป็นหน้าที่ของพิมพ์ลภัสที่ยังไม่รู้เลยว่าจะหาเงินที่ไหนมาเฉ่ง!
เธอพยายามทำความเข้าใจว่าหนี้ของพ่อไม่ใช่หนี้เสีย เป็นหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้แต่ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองทำให้ต้องประคองกันไป อย่าให้ต้องถึงขั้นปิดกิจการ
หญิงสาวเริ่มเก็บของใส่กระเป๋าเสื้อผ้า ขยับตัวหยิบของจากชั้นวางในห้องพักสี่เหลี่ยมเล็กแคบ โดยไม่ได้วางสายจากพ่อ เหมือนทุกวันที่เธอมักคุยกับพ่อแม่ผ่านโปรแกรมแช็ต ซึ่งประหยัดเงินมากกว่าการโทรทางไกล อาจมีสัญญาณขาดหายบ้างแต่เล็กน้อยเท่านั้น
ชัชชัยบ่นเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองไปเรื่อยเปื่อย ยังมีความเป็นห่วงเป็นใยลูกสาว
[แน่ใจนะลูก? จะกลับมาเมืองตอนนี้น่ะ พ่อว่างานลูกดีอยู่แล้วนะ...]
“ที่นี่ไม่ได้ดีมากหรอกพ่อ เทียบกับเมืองไทยคนติดเชื้อหลักหมื่นกว่า ตั้งแต่โดนมาตรการล็อกดาวน์รอบสอง บอสพิมพ์ปลดพนักงานออกไปตั้งเยอะ” เธอบ่นพลางส่ายหน้าไปมา เดินวกไปหยิบเสื้อผ้าจากตู้ยัดใส่กระเป๋าลากสีชมพูบนพื้น ข้าวของเครื่องใช้ของเธอไม่ได้มีอะไรมากนอกจากเดรสทำงาน ชุดนอนผู้หญิง
“ที่อังกฤษติดเชื้อเกิน 2.6 ล้าน เสียชีวิตไปแล้วกว่า 75,000 คนนะพ่อ”
[พ่อฟังข่าวอยู่ แม่เขาก็บ่น ๆ ว่าเป็นห่วงลูก...] ปลายเสียงแผ่วไปด้วยความเป็นกังวล คนลูกรู้สึกว่ามันชักเงียบผิดปกติจากที่ควรจะมีเสียงโวยวายของแม่
คุณแม่ของพิมพ์ลภัสเป็นศรีภรรยาที่ดี ถนัดทั้งงานบ้าน งานเรือน ยังช่วยคุณพ่อทำบัญชี ล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกันตั้งแต่เธอยังไม่ลืมตาดูโลก
ร้านค้าเครื่องประดับ อัญมณี ปัจจุบันมีคู่แข่งทางช่องทางออนไลน์มากขึ้นทำให้รายได้ลดลง ตัวร้านในกรุงเทพฯ ที่อยู่ได้เพราะนักท่องเที่ยวก็รายได้หดหาย ยิ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านพ่อเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน พ่อลำบากแม่คงต้องอยู่ในสถานะเดียวกัน
นั่นคือเรื่องที่เธอเป็นกังวล...
“แม่ไปไหนอ่ะ ไปจ่ายตลาดหรือพ่อ...? แม่สบายดีไหม...”